....OUR FAMILY'S JOURNEY....

สนามกีฬารังนก ชิมชา ถนนคนเดินหวังฟู่จิง



สนามกีฬารังนก ชิมชา ถนนคนเดินหวังฟู่จิง
(96 ชม. ที่ปักกิ่ง ตอนที่ 7)


อ่านตอนที่ 6 : คล๊กที่นี่
อ่านตอนจบ : คล๊กที่นี่




หลังจากที่ใช้พื้นหลังสีฟ้ามาตลอด บล๊อกนี้ขออนุญาตใช้พื้นหลังสีดำบ้างนะครับ เพื่อให้กลมกลืนกับบรรยากาศถนนคนเดินหวังฟู่จิงในตอนกลางคืน....



Day 4....(ต่อ)

วันที่ 25 มีนาคม 2009 ตอนเย็นหลังจากเราชมโรงงานบัวหิมะแล้ว เราก็เดินทางกลับเข้าปักกิ่ง โดยมีโปรแกรมที่จะแวะถ่ายภาพสนามกีฬารังนกกัน ตอนเย็นๆที่ปักกิ่งวันนั้นอากาศเย็นพอสมควร น่าจะต่ำกว่า 10 องศา

เรามีเวลาไม่มากนักที่นี่ ต้องรีบเดิน รีบถ่ายภาพ ใครเดินเร็วก็ได้ภาพเยอะว่างั้นเถอะ ด้วยความที่ต้องถ่ายทั้งภาพนิ่ง ภาพวีดีโอ เราจึงเลือกเอามุมที่พอมองเห็นได้โดยรอบ คือหน้าสนามกีฬาทางเข้า C และ D .... จึงได้ภาพพอประมาณแบบที่เห็นต่อไปนั่นแหละครับ





สนามกีฬารังนก





สนามกีฬานี้เป็นการออกแบบของสถาปนิกจากสวิสเซอร์แลนด์ Harzong & de Meuron โดยพยามออกแบบให้มีช่องระบายอากาศตามธนรรมชาติ ในสนามกีฬาที่มีที่นั่ง 91,000 ที่นั่ง เขาว่าเป็นสนามกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ลักษณะข้างนอกคล้ายรังนก ที่มีโครงตาข่ายเป็นเหล็กสีเทาๆ คล้ายกิ่งไม้ ห่อหุ้มเพดานและผนังอาคารที่ทำด้วยวัสดุโปร่งใส อัฒจันท์มีรูปทรงชามสีแดง ดูคล้ายๆกับพระราชวังต้องห้ามจีน ภาพโครงสร้างสนามกีฬาแห่งนี้จึงดูคล้ายพระราชวังสีแดง ที่อยู่ภายในรั้วกำแพงสีเทาเขียว.....





ตึกมังกร มองเห็นไกลๆ




ตึกมังกรนี้ตอนแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เขาใช้ที่นี่เป็นเพลสเซ็นเตอร์ แข่งกีฬาเสร็จก็กลายเป็นโรงแรมระดับหรูทันที




ซูมมาใกล้ๆ แต่ย้อนแสงสุดๆ






รังนกแบบใกล้ๆ






สระว่ายน้ำ




บางคนก็เรียกสระแห่งนี้ว่า ยิมเนเซียมฟองน้ำ PTW & Ove Arum จินตนาการให้ออกมาคล้าย "ก้อนน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่" ออกแบบโดยใช้วัสดุเทปลอนเป็นโครงร่าง เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยจะนำมาใช้เดินเครื่องกรองน้ำเสียของสระน้ำ เพื่อให้ดูเหมือนน้ำที่สุด สถาปนิกยังใช้เทคโนโลยีจากการวิจัยของนักฟิสิกส์จาก Dublin's Trinity College ที่สามารถทำให้กำแพงอาคารดูเหมือนฟองน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนอจากจะทำให้สระน้ำจากแดนมังกรแห่งนี้ ดูดีเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถต้านทานกับแรงสะเทือนอัเกิดจากแผ่นดินไหวได้ด้วย....




