....OUR FAMILY'S JOURNEY....

++ พาชมวัดโทไดจิ นารา ++









อ่าน Romantic Japan 8 : พาชมปราสาทฮิเมจิ
อ่าน Romantic Japan 10 : ณ โอซาก้า




บล๊อกที่แล้วเราพาคุณๆชมปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) มาแล้วนะครับ เราออกจากการชมปราสาทในช่วงบ่ายโมงเศษๆ เดินตามทางที่จะไปสู่สถานีรถไฟ เราแวะทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และเจอลูกสาวเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้เราเลยถือโอกาสนั่งที่ร้านนั้นซะเลย

ออกจาการทานมื้อเที่ยงแล้ว เราเดินทางต่อไปที่สถานีรถไฟและสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ Information Center ว่าเราอยากไปเมืองนาราเพื่อไปไหว้พระที่วัดโทไดจิ เราจะไปอย่างไรถึงจะสะดวกและรวดเร็วที่สุด ... ทางเลือกที่ได้คือไปรถไฟชินคันเซ็น ซึ่งจะไปที่เกียวโต แล้วไปสู่นารา ราคาประมาณ 6xxx เยน ซึ่งแพงไปหน่อยสำหรับเรา

มีอีกทางเลือกหนึ่งที่เธอเอาให้เราดูคือใช้รถไฟสายด่วย (จอดเฉพาะสถานีสำคัญ ยกเว้น Osaka loop จะจอดทุกสถานี) Kobe Line จาก Himeji Station ไป Osaka ใช้เวลา 1 ชั่วโมงราคา 12xx เยน และต่อสาย JR Yamatoji Line ไปนารา ใช้เวลา 41 นาทีราคา 780 เยน ... โอเค เราเลือกแบบนี้





เส้นทางที่เราใช้จาก ฮิเมจิไปนารา




เราไปถึงสถานีนาราประมาณ 16.00 น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ถามเจ้าหน้าที่ว่า วัดโทไดปิดกี่โมง เธอตอบว่า ภายในตัววิหารหรืออาคารหลักปิด 17.00 น. เราควรจะไปให้ถึงวัด 16.30 น.เพื่อให้เข้าสู่วัดได้ หลังจากกล่าวขอบคุณเธอแล้ว เราจับแท๊กซี่จากสถานีไปที่วัดเลย ซึ่งก็ไม่ไกลมากค่าแท๊กซี่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 1 พันกว่าเยน (แท๊กซี่ที่ญี่ปุ่นเขาเริ่มมิเตอร์ที่ 680 เยนครับ)

ก่อนเวลา 16.30 นิดหน่อย เพราะแท็กซี่ที่ญี่ปุ่นเขาไม่อู้ เขาจะไปตา GPS ซึ่งเราก็สามารถดูเส้นทางไปพร้อมกะเขาได้ครับ ... เย้ ยังทันได้ชมวัด ไปชมพร้อมๆกันเลยนะครับ




ตามทางเดินเข้าวัด



เมืองนารา หรือ นะระ


จังงหวัดนะระ เป็นจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในภาคคันไซ มีเมืองหลวงจังหวัดในชื่อเดียวกันคือ นะระ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 1,300 ปีก่อน

นาราเป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองโอซาก้า ด้วยระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร สามารถนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนาราแบบเช้าไป – เย็นกลับได้อย่างสบายๆ ชื่อ “Nara” มาจากภาษาญี่ปุ่นคำว่า “Narasu” แปลว่าทำให้แบนราบ เนื่องจากพื้นที่ของเมือง Nara ตั้งอยู่บนที่ราบ

เมืองนารา เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นมาก่อนในปี ค.ศ. 710-784 (ก่อนเมืองหลวงจะถูกเปลี่ยนเป็นเกียวโตในภายหลัง) ด้วยความที่ว่าเมืองนาราเป็นเมืองหลวงมาก่อน จึงมีวัดและศาลเจ้าเก่าแก่อยู่หลายที่เช่น Todai-ji, Saidai-ji, Kofuku-ji, Kasuga Shrine, Gango-ji, Yakushi-ji, Toshodai-ji, และ the Heijo Palace สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วทั้งสิ้น

กวางเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารา เนื่องจากชาวนารามีความเชื่อว่ากวางเป็นสัตว์รับใช้เทพเจ้า ปัจจุบันเมืองนารามีกวางเดินอยู่อย่างอิสระทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า วัด หรือตามท้องถนนก็ตาม





เดินท่ามกลางฝูงกวาง..ด้านหลังคือประตูนันไดมง (Nandaimon-Gate)





