....OUR FAMILY'S JOURNEY....
ปากเซ หลี่ผี (สะบายดีจำปาสัก 2)


ปากเซ บ้านนากะสัง ดอนเดช
ดอนคอน หลี่ผี


(สะบายดีจำปาสัก 2)




อ่านตอนที่ 1 : คล๊กที่นี่
อ่านตอนที่ 3 : คล๊กที่นี่





2 มกราคม 2009

เย็นวานนี้ที่ร้านอาหารทัวร์ลาว คิดว่าจะนั่งพิสูจน์รสชาติเบียร์ลาวซักหน่อย แต่ที่นั่งที่เราจองได้อยู่ด้านนอกติดถนน ตอนทุ่มเศษๆ อากาศหนาวเพราะลมแรงมาก เลยต้องกลับเข้าโรงแรมทั้งๆที่ราตรียังเยาว์อยู่

มาถึงโรงแรมเอากระเป๋าขึ้นเก็บในห้องที่ชั้น 5 (แต่ลิฟท์มีแค่ 4 ชั้น) ก็รีบกลับลงมาที่ล๊อบบี้ ถามน้องคนสวยว่ามีห้องคาราโอเกะไหม เธอบอกว่า มีค่ะ และผายมือไปทางด้านใน เราก็เดินหา ไม่ยักกะมีห้องไหนเขียนว่า คาราโอเกะ ซักกะหน่อย เลยกลับออกมาถามเธออีก ทีนี้แหละเธอพาเดินไปส่งเลย... โถก็ตรงห้องใหญ่นั่นแหละ ห้องทานอาหารรวม แถมยังมีคนนั่งทานมื้อเย็นอยู่ เราก็เลยบอกขอบคุณเธอ ว่าถอยดีกว่า ไม่อาวดีกว่า..

จึงเป็นเหตุให้เมื่อคืนนี้ได้พักผ่อนเต็มที่เลยมีเรี่ยวแรงตื่นมาเดินเล่นแต่เช้าหน่อย คืนนั้นที่โรงแรมแสงอรุณดูเหมือนว่าจะเต็มทุกห้อง มีทั้งรถทัวร์ และรถตู้จากประเทศไทยจอดเต็มไปหมด







โรงแรมแสงอรุณ






พอถึงอาหารเช้า ทีนี้แหละสนุกจริงๆ เจ้าหน้าที่เติมอาหารไม่ทัน สงสัยว่าคงนานๆครั้งจะมีแขกมาพักมากมายขนาดนี้ ดูแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์เป็นคนไทย วางอาหารไม่ทันไม่ว่า โต๊ะที่จะนั่งทานอาหารกลับเต็มอีก ดีแต่ว่าเราคนไทยด้วยกันเลยรีบทานรีบลุก แบ่งที่ให้กันั่ง..

อากาศตอนเช้าที่นี่สดชื่นดี อาจจะได้รับไอเย็นจากแม่น้ำโขง และเซโดน มองออกไปไกลๆมีหมอกคลุมพื้นที่บางส่วนของภูเขา ลมอ่อนๆพัดมาแม้ไม่เย็นมาก แต่ก็ทำให้เราต้องหาแจ๊คเก็ทมาใส่เลยล่ะ








อรุณรุ่งที่ปากเซ







ถนนในเมืองปากเซเดี๋ยวนี้มีรถยนต์วิ่งเพิ่มขึ้น การก่อสร้างตึกราม บ้านช่องมีให้เห็นมากมาย เลยไปทางใต้ของปากเซจะเห็นโรงผสมปูนซีเมนต์ชื่อดังจากเมืองไทยตั้งอยู่ โรงแรมใหญ่ๆหลายที่กำลังผุดขึ้น เช่น เอราวัณ ริมแม่น้ำโขง ผู้คนในปากเซวันนี้จึงมีชีวิตชีวามากขึ้นสมกับเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว








ถนนในปากเซ






สามล้อเครื่องที่นี่







เราออกจากปากเซตั้งแต่เช้า รถผ่านออกไปนอกเมืองเป็นเส้นทาง 4 เลนได้ซักพักก็เลี้ยวขวาลงไปทางใต้เป็นทางเลนเดียวสวนกันเหมือนเดิม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 13 ซึ่งสามารถต่อเข้าไปในเขมรได้ ออกจากตัวเมืองปากเซไปได้ไม่นานก็จะเจอโรงงานผลิตเบียร์ลาวตั้งอยู่ทางขวามือ นี่แหละที่ทำให้ราคาเบียร์ลาวที่นั่นไม่แพงนัก ซึ่งก่อนหน้านี้ โรงงานผลิตเบียร์มีแห่งเดียวที่ก่อนถึงเวียงจันท์

ในระหว่างทางไปทางแยกบ้านนากะสัง จะมีด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง 2 แห่ง แห่งแรกก่อนถึงทางแยกไปวัดพู และแห่งที่สองก็อยู่ระหว่างทาง แต่ถ้าจะไปถึงเวินคาม ชายแดนติดต่อเขมร ก็จะมีด่านเก็บเงินอีกแห่งหนึ่ง ว่ากันง่ายๆ ถ้าจะไปดูปลาโลมาน้ำจืด หรือโลมาอิระวะดี ก็ต้องเสียค่าบำรุงทางหลวงเพิ่ม สำหรับค่าผ่านทางทั้งสองแห่งที่เราผ่านก็เก็บจากรถเล็กคันละ 5000 กีป.








จุดพักรถระหว่างทางบ้านห้วยแม่สัง ทางไปหลี่ผี คอนพะเพ็ง







รถวิ่งตามทางหมายเลข 13 มาได้ประมาณ 67 กม ถึงแถวบ้านแม่สัง ก็จะเป็นจุดพักรถ และให้ผู้โดยสารเข้าหองน้ำห้องท่ากัน ซึ่งก็พอใช้ได้แม้ไม่เท่ากับที่ในเมือง พูดถึงเรื่องห้องน้ำเดี๋ยวนี้พัฒนาไปมากว่าปี 2003 ที่เราไปเยอะ คือมีอยู่ทั่วไปแล้ว โดยเฉพาะตามปั๊มน้ำมันที่สร้างขึ้นใหม่ ในถนนสายนี้พอออกจากปากเซมาหน่อยจะเจอปั๊มเชลล์ ที่นี้เขาเขียนไว้เลยว่าห้องน้ำสะอาด ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะควรแวะตรงนั้นก่อน

ตรงจุดพักรถนี้เราเห็นเขาตากเนื้อคล้ายๆเนื้อวัวอยู่มากมาย อ๊อดบอกเราว่านี่คือเนื้อฟานตากแห้ง (ฟาน คือ เก้งบ้านเรา) ส่วนราคาก็แพงพอได้ เพราะพื้นที่ป่าที่นี่อุดมสมบูรณื สัตว์ป่าจึงมีมากมาย ชาวบ้านจึงมีวิถีชีวิตที่อาศัยอาหารจากป่าเป็นสำคัญ เราซื้อฟานปิ้ง (ย่างเนื้อฟาน) กับข้าวเหนียวตุนเป็นเสบียงระหว่างทางอีกประมาณเกือบ 100 กม.








จานดาวเทียมจากเวียตนาม






ตามชนบท หรือแม้แต่ในเมืองในลาวมักจะเจอจานดาวเทียมที่มาจากเวียตนาม ทั้งนี้ก็เพราะว่าเสาถ่ายทอดสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ลาวยังมีไม่มาก อีกอย่างชาวบ้านในลาวนิยมดูทีวีจากประเทศไทย ลูกหลานชาวลาวจึงพูดภาษาไทยได้ดี มีอยู่ครั้งหนึ่งเราไปเที่ยวที่วังเวียง และได้ไปเยี่ยมบ้านชาววังเวียง ลูกสาวเขาไหว้และพูดคำว่า สวัสดีค่ะ ชัดมาก พอถามพ่อเขาก็ได้ความว่า เธอติดละครไทย และพูดภาษาไทยได้ดี นี่ขนาดอยู่ลึกเข้าไปจากเวียงจันท์ถึง 150 กม นะนี่

