แกรนด์แคนยอนสยาม 3000 โบก

เรามาถึง ม.อุบลฯก่อนเวลาเล็กน้อย คือประมาณ 11:15 น. แต่คณะนักเรียน และอาจารย์ที่มาร่วมแข่งขัน ฟิสิกส์-ดาราศาสตร์โอลิมปิก ระดับประเทศที่ ม.อุบลฯ ทั้งหมดกำลังไปทำพิธีปิดกันที่หอศิลป์ แต่เราไปรอที่ตึกคณะวิทยาศาสตร์ ตรงที่เขาเตรียมเลี้ยงอำลากันที่นั่นในตอนเที่ยงวันที่ 10 พค.....

พอถึงเวลาใกล้ๆเที่ยง ทั้งนักเรียน และอาจารย์ก็ทะยอยกันมาที่คณะรวมทั้งเจ้าลูกชายสุดเลิฟเราด้วย พอมาถึงเขาก็ไปเก็บของ ขอลาอาจารย์กลับก่อนพร้อมผู้ปกครอง โดยมีเด็กหลายๆคนก็มีผู้ปกครองมารับเช่นกัน แต่เด็กๆที่มาทางไกล เช่น ทางใต้ ก็เตรียมกลับพร้อมรถตู้ของแต่ละศูนย์ (มหาวิทยาลัย) หลังงานเลี้ยง

เจ้าลูกชายได้เข้าแข่งขันระดับ ม. ปลายแบบนี้ 2 ครั้ง คือครั้งแรกตอนอยู่ ม.3 แข่งที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ส่วนคราวนี้เขาอยู่ ม.4 แล้ว ได้มาแข่งที่ ม.อุบลฯอีก โดยมาได้เหรียญเอาก็คราวนี้แหละ.....


เราออกจาก ม.อุบลฯขับผ่านตัวเมือง และออกไปสู่เส้นทางหมายเลข 2050 ที่จะไป อำเภอเขมราฐ โดยผ่านอำเภอตระการผืชผล พอเลยตระการผืชผลไปประมาณ 38 กม. เราก็เลี้ยวขวาเข้า อ.โพธิ์ไทร ตามเส้นทาง หมายเลข 2337 เพื่อไปบ้านสองคอน








น้ำโขงที่ไหลผ่านช่วงสามพันโบกที่เป็นแคนยอน






เส้นทางที่เราผ่านไป จะเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างทางมากมาย ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศทางชนบท ของภาคอีสานในอดีต ที่ตามทางเข้าหมู่บ้านแต่ละแห่งจะมีต้นไม้ใหญ่ เช่นต้นยาง สูง ใหญ่ ให้เราเห็นเป็นระยะ ..... ซึ่งที่อื่นๆตอนนี้จะหาดูได้ยากแล้ว เพราะพื้นที่ถูกแผ้วถางสำหรับการเพราะปลูกไปเป็นจำนวนมาก..

เราถึงบ้านสองคอนและเลี้ยวขวาไปตามทาง 2112 ที่จะไปโขงเจียม พอถึงทางแยกไปหาดสองสลึง เรากำลังจะเลี้ยวเข้าไปต่อเรือที่นั่น แต่เผอิญเจอป้ายบอกทาง ว่าสามพันโบกตรงไปอีก 4 กม. เลยขับตามป้ายบอกทางนั่นไปทางโขงเจียม พอได้ระยะทางก็จะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายเข้าไป

ถนนจากนั้นไปเป็นทางลูกรัง แต่ไม่ไกลนัก ประมาณไม่น่าเกิน 5 กม. ก็ถึงฝั่งโขง ที่เขาเรียกว่า "สามพันโบก" เมื่อจ่ายค่าบำรุงให้เจ้าหน้าที่ อบต. 40 บาท เราก็สามารถขับลงไปบนโขดหินในลำน้ำโขงได้เลย ซึ่งสะดวกมาก...
