เสาประตูขนาดใหญ่



จากที่จอดแท๊กซี่ถึงหน้าประตูใหญ่ น่าจะซัก 300 เมตรได้ ณ บริเวณนั้นจะมีสวนเลี้ยงกวาง ที่ปล่อยอย่างอิสระและเขาก้ไม่กลัวนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้อาหารจากนักท่องเที่ยวก็เป็นได้

ส่วนอีกด้านหนึ่ง (ทางซ้ายมือตอนเดินเข้าสู่วัด) เป็นร้านค้าเรียงยาวไปเกือบถึงประตูวัด ... เราเดินเลยกวางไปก่อนเพื่อซื้อบัตรเข้าชมวัด โดยจะกลับมาถ่ายภาพกับเจ้ากวางน้อยหลังชมวัดโทไดเสร็จสิ้นครับ ค่าเข้าชมวัดโทไดจิก็ 500 เยนต่อคนครับ





ประตูชูมง (Chumon- Gate)



วัดโทไดจิ เมืองนารา

ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสวนสาธารณะเมืองนารา วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีความสวยงามและยิ่งใหญ่มาก สิ่งแรกที่จะพบเมื่อเดินทางมาถึงวัดคือ ประตูนันไดมง (Nandaimon-Gate) ประตูขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวแบบนาราสไตล์ที่สามารถมองเห็นไม้ค้ำยันโครงสร้างหลังคาได้อย่างชัดเจน ประตูบานนี้มีขนาดใหญ่มาก ต้องใช้เสาขนาดใหญ่ค้ำยันเพื่อรองรับน้ำหนักมากถึง 18 ต้นเลยทีเดียว ที่ด้านล่างของประตูแห่งนี้จะมีรูปปั้นยักษ์สองตัวคอยเฝ้าวัดอยู่ ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่าสามารถขับไล่สิ่งไม่ดีได้ เมื่อเดินทะลุผ่านเข้าประตูไปเราจะพบกับ สวนขนาดใหญ่ และประตูชูมง (Chumon- Gate) ประตูสีแดงสดที่ตัดตรงเข้าสู่วิหารใหญ่ แต่ประตูบานนี้จะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าครับ หากใครต้องการเข้าไปชมภายในวิหารใหญ่ ให้เดินเลี้ยวไปทางซ้ายจะพบทางเข้าและจุดขายตั๋วอยู่

ภายในของวิหารพระใหญ่ ชื่อเต็มของวิหารพระใหญ่คือ วิหารไดบุตสึเด็น (Daibutsuden Hall) ภายในของวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่เมืองนารา พระพุทธรูปองค์นี้ทำจากสำริด ความสูง 16 เมตร หนัก 500 ตัน ถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นพระพุทธรูปองค์ต้นแบบของพระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ นอกจากมีพระใหญ่แล้วทางด้านขวามือของพระใหญ่จะเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมอีกด้วย ทางด้านซ้ายของพระใหญ่จะมีเสาต้นหนึ่งถูกเจาะรูอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากใครอธิฐานอะไรแล้วสามารถลอดเสาต้นนี้ได้คำอธิฐานจะเป็นจริงครับ แต่น่าเสียดายที่รูนี้มีขนาดเล็ก เด็กๆลอดได้ แต่ผู้ใหญ่ลอดจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.752 โดยคำสั่งของจักรพรรดิโชมุ ผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าหากมีวัดแห่งนี้สามารถคุ้มครองประชาชนให้รอดปลอดภัยจากโรคร้ายที่ระบาดอยู่ได้ การก่อสร้างวัดแห่งนี้ถือเป็นงานที่ยากลำบากมากสำหรับผู้คนในยุคนั้น ด้วยความใหญ่โตของโครงสร้างอาคารต่างๆ ว่ากันว่าต้องใช้คนก่อสร้างมากถึง 2,600,000 คนเลยทีเดียว วิหารปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1692 เพื่อทดแทนของเดิมที่พังทลายลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยถูกลดขนาดเหลือเพียง 2 ใน 3 ของขนาดเดิมที่เคยสร้าง แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นวิหารไม้ทีใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันนี้อยู่ดี (ในวิหารจะมีโมเดลจำลองวิหารแบบดั้งเดิมให้เห็นอยู่ รวมถึงมีโมเดลจำลองเจดีย์ไม้คู่สูง 100 เมตร ที่พังทลายลงพร้อมกันวิหารใหญ่ในตอนนั้นด้วย ดูยิ่งใหญ่มากๆครับ)

การเดินทางมาวัดแห่งนี้สามารถทำได้โดยเดินประมาณ 20 นาที หรือ นั่งรถประจำทางจากหน้าสถานี Kintetsu-Nara (Kintetsu Railways) ลงที่ด้านหน้าทางเข้าวัดประตูนันไดมง