คนที่นี่นิยมจานดาวเทียมจากเวียตนาม ก็เพราะว่า ราคาถูก คือจานละ 2000 บาท..ส่วนรถมอเตอร์ไซด์ส่วนมากก็นำเข้าจากจีน เพราะถูกกว่าของไทยมาก แต่ถ้าถามเขาว่าเขาอยากจะได้รถที่มาจากที่ใด ร้อยทั้งร้อยต้องบอกอยากได้ที่มาจากเมืองไทย เพราะทนทาน หาอะไหล่ได้ด้วย
.






เนื้อฟานตากแห้ง







ก่อนถึงน้ำตกคอนพะเพ็งประมาณ 9 กม หรือประมาณ 144 กม จากปากเซ จะมีทางเลี้ยวขวาเข้าท่าเรือบ้านนากะสัง เป็นถนนลูกรัง (หนุ่มอ๊อดบอกเราว่าเป็นถนนลาดยางหมด ที่ว่าลาดยางหมดเพราะยางมะตอยที่เอามาลาดถนนน่ะมันหมด เลยไม่ได้ลาด เลยกลายเป็นทางลูกรังแบบที่เห็น)

ระยะทางเข้าไป 3 กม แต่ก็เป็นการนั่งรถแบบหัวควย (หัวสั่น หัวคลอนไปมา) ตลอดทาง พอไปถึงบ้านนากะสังเราต้องนำรถไปฝากไว้ โดยเสียค่าฝาก 5000 กีป จากนั้นก็เตรียมตัวไปนั่งเรือหางยาวต่อ







บ้านนากะสัง






บ้านนากะสังเป็นแค่ทางผ่านของนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเรือไปดอนต่างๆ เพื่อไปพักตามโฮมสเตย์ (Home Stay) หรือเกสเฮ้าส์ หรือบังกาโล ซึ่งจากตรงนี้สามารถแยกไปได้หลายดอน (เกาะ) เช่นดอนเดช ดอนคอน หรือดอนโขงซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุด ผู้นำประเทศของลาวก็เกิดที่นี่ คือท้าวคำไต สีพันดอน







ตะเกียงน้ำมันก๊าด






สินค้าที่นี่จึงเป็นของใช้จำเป็นของชาวบ้านแถบนั้น เช่นตะเกียงน้ำมันก๊าด (รูปบน) ที่ใช้น้ำมันก๊าดใส่ลงไปในกระป๋อง และใช้ผ้าเป็นใส้จุ่มลงไปในน้ำมันก๊าด และจุดไฟให้แสงสว่าง ชาวเกาะหรือดอนส่วนมากจะไม่มีไฟฟ้าใช้กัน ถ้าเป็นเครื่องปั่นไฟก็จะปิดไม่เกินสองทุ่ม






ซื้อปี้ที่ท่าเรือ






ที่ท่าเรือก็จะมีบริการขายปี้ (ตั๋ว) สำหรับนักท่องเที่ยว ถ้าไปแบบเดี่ยวๆ ก็ต้องรอผู้โดยสารที่จะไปทางเดียวกันก่อน ส่วนเรามากันหลายคนก็สามารถออกเรือได้เลย โดยค่าโดยสารที่ไปดอนเดช ไป - กลับ เขาคิดคนละ 15,000 กีป






เรือหางยาวที่จะไปส่งนักท่องเที่ยว






เรือหางยาวลำค่อนข้างใหญ่ที่แล่นไปส่งเรา แล้วเขาจะไปรอรับอีกครั้ง หรือไม่เรือบริษัทเดียวกันก็จะรับเรามาด้วย เจ้าของเรือที่นี้พัฒนาขึ้นไปเยอะ โดยได้เตรียมเสื้อชูชีพสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย แนะนำว่าท่านควรสวมใส่ให้เรียบร้อยทุกครั้ง เพราะน้ำโขงไหลเชี่ยวมาก อย่างน้อยๆช่วยป้องกันอันตรายได้







safety First.






เราใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาวขาล่องนี้ ประมาณ 20 นาที โดยเรือจะลัดเลาะไปตามเกาะแก่งเล็กๆน้อยๆ คาดว่าบางที่น้ำก้ไม่ลึกนัก สังเกตุเอาจากต้นไม้ที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ เรือแล่นผ่านชาวบ้านหาปลา โดยจะหากันเป็นกลุ่มๆ อ๊อดบอกเราว่า เขาหาได้เท่าไหร่ ก็นำมารวมกัน และขายแบ่งกันด้วย โดยบริเวณนี้เขาให้หาปลาได้วันละครั้ง







ชีวิต กับสายน้ำโขง






รับ-ส่ง นักท่องเที่ยว





ท่าเรือที่ดอนเด็ด สร้างสมัยฝรั่งเศสอยู่






เรามาขึ้นฝั่งดอนเดชใกล้ๆกับท่าขนส่งทางเรือที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ตอนที่เข้ามาปกครองลาว เพื่อมาต่อรถ 5 แถวกันที่นั่น ระยะทางที่เราต้องนั่งรถไปน้ำตกหลี่ผี ก็ประมาณ 4 กม. โดยรถจะวิ่งไปตามทางรถไฟเก่า ที่เขาถอดรางออกไปแล้ว ผ่านทุ่งนา และสะพานข้ามไปดอนดอน ผ่านหัวรถจักรเก่าและวิ่งต่อไปอีกจนถึงลานจอด จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตรก็ถึงน้ำตกหลี่ผี

สำหรับค่าโดยสารไปกลับเขาคิดคนละ 15,000 กีป แต่ถ้าเหมาคันไปเขาคิดคันละ 150,000 กีป วันนั้นเราไปน้อยเลยแชร์กับกรุปอื่นคนละครึ่ง เพราะเราไม่อยากรอนาน






จากดอนคอนสู่หลี่ผี





ทางที่รถ 5 แถววิ่งผ่านเป็นทางรถไฟเก่า เต็มไปด้วยฝุ่น นักท่องเที่ยวควรเตรียมหมวกไปด้วย อ๊อดบอกเราว่าทางการกำลังจะรื้อฟื้นโครงการทำเป็นรางรถไฟขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้เป็นรางวิ่งสำหรับรถจักรเล็ก เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ผมเองคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวได้ระลึกถึงอดีต เช่นเส้นทางสายมรณะในบ้านเรา ซึ่งจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนที่นี่มากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย






ซื้อปี้ที่ซุ้มประตู แล้วเดินผ่านสะพานนี้มา






ตรงลานจอดรถจะมีที่ขายปี้สำหรับเข้าชมน้ำตก โดยคิดจากนักท่องเที่ยวคนละ 9000 กีป หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพาน และตรงไปจนถึงริมน้ำโขง ก็จะพบกับ เกาะแก่งหินมากมาย และเป็นที่กล่าวขาลว่าที่นี่คือน้ำตกหลี่ผี












พอข้ามสะพานมาก็เจอคุณยายกำลังปิ้งกล้วยดิบขายให้นักท่องเที่ยว เราถามว่า ขายได้วันละเท่าไหร่ ยายบอกว่าวันละ 200 บาท ก็ไม่เลวนักสำหรับชีวิตบนดอนที่ห่างไกลแสงสีแห่งนี้



น้ำตกหลี่ผี

หลี่ เป็นภาษาลาว หมายถึง เครื่ิิองมือจับปลา ชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้า้ยลอบ ส่วนคำว่าผี หมายถึง ศพ คนตาย ซึ่งบริเวณน้ำตกหลี่ผีจะมีกระแสน้ำไหลบ่า ตามพื้นที่ราบผ่านแผ่นหิน แล้วไหลตกลงมาผ่านช่องหินที่แตกแยกออกจากกัน ลงสู่เบื้องล่างเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร จุดที่ในอดีตพบศพมากๆ คือบริเวณร่องหินของน้ำตกหลี่ผี บริเวณนี้กระแสน้ำจะไหลมารวมตัวกันเป็นแอ่งขนาดใหญ่ทำให้ศพของทหารในสมัยสงครามอินโดจีน จำนวนมากลอยมาติดในหลี่จับปลา ชาวลาวจึงเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกหลี่ผี บริเวณทางเข้าของน้ำตกหลี่ผีมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และเครื่องดื่มให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

