เมื่อจอดรถที่ลานหินแล้ว เราก็เดินลงไปที่ร่องน้ำโขงที่ไหลผ่านระหว่างแก่งหินที่เรียกว่าแคนยอนแม่น้ำโขงนั้น กว้างพอประมาณ (น่าจะ 20 เมตรในส่วนที่แคบที่สุด) ความสูงของผาหินประมาณ 3-7 เมตร

สิ่งที่เราเห็นมีอยู่มากมายในบริเวณนั้นคือ แอ่งน้ำ บนแท่นหิน ที่ถูกธรรมชาติออกแบบเป็นรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะกลม รี .... ด้วยท้องฟ้าตอนบ่ายเกือยสี่โมงของวันที่ 10 พค. 09 ที่มีเมฆมาก สีดำทะมึน ซึ่งฝนคงจะตกลงมาในไม่ช้า.... การถ่ายภาพในสภาพแสงแบบนั้น ยากยิ่งสำหรับมือสมัครเล่นแบบเรามาก
















"โบก" เป็นภาษาลาว ซึ่งแปลว่า "แอ่ง" ในบริเวณที่เป็น แอ่งหินรูปทรงต่างๆมากมายนี้ เกิดขึ้นที่กลางลำน้ำโขง ซึ่งทั่วบริเวณที่เป็นหิน ที่ถูกน้ำกัดเซาะ จะเป็น หลุม เป็นแอ่ง รูปร่างสวยงามน่าอัศจรรย์.... เสียงนักท่องเที่ยวหลายคน พูดออกมาเป็นทำนองเดียวกันว่า ที่นี่สวยมาก..

บริเวณสามพันโบกกินเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้ เชื่อว่าในอดีตเกิดการกัดเซาะของพลังน้ำวนอย่างรุนแรงกระจายเต็มพื้นที่จนเกิดรู หรือโบกขึ้นมากมาย ชาวบ้านจึงพากันเรียนกว่าสามพันโบก เนื่องจากมีโบกนับไม่ถ้วนนั่นเอง และด้วยชั้นหินที่กินเนื้อที่กว้างใหญ่มาก จึงดูคล้ายกับแกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกามาก จนอาจขนานนามสถานที่แห่งนี้ได้ว่า แกรนด์แคนยอนเมืองสยาม สามพันโบกเมืองอุบล














แอ่งหินหลายที่มีชื่อเรียกกัน ในหมู่นักท่องเที่ยว เช่นแอ่งมิ๊กกี้เม้าท์ แอ่งหัวใจ เป็นต้น ส่วนรูปร่างของชะง่อนหิน ก็มีนักท่องเที่ยวตั้งชื่อให้ เช่น "หินหัวสุนัข" เป็นต้น.... สีของหินส่วนใหญ่เป็น สีน้ำตาลเข้ม ส่วนร่องน้ำที่น้ำโขงไหลผ่านนั้น สีใส เขียวเข้ม มีความสวยงามมาก










เรือนักท่องเที่ยว กับผาหิน







ภาพบนและภาพล่าง เป็นโขด หรือ ผาหินที่ยามหน้าแล้ง แม่น้ำโขงที่เหลือน้อย ก็จะไหลผ่าน ผาหินตรงนี้ไป ทำให้มองเปรียบเทียบว่าเป็น Canyon ในน้ำโขง

จากจุดนี้นักท่องเที่ยว สามารถเช่าเรือโดยสาร เพื่อไปชม หาดหงษ์ หาดหินสี หลักศิลาเลข หาดแห่ และอีหลายแห่งได้ เรือจะจอดรอรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณนั้น ขอชมเรือโดยสารที่นี่อีกอย่างคือ อุบปกรณ์ด้านความปลอดภัย คือเสื้อชูชีพที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ไปกับเรือ นับว่าดีมากที่เดียว แม่น้ำโขงบริเวณนั้นแม้ไม่กว้างนัก แต่ก็ได้รับการบอกเล่าว่า ลึกมากๆ...