เพิ่มเติม : ด้านหน้าของวิหารจะมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักเก่าแก่ใส่ชุดสีแดงตั้งอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากใครมาลูบที่ส่วนใดของพระพุทธรูปนี้แล้วไปลูบส่วนนั้นของตนเอง จะช่วยให้อาการที่เจ็บป่วยบริเวณนั้นดีขึ้นครับ (ถ้าดูดีๆจะเห็นได้ชัดเลยว่าหลายส่วนของของพระพุทธรูปไม้แกะสลักนี้บุ๋มลึกเข้าไปเลยทีเดียว)

ที่มา : https://th.japantravel.com/








เด็กๆมาเที่ยวชมในช่วงปิดเทอม






การทำพิธีกรรม ? ที่ประตูชูมง







วิหารวัดโทไดจิอันยิ่งใหญ่








หน้าวิหาร






พระใหญ่เมืองนารา บางคนเรียกว่า หลวงพ่อโต






ด้านข้างซ้าย

















แบบจำลองของวิหารวิหารไดบุตสึเด็น (Daibutsuden Hall)






ซื้อของที่ระลึก ก่อนออกจากวิหาร






ภาพมุมกว้างจากวิหารสู่ประตูประตูชูมง






วิหารวิหารไดบุตสึเด็น (Daibutsuden Hall)



กลับออกจากวิหาร เราเดินเล่นถ่ายภาพกับเจ้ากวางน้อย สัญลักษณ์ของที่นี่ พออกไปที่สวนเจอต้นไม้กำลังเปลี่ยนใบเป็นสีแดง มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพกันมากมาย เราเลยถือโอกาสเก็บภาพมาฝากด้วย แต่เสียดายถ่ายออกมาไม่ค่อยดี เพราะย้อนแสงและกำลังจะมืดแล้ว









ภาพจากบริเวณวัดชั้นนอก






เด็กๆในชุดญี่ปุ่น...น่ารัก








ที่สวน ..ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี



เรานั่งแท๊กซี่กลับไปที่สถานีรถไฟเพื่อขึ้น JR Yamatoji Line กลับ Osaka และมีนัดกับไกด์ที่จะพาเราไปกินปูที่ย่าน Namba คืนนี้ .... โชคดีหน่อยที่รถไฟจากเมืองนาราผ่านย่านโรงแรมที่พัก Hotel Osaka Baytower เราลงไปพักเก็บสำภาระ ก่อนนั่งรถไฟต่อไปที่ย่าน Namba ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังแห่งนครโอซาก้า ... บล๊อกหน้าซึ่งจะเป็นบล๊อกสุดท้าย ที่จะอำลาญี่ปุ่นในทริปนี้ เราจะพาคุณๆไปเที่ยวชมกันครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ





ลาด้วยภาพนี้ครับ










______________








 

Create Date : 05 มกราคม 2558
9 comments
Last Update : 23 มกราคม 2562 14:53:40 น.
Counter : 5715 Pageviews.

 

มีหลวงพ่อทรงเครื่องด้วยค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 5 มกราคม 2558 17:47:45 น.  

 

สวยจังนะคะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมน้องซีด้วยค่ะ

 

โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) 6 มกราคม 2558 12:11:31 น.  

 

กวางน่ารักมากๆค่ะ วิหารดูใหญ่โตดีจัง

 

โดย: sawkitty 6 มกราคม 2558 15:57:11 น.  

 

วิหารใหญ่โตมากค่ะ เห็นเสาไม้ค้ำยัน เทียบกับตัวคนแล้ว พอนึกออกค่ะ อลังการงานสร้างขนาดไหน

เห็นต้นไม้ใหญ่บ้านเค้าแล้วอยากให้บ้านเรามีเยอะๆ เหมือนกันนะคะ ถึงจะเปลี่ยนสีไม่ได้ ก็ยังดี

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณ wic

ขอให้คุณ wic และครอบครัว มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ

*** ชอบหมอกช่วงปลายฝนเหมือนกันค่ะ สวยนะคะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 6 มกราคม 2558 18:20:46 น.  

 

มาเยี่ยมชม ภาพสวย ชอบใบไม้เปลี่ยนสี....แปลกตาดีครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน Music Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 6 มกราคม 2558 20:32:25 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 6 มกราคม 2558 21:38:18 น.  

 

เป็นหนึ่งในลิตที่อยากไปนะคะ ชอบญี่ปุ่นอ่ะ

 

โดย: mariabamboo 7 มกราคม 2558 16:58:55 น.  

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 8 มกราคม 2558 4:32:48 น.  

 

มาชมวิวญี่ปุ่นสวยๆพร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่กับพี่วิคครับ


 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 9 มกราคม 2558 13:53:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.