น้ำโขงวันที่เราไปเหือดแห้งไปมาก ที่ไหลผ่านตรงแก่งหินที่เราเห็นจึงไม่รุนแรงเท่าเมื่อตอนปี 2003 ที่เรามาซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว สีน้ำวันนี้จึงค่อนข้างใสสะอาดไม่ขุ่นเหลืองเหมือนช่วงปลายฝนที่เราเคยเห็น

ถึงแม้ปริมาณน้ำในแม่โขงจะไม่มาก แต่ก็อันตรายมากสำหรับผู้คนที่จะลงไปสัมผัส.... บริเวณแก่งที่เราไปชมเป็น แก่งหินกว้างมาก น้ำจะไหลตกลงมาตามซอกหินที่เป็นร่องขนาดต่างๆกัน ตามซอกหินเหล่านั้นจะมองเห็นหลี่ของชาวบ้านยังคงติดตั้งอยู่บางส่วน

























เดินเหนื่อย ทานน้ำมะพร้าอ่อนกันดีกว่า






วันนั้นนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ ทำให้แม่ค้าขายมะพร้างอ่อนขายแทบไม่ทัน กอร์ปกับตอนสายๆของวันนั้นอากาศที่ดอนคอนค่อนข้างร้อน

บริเวณใกล้ๆกัน จะมีพ่อค้าเอาผ้าทอมาวางขายให้นักท่องเที่ยวด้วย







ชีวิต...บนดอนดอน










นี่แหละโฉมหน้ารถ 5 แถวเรา เราเรียกอย่างนี้เพราะเขาททำที่นั่งไว้ 5 แถวแทบทุกคัน ส่วนคันด้านบนที่เห็นจะแต่งหัวรถเป็นงวงช้างแปลกดี






สะพานรเชื่อมเกาะเดช และเกาะคอน







บนสะพานที่เป็นทางรถไฟเก่าแต่เอารางออกแล้ว






อ๊อดเล่าให้ฟังว่า มะพร้าวบนเกาะที่เห็นเยอะๆนี่ เป็นเพราะฝรั่งเศสเอามาปลูก หวังจะทำเป็นที่พักผ่อนบนเกาะทั้งสองแห่งนี้ ปัจจุบันก็มีคนทำเป็นบังกาโล และเกสเฮาส์มากมาย ชาวตะวันตกชอบมาพักกันที่นี่







ซ้ายดอนเด็ด ขวาดอนคอน





บังกาโลและที่พักหลายแห่งที่กำลังผุดขึ้นที่สองดอนนี้ ซึ่งหลายแห่งก็ล้ำที่ลงไปในแม่น้ำ ทำให้ภาพบรรยากาศที่สงบราบรื่นแถวริมน้ำ เหมือนครั้งก่อนที่เรามาเยือน กำลังเปลี่ยนไป บนดอนคอนจะมีซากโรงพยาบาล วิลล่า และหัวจักรรถไฟ ทิ้งไว้ให้เป็นความทรงจำว่า นักล่าอาณานิคม เคยใช้เป็นข้ออ้างว่ามาทำความเจริญให้ที่นี่เท่านั้น











หม้อต้มกาแฟคลาสสิคแบบนี้ จะเห็นทั่วไปในดอนเด็ดและดอนคอนที่เราผ่านเข้าไป แต่เวลาชงเขาจะชอบทำหวานมาก ฉะนั้นต้องกำกับให้ดีสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำตาล ถามไถ่ได้ความว่ากาแฟก็เอามาจากแถวๆปากซองนี่แหละ