รังนกแบเฉียดๆ





ไกลออกไปคือสนามกีฬาเอเชี่ยนเกมส์





ถ่ายจากทางที่ผ่าน




ออกจากสนามกีฬาหลังจากวิ่งถ่ายภาพเสร็จ รายการต่อไปคือการไปชิมชาล่ะ พอรถผ่านไปในเมืองปักกิ่ง เห็นอะไรแปลกๆ ก็ถ่ายไปเรื่อย ทั้งๆที่แสงเหลือให้เราถ่ายน้อยเต็มที่ ภาพบนคล้ายๆกับเจดีย์เสียดายที่เราไม่ได้ถามไก๊ด์ไว้ เพราะรถผ่านไปเร็วมาก




ไก๊ด์เรียกว่า สะพานหลบฝน





และแล้วเราก็มาถึงร้านชิมชา ซึ่งสัญลักษณ์หน้าร้าน คือสะพานลอยข้ามถนนแบบนี้ ลีน่าบอกเราว่า นี่คือสะพานหลบฝน.... ผมว่าเขาสร้างสวยดีเลยถ่ายไว้หลายภาพเหมือนกัน ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในร้าน




คูใกล้ๆ





ชงชา




ร้านขายชาที่ปักกิ่ง ทำยังกะสถาบันวิจัยอะไรซักอย่าง มีห้องบรรยายหลายห้อง คงแบ่งเป็นแต่ละภาษากระมัง อย่างกรุ๊ปเราก็เข้าห้องบรรยายที่ตรงหน้าห้องจะมีสาวๆ มาบรรยายสรรพคุณของชาชนิดต่างๆใรฟัง พร้อมกับชงชาให้เราชิมด้วยเมื่อบรรยายสรรพคุณของชาชนิดนั้นๆเสร้จ

ที่น่าสนใจคือชายี่ห้อหนึ่งต้นใหญ่มาก เหมือนกะต้นไม้ เขาบอกว่าทั่วทั้งจีนมี 20,000 กว่าต้นเอง ที่ว่าน่าสนใจคือชื่อชา เขาเรียกมันว่า "ชาผูเอ่อ" หรือทำนองนี่แหละ (ขออภัยถ้าจำชื่อผิด) แต่ลีน่าเรียกแบบขำๆว่า ชาผัวเอ๋อ.... เขาทำเป็นแผ่นๆ กลมๆ บอกว่าเก็บได้นานด้วย....





ถ่ายหน้าร้านชา




หลังจากชิมชายี่ห้อ Dr. Tea แล้วก็มีขาทานชาในกรุ๊ปเราซื้อกลับบ้างเหมือนกัน....ออกจากร้านชิมชา เราก้ไปหามื้อค่ำทานกัน วันนี้ใกล้วันกลับทางทัวร์เขาเลยเอาใจพวกเราโดยพาไปทานอาหารไทยที่ภัตราคาร ซึ่งในตึกนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน แต่ที่เราไปนี้เป้นส่วนของร้านอาหารไทย ซึ่งอยู่ชั้นล่าง อาหารไทยที่ปรุงโดยกุ๊กชาวจีนจึงทำให้รสชาดเพี้ยนไปบ้าง แต่ภายในร้านยังมีบรรยาหาศไทยพอสมควร เช่นภาพที่เอามาประดับ ส่วนกุ๊กจีนนั้นได้รับการถ่ายทอดวิชาจากกุ๊กชาวไทยที่เข้ามาทำงานที่นั่นชั่วคราว ตามกำหนดของวีซ่าที่ได้รับน่ะ..... ผู้คนที่เข้ามาทานอาหารก็มีปบ้าง ไม่ถึงกับแน่นร้าน เหมือนร้านอาหารจีนทั่วไป เราสอบถามลีน่าก็ได้ความว่า ที่ปักกิ่งมีร้านอาหารไทยอยู่มากเหมือนกัน





ถนนคนเดินหวังฟู่จิง

ถนนหวังฟูจิ่งนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังต้องห้าม ตั้งแต่ช่วงกลางราชวงศ์หมิง ถนนสายนี้ก็ได้เริ่มมีการค้าขายขึ้นแล้ว ต่อมาสมัยราชวงศ์ชิงครอบครัวของชนชั้นสูง 8 ครอบครัวได้มาสร้างบ้านเรือนขึ้นบนถนนสายนี้ รวมทั้งวังของเหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างๆ และต่อมาเมื่อมีการขุดพบบ่อน้ำที่มีรสชาติหวานชื่น จึงได้ตั้งชื่อละแวกนี้ว่า “หวังฟู่จิ่ง” ซึ่งแปลว่า “บ่อน้ำของบ้านชนชั้นสูง”







