+ + ทุ่ ง ก ะ มั ง + +
กลางหน้าฝนแบบนี้ ไม่รู้จะเดินทางไปไหนดี หลายๆที่ หลายๆแห่ง เข้าถึงลำบาก... แต่สถานที่บางแห่งอย่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว ก็ยังเป็นสถานที่ๆน่าไปชม ไม่ว่าจะเป็นความเขียวขจีของพื้นที่ และเผลอๆอาจจะได้ดูสัตว์อีกด้วย23 กรกฎาคม 2554 อากาศสะลึมสะลือ เราเลยชวนกันขับออกจากบ้านที่ขอนแก่น ปลายทางที่ ทุ่งกะมัง จังหวัดชัยภูมิ เพราะเคยผ่านไปหลายครั้ง แต่ไม่เคยเข้าไปด้านในซักครั้ง ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เราไปกับทีมเพื่อจะไปสัมนา และขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปนอนในนั้น แต่เป็นช่วงปลายฝน ซึ่งถนนเละ เขาเลยไม่อนุญาต มาคราวนี้จึงเป็นครั้งแรกของเรา...
ทุ่งกะมัง เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว แหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์กินพืช มีเนื้อที่ 830 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2526 และ พ.ศ. 2535 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ปล่อยสัตว์ป่าคืนถิ่นในบริเวณนี้ เช่น เก้ง กวาง กระจง และนกต่างๆ มีการจัดทำดินโป่งในบริเวณทุ่งกะมังเพื่อให้สัตว์มากินดินโป่งและเผาแปลงทุ่งหญ้าเพื่อให้เกิดหญ้าระบัดเป็นอาหารของเก้ง กวางในช่วงฤดูแล้ง บนยอดเนินเหนือบริเวณทุ่งกะมัง มีพระตำหนักที่ประทับอยู่เหนืออ่างน้ำ
การเข้ามาทัศนศึกษาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีสองกรณีคือ หากเข้าชมแบบไป-กลับวันเดียว สามารถขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่บริเวณด่านตรวจปางม่วง ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท นักเรียนคนละ 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท จักรยานคันละ 10 บาท จักรยานยนต์คันละ 20 บาท รถหกล้อ 100 บาท
กรณีพักค้างแรมต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า 1530 วัน ถึง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ตู้ ปณ. 3 ปทจ.ชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น 40130 โทร. 08 4334 0043,08 0199 9212 หรือผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ 10900 สอบถามข้อมูล โทร. 0 2561 4292-3 ต่อ 711การเดินทาง ไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวใช้เส้นทางเดียวกับเขื่อนจุฬาภรณ์ ก่อนถึงเขื่อน 3 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายจากด่านตรวจ (ปางม่วง) ไปยังที่ทำการเขตฯ อีก 24 กิโลเมตร
จะว่าเป็นจังหวะที่ดี หรือเราค่อนข้างโชคดีก็ไม่รู้ได้ วันนั้นกวางออกมากินหญ้า มากมายหลายสิบตัวในทุ่งกะมัง...ที่บางคนเขาเปรียบว่าตรงนี้เหมือนเป็นกะมังคว่ำ ... ในหน้าฝนที่มองไปทางไหนก็เขียวขจีเช่นนี้ มันทำให้เรามีความรู้สึกที่ดี พร้อมกับการได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ปราศจากควันพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์ ... ซึ่งก็ไม่ง่ายนักที่คนเมืองสมัยนี้จะได้สัมผัสเสียดายแต่ภาพที่ถ่ายออกมาเป็นแบบสลึมสะลือ ท้องฟ้าขาวๆ... นี่ถ้าท้องฟ้าเป็นสีฟ้า หรือยามเย็นๆ คงเห็นความสวยงามและเงียบสงบอยู่บนแผ่นภาพแน่ๆ... น้องกวางให้เรายืนถ่ายภาพได้ในระยะ 20 - 30 เมตร โดยไม่ตื่นตกใจ อาจเป็นเพราะกวางหลายๆตัวที่นี่ ได้นำมาจากศูนย์เพราะพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวก็ได้ เขาถึงได้คุ้นเคยกับคน มีหลายๆตัวที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ในสนาม หลังจากหม่ำหญ้าจนอิ่มแป้แล้ว..
เราออกจากทุ่งกะมังด้วยความสดชื่น สดชื่นที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นที่ได้ยลโฉมน้องกวางมากมาย.... และช่วงขับออกมา เรายังเจอเจ้าสุนัขจิ้งจอก แม่และลูกอีก 4 ตัว เสียดายว่ากล้องเก็บเข้ากระเป๋าไปแล้ว .....ป่าเมืองไทยเหลือให้เราได้เข้าไปสัมผัสไม่มากนัก เพราะการบุกรุก และเห็นแก่ได้ของหลายๆคน.... ป่าคือทุกสิ่งทุกอย่างของคน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหาร แหล่งอากาศดีๆของเรา เป็นที่พักพิงของสัตว์ป่า เป็นต้นน้ำให้เราได้ใช้สอย และช่วยป้องกันภัยธรรมชาติให้เราด้วย... การช่วยกันรักษาป่าจึงควรเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน การเข้าไปเที่ยวควรเก็บเอาออกมาเพียงแต่ความทรงจำดีใส่มาใน card หรือ ฟิล์มเท่านั้น หลังไปสัมผัสแล้วควรให้ป่าเป็นเหมือนก่อนที่เราจะเข้าไป... อย่างน้อยๆ "ลูกหลานเราจะได้ไม่ต้อง ซื้อทัวร์ เพื่อไปดูป่าไม้ หรือศึกษาเรื่องป่าจากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตครับ"
แวะมาทักกันวันสีส้มจ้าคุณวิกบรรยากาศป่าให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆอย่างน้อนทำให้รู้สึกว่าห่างไกลพวกตัวร้ายๆ ทั้งหลาย
ขอให้สุขสำราญในวันหยุดสุดสัปดาห์จ้าคุณวิกใกล้แล้วจ้ารอการโปรดเกล้าฯ อย่างเดียว ประวัตฺศาสตร์หน้าใหม่จะบังเกิด