เด็กๆบนดอนเด็ด





ตรงที่เราขึ้นจากลำน้ำโขงมาที่ขายปี้รถ 5 แถวจะมีโรงเรียนเล็กๆ อยู่โรงหนึ่งสภาพก็ค่อนข้างจะทรุดโทรม เสียดายที่เราไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากพวกเขา เอาไว้ถ้าได้มาอีกในคราวต่อไปจะเตรียมของมาฝากเด็กๆที่นี่แน่

อ๊อดเล่าให้เราฟังว่า ที่ลาวรัฐบาลเขาห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวให้ทาน เป็นเงินแก่เด็ก เพราะจะทำให้เด็กๆเหล่านั้นไม่อยากไปเรียนหนังสือ เพราะในลาวค่าแรงถูกมาก ไปทำงานได้ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แต่ถ้าไปนั่งขอทานนักท่องเที่ยว บางวันรายได้ดีเป็นร้อย สองร้อยบาท จึงเป็นแรงจูงใจให้เด็กมาทำอาชีพนี้มาก เขาจึงห้ามเอาไว้


เราเดินทางโดยเรือหางยาวทวนน้ำขึ้นมาที่บ้านนากะสัง ใช้เวลาเดินทางมากกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่เราขึ้นมาบนฝั่งก็เจอนักท่องเที่ยวจากไทย มาที่นี่มากขึ้น และกำลังจะสวนทางเราไปลงเรือ

ความสวยงาม อุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ณ ที่แห่งนี้ได้ถูกเขียนออกไปในเวปไซท์หลายๆภาษา ทำให้ชาวตะวันตกมาพักผ่อน เขียนหนังสือ ท่องธรรมชาติแถวนี้มากมาย โดยเฉพาะที่ดอนดอน ดอนเดช และดอนโขงซึ่งอยู่เหนือสองดอนนี้ขึ้นไป ดอนโขงเป็นดอนที่ใหญ่ที่สุดในมหานทีสี่พันดอนตรงนี้ มีความยาวประมาณ 12 กม และกว้าง 6 กม.... เราหันไปมองเกาะแก่งที่เราผ่านมาอีกครั้ง ก่อนที่เราจะออกจากบ้านากะสัง เพื่อเดินทางไปเยือน น้ำตกคอนพะเพ็ง หรือไนแองการ่า แห่งอุษาคเนย์.

ลาตอนนี้กันด้วยภาพสาวน้อยบ้านากะสังกำลังจะไปโรงเรียนในภาคบ่ายละกันครับ

สะบายดี.




นักเรียนมัธยม ที่บ้านนากะสัง




อ่านตอนที่ 1 ll อ่านตอนที่ 3


______จบตอนที่ 2_______








Create Date : 08 มกราคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2555 22:24:36 น. 12 comments
Counter : 4995 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวลาวด้วยอีกแล้ว


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:21:47:03 น.  

 
หวัดดีครับคุณตุ๊ก....... ตอนหน้าคุณตุ๊กคงชอบ เพราะไปถ่ายภาพสนามกอล์ฟเขามาหลุมหนึ่ง สนามสมบูรณ์ดี เพราะเพิ่งผ่านกีฬาแห่งชาติมา....

ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ


โดย: wicsir วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:22:15:31 น.  

 
เห็นแล้วอยากไปจังเลยค่ะ

เคยไปดูหลวงพระบาง

ยังประทับใจไม่ลืมเลยค่ะ


โดย: NathalieNoelle วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:23:25:46 น.  

 
รูปสวย คม ชัด มากๆครับ วิวน้ำโขงสวยดี น่าเที่ยว


โดย: Innocent IP: 96.255.16.241 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:5:05:43 น.  

 
หวัดดีครับ nathalienoelle ......
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านครับ ที่หลวงพระบางผมก็เอามาเขียนไว้ในบล๊อกนะครับ ถ้าสนใจเข้าไปอ่านดูนะครับ

หวัดดีครับ Innocent ....
ขอบคุณครับสำหรับคำชม อย่าลืมตามอ่านตอนต่อไปนะครับ.


โดย: wicsir วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:6:57:38 น.  

 
ยิ่งเห็น ยิ่งอยากไปมาก ๆ เลยค่ะ วางแผนไว้ 2 - 3 ปี แล้ว ไม่ได้ไปสักที...