และแถวหวังฟูจิ่งนี้ คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์และนักเขียนชาวไทยที่องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ช่วงที่ท่านพำนักอยู่ในเมืองจีน ก็เคยพักอยู่ในโรงแรมที่ชื่อว่า “เหอผิงปิน” ซึ่งตั้งอยู่ในหูถ่งที่ชื่อว่า “จินอี๋” (จากในเว็บไซค์ของซีอาร์ไอ) นี่เอง ซึ่งคุณสุธาทิพย์ โมราลาย นักเขียนชาวไทยที่ซึ่งเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญของภาคภาษาไทย ได้เคยสัมภาษณ์คุณโจว เซิง อดีตหัวหน้าภาคภาษาไทยของวิทยุปักกิ่ง ซึ่งก็คือ ซีอาร์ไอ ในปัจจุบันนี้ไว้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญยิ่งที่ทำให้เราได้ทราบถึงความเคลื่อนไหว และการใช้ชีวิตของท่านขณะที่พำนักอยู่ในเมืองจีน....















หวังฟู่จิง ที่เราไปสัมผัสในคืนนี้ เป็นย่านถนนคนเดินที่คึกคักมาก แม้อากาศจะค่นข้างหนาว แต่ผู้คนก็เดินกันขวักไขว่ สีแสงแห่งราตรีที่นี่ไม่เบา แม้จะไม่คึกคักเท่าย่านชินจูกุในโตเกียว แต่ที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นแหล่ช๊อบสินค้าแบรนด์เนมของผู้คนทั้งหลายเหมือนกัน

อากาศเย็นๆอย่างนี้ทำให้เราถวิลหาห้องสุขาเป็นอย่างยิ่ง พอมาถึงหัวถนนคุณลีน่าก็บอกว่าในห้าง The Mall at Oriental Plaza จะมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 2 เนื่องจากห้างค่อนข้างใหญ่ ทำให้เรากว่าจะเข้าไปถึงที่ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร... ย่านนี้นักธุระกิจชาวฮ่องกงมาเนรมิตให้กลายเป็นแดนช๊อบปิ้งของนักช๊อบทั้งหลายครับ














เสร็จธุระส่วนตัว เราก็รีบออกจากห้างเพื่อไปเดินถ่ายภาพที่ถนนกัน นักท่องเที่ยวถ้ามาที่นี่ เขามักจะหาโอกาสไปเดินดูหนังสือที่ร้าน wangfujing Book Store กันเพราะมีทั้งหนังสือจีน อังกฤษให้เลือกมากมาย

คนที่ไปด้วยเธออยากจะหาซื้อของที่ระลึก เพราะเห็นราคาแล้วก็พอมีความสามารถซื้อกลับมาฝากเพื่อนๆเราได้ เธอจึงแยกออกไปต่างหาก ส่วนผมเองก็เดินท่อมๆ ไปหาจุดต่างๆเพื่อถ่ายภาพ....








>



ถือกล้องเดินไปซักพักก็มีสาวๆชาวจีนมาสะกิดแล้วส่งภาษาที่ผมฟังไม่ออก แต่มีบางคำเช่น "มาสสาจ" "คาราโอเกะ" ผมเองก็ได้บอกว่า No, thank you. แต่เธอก้ไม่วายจะตื้ออยู่นั่นแหละ ผ่านจากหนึ่ง ก็เจออีกหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเจ้านิคอนที่เราสะพายอยู่ดึงพวกเธอมาหาเราแน่ๆ















เห็นเขาดูกัน เลยถ่ายมาฝากครับ (เอียงคออ่านละกันครับ)





ข้างถนนอีกด้านหนึ่ง ขายของกิน




กลับออกมาที่หัวถนน และเดินไปอีกถนนหนึ่งซึ่งเห็นแผงของกินตั้งเรียงรายเต็มไปหมด ผู้คนเดินกันมากมาย มิน่าล่ะ ลีน่าและคุณนพบอกเราว่าพวกเขาจะแยกไปหาอะไรทานกัน คงเป็นตรงนี้นี่เอง... พอเดินข้ามถนนไปก้เจอน้องๆ ที่ไปกรุ๊ปเราถือกล่องของกินเหล่านั้นเดินออกมาแล้ว

อาหารที่ขายมีหลายชนิด เช่นพวกปิ้ง ย่าง หมี่ผัด ก๋วยเตี๋ยว หนมใส่ใส้ และพวกแปลกๆอีกมามาย แต่ไม่ได้ลองหรอเอาแค่ได้ถ่ายภาพก็เวลาไม่พอแล้ว