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปเยือน "แกรนด์แคนยอนสยาม สามพันโบก" แห่งนี้คือ ระหว่าง เดือน ธันวาคม - ปลายเดือน พฤษภาคม ของทุกปี เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง..... แต่หลายคนบอกว่า หน้าหนาวเหมาะที่สุด

สรุปเส้นทาง.. อุบล - เขมราฐ หมายเลข 2050 เลย อ.ตระการพืชผลประมาณ 38 กม. เลี้ยวขวา เข้าสาย 2337 ผ่าน อ.โพธิ์ไทร ไปที่บ้านสองคอน ถึงสาย 2112 ให้เลี้ยวขวาไปทางโขงเจียม เลยทางแยกเข้าหาดสองสลึงประมาณ 4 กม. จะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าสามพันโบก...ระยะทางรวมประมาณ 106 กม. ทางดี (แต่ถ้ามาจากโขงเจียม จะถึงทางแยกก่อนบ้านสองคอน)

ขากลับ ... ควรใช้เส้นทางที่เลียบโขง สาย 2112 ไปทางโขงเจียม แวะผาแต้ม โขงเจียม ช่องเม็ก และเขื่อนสิรินธรได้















































สภาพหินที่ถูกกัดเซาะ































































หินหัวสุนัข









ดูใกล้ๆ




















วิวลำน้ำโขง ขวามือเรือท่องเที่ยวเห็นลำเล้กๆ



















แอ่งนี้ เรียกว่ามิ๊กกี้เมาท์




























































มีที่เล่นจักรยานน้ำด้วย














เมฆฝนดำทะมึนขึ้นทุกขณะ และฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆ เราถอยทัพกลับรถ...ทิ้งความสวยงามของแก่งหินแห่งนี้ไว้ในความทรงจำ ว่าซักวันเราคงมาเยือนที่นี่อีก และจะตามเก็บภาพส่วนที่เหลือ เช่น หาดหงษ์ หาดหินสี หลักศิลาเลข หาดแห่ และที่อื่นๆมาเก็บไว้ให้ได้.....

ขับออกมาเจอเจ้าหน้าที่ เราได้แต่แนะนำว่า เมื่อผู้คนเข้ามาที่นี่เยอะขึ้น สิ่งสำคัญคือการดูแลความสะอาด การจัดการเรื่องร้านขายของในบริเวณลานหินในน้ำโขง ... การรักษามาตรฐานของการบริการจะเป็นสิ่งจูงใจให้ใครต่อใครมาเยี่ยมชมที่นี่...









ลำน้ำโขง และคลื้มเมฆฝน






ขับกลับไปตามทางที่เราเข้ามา ก่อนจะผ่านออกไปสู่ ทางหมายเลข 2112 มุ่งหน้าไปที่อำเภอโขงเจียม ระยะทางประมาณ 80 กม. โดยมีเป้าหมายที่บ้านพักของการไปฟ้าฝ่ายผลิต ที่เขื่อนสิรินธร ถนนสายนี้เลียบตามชายแดน บางแห่งก็มีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง

พอถึงโขงเจียม เราข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมูลอีกครั้ง มุ่งหน้าไปตามทางหมายเลข 2173 พอถึงสามแยก เราเลี้ยวขวาผ่านใต้เขื่อนฯ ก่อนที่จะไปถึงทางเข้าเขื่อนสิรินธร (ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปที่ด่านช่องเม็ก)..

ขับแวะเข้าไปที่ร้านอาหาร "เรือนโดมน้อย" เพื่อทานมื้อเย็น แล้วติดต่อบ้านพักได้ "บ้านนภาส่อง" ห้อง 2/2 ราคา 1200 บาท ซึ่งห้องก็ดีพอใช้ หลังบ้านพักเป็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร คืนนี้เราพักกันที่นี่ เพื่อที่จะตื่นมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่เขื่อนฯ ก่อนเดินทางเข้าอุบลฯ..




ปล. บล๊อกนี้ได้หายไปตอนทำการเคลื่อนย้ายบล๊อกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2554 และได้ re-entry ใหม่หมด แต่รักษาเนื้อหาไว้เหมือนเดิม....
Blog created 25 May 09



ขอบคุณที่ตามอ่านครับ



_____________ END ____________

Create Date : 28 มกราคม 2554		6 comments
Last Update : 28 กรกฎาคม 2556 22:21:27 น.
Counter : 5974 Pageviews.
Share Tweet