น้ำตกหลี่ผีสวยแบบแปลก ๆ นะคะ... ดูขลัง ๆ น่ากลัว ๆ จัง แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน และงดงามค่ะ

ชอบรูปเด็กจังเลยค่ะ.... แบบว่าชู 2 นิ้ว เหมือนเด็กบ้านเราเลย... อิอิ

... แล้วตกลงพี่ได้ไปดูโลมาน้ำจืดไม๊คะ สงสัยไม่ได้ดู เพราะไม่มีรูป.... คือเป็นโลมาจริง ๆ ไม๊คะ... เหอ ๆ.... อยากเห็นจัง
..........................................................

ถ้ามีโอกาสได้ไปจริง ๆ เมื่อไหร่.... ขอก๊อปสถานที่ท่องเที่ยว กะข้อมูลได้เลยนะคะเนี่ย.... ข้อมูลละเอียดดีค่ะ.... ชอบจัง


โดย: largeface วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:15:51:09 น.  

 
สวัสดีครับ largeface ...... ไม่ได้ไปดูครับโลมา เพราะเขาบอกว่า ถ้าโชคไม่ดีจริงก้ไม่เห็น เลยอาศัยดูภาพจากหนังสือเหมือนกันครับ

ได้เลยครับ รับรองว่าไปได้ไม่หลงอ่ะ...


โดย: wicsir วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:16:17:15 น.  

 
พี่ค่ะ..ที่จริงนะค่ะ เปิ้ลน่าจะได้ไปเที่ยวลาวหลังทริปของพี่ เปิ้ลจะเที่ยวได้สนุกกว่านี้ ไกด์ของเปิ้ลเป็นไกด์ใหม่ด้วยค่ะ เลยไม่ค่อยคล่อง แต่ไกด์ลาวทุกคน ( 3 คน ที่เคยเจอที่ เวียงจันทน์, สวันนะเขต และที่ไปคอนพะเพ็ง ..ประทับใจมาก โดยเฉพาะไกด์ใหม่ ๆ น่ารักมาก ใส ๆ ซื่อ ๆ ดูแล้วมีเสน่ห์นะค่ะ..พี่ว่าไหม ) แล้วจะมาแวะติดตามตอนต่อไปค่ะ..ก็พี่เล่นขยันอัพแบบนี้ เปิ้ลมีเวลาไม่มากก็ต้องตามมาอ่านทีละเรื่อง อิอิ...ยังไงก็ยังเป็นแฟนคลับ 555


โดย: Pleja IP: 114.128.54.111 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:0:01:59 น.  

 
หวัดดีเปิ้ล.... ไกด์แต่ละคนกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นไกด์ที่เก่ง หลายเรื่องต้องให้เวลาเขานิดหนึ่ง เช่นเรื่อง "ช่อฟ้า" บนหลังคาโบถส์ ก็ยังเข้าใจแตกต่างกัน...

จากนี้ไปจนถึงมีนาคมปลายเดือน คงมีเวลาอัฟบล๊อกน้อยลง .... งานเยอะขึ้น เรื่องปวดหัวคงตามมาเยอะน่ะ...

ขอบคุณที่ตามอ่านครับ


โดย: wicsir วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:10:18:44 น.  

 
ตามมาอ่านตอนที่สองคะ
น้ำตกหลี่ผีนี่ดูอลังการ...น่ากลัวๆ แต่ก็น่าไปค่ะ อิอิ


โดย: toonii (ซากุระสีชมพู ) วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:17:15:49 น.  

 
ร้านอาหารในภาพอ่ะ อาหารใช้ได้เลย น่าเที่ยวหมด ใครยังไม่เคยไปก้อไปกันซะนะ หนุกหนานมากๆ


โดย: charotte IP: 172.16.3.9, 172.16.3.9, 127.0.0.1, 210.1.7.100 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:10:19:47 น.  

 
อยากนั่งรถ 5 แถวจังค่ะ


โดย: nuch9981 วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:12:16:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.