ดูคน






คล้ายๆผัดไทย






คนมากมาย






ถ่ายเข้าไปจากกลางสี่แยก






อีกด้านหนึ่ง คือย่านโรงแรมใหญ่ๆ





เดินมาทางย่านโรงแรมใหญ่ๆบ้าง เป็นโรงแรมที่มีชื่อที่เราคุ้นๆกันทั้งนั้น แถวๆนั้นจะเจอคนที่หอบลูกมาขอทาน และเร่เข้ามาหาเรา ผมหยิบให้ 2 หยวนแล้วรีบเดินจากไปเพราะกลัวว่าจะมีรายใหม่เข้ามาอีก นี่คงเป็นธรรมชาติของเมืองใหญ่ๆทั่วไปกระมังครับ

ปัจจุบันหวังฟู่จิงเป็นย่านการค้า 1 ใน 4 หลักของปักกิ่งก้ว่าได้ โดยอีก 3 แห่งคือ ต้าจ้าลั่น ซีตัน หลิวลี่ฉาง (ข้อมูลจากเวบ)




โรงแรมดังสไตล์ยุโรบก็มี



คืนนี้เรากลับโรงแรม Holiday Inn Express ดึกหน่อย แต่พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้าย เราไม่มีโปรแกรมอะไรมากนัก เพียงแต่ไปดูผีเซี๊ยะ ตลาดรัสเซีย และกลับไทย..... ขอยกยอดไปต่อตอนต่อไปละกันครับ.


อ่านตอนที่ 6 ll อ่านตอนที่ 8 (ตอนจบ)


______________







 

Create Date : 10 เมษายน 2552
8 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2556 22:19:22 น.
Counter : 6539 Pageviews.

 

ของน่าทานนะคะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 10 เมษายน 2552 14:16:31 น.  

 

นึกไม่ออกว่าจะส่งไอติมที่ฝากซื้อไปให้ยังไงค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 10 เมษายน 2552 14:17:34 น.  

 

บรรยากาศน่าเดินเที่ยวมากเลยค่ะ [เดินเฉยๆ นะคะ สงสัยไม่มีเงิน shop อิอิ]

เดี๋ยววันนี้จะกลับไปปักตะไคร้ล่วงหน้าไม่ให้ฝนตกตอนไปเที่ยว

 

โดย: ให้ตายก็หาไม่เจอ 10 เมษายน 2552 17:28:07 น.  

 

รูปสวยจังเลยค่ะ

 

โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ 10 เมษายน 2552 18:08:29 น.  

 

มาลุ้นว่าจะได้อ่านตอนจบก่อนไปเองรึเปล่า อิอิ

 

โดย: ให้ตายก็หาไม่เจอ 11 เมษายน 2552 0:17:53 น.  

 

หวัดดีครับคุณตุ๊ก..... ใช่ครับ ของหลากหลายน่าทานจัง แต่ใจไม่ถึงกลัวท้องไม่รับ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก.... ส่วนไอครีม ผ่านโคราชเดี๋ยวจะแวะทานครับ....



หวัดดีครับให้ตายก็หาไม่เจอ..... ส่วนมากก็ไปถ่ายภาพน่ะ อันที่พอซื้อไหวก้มี เช่นของที่ระลึก ที่เขา sale น่ะ... ตอนที่ตอบนี่คุณคงได้สัมผัสปักกิ่งของจริงแล้วนะครับ..

หวัดดีครับ กินๆเที่ยวๆ...... ขอบคุณครับที่ชม คงแวะเข้ามาอีกนะครับ

 

โดย: wicsir 12 เมษายน 2552 8:10:46 น.  

 

ตอนที่แวะที่หวังฝู่จิง กำลัง shop อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาแต่ไม่หนักค่ะ
แบบว่าไปเที่ยวคราวนี้ ได้อากาศครบ 3 เลยค่ะ หน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน ทานยาทุกวันก่อนนอนเลยอ่ะค่ะ

 

โดย: ให้ตายก็หาไม่เจอ 16 เมษายน 2552 18:36:11 น.  

 

รอเข้าไปชมภาพทั้งที่บล๊อก และ multiply ครับ

 

โดย: wicsir 19 เมษายน 2552 14:24:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
10 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.