The journey is my life

Travel Animal
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคุณแม่มือใหม่ที่รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เคยเป็นคนโสดที่รักอิสระและชอบเที่ยว ไปได้ทั้งแบบแบ็คแพ็ค ลุย จนถึงแบบชิลด์ ชิลด์ จิบกาแฟ

แม้ช่วงนี้จะสนใจเรื่องครอบครัวและการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้เติบโตเป็นคนดีในอนาคต คุณแม่มือใหม่คนนี้ก็ยังพยายามหาเวลาว่าง ให้ตัวเองสามารถมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่มีครอบครัวและเพื่อนสาวโสดอยู่ตลอดเวลา

งานอดิเรก รักการเดินทาง อ่านหนังสือ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากบล๊อกนี้จะเน้นเรื่องเที่ยวและเรื่องกิน
New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Travel Animal's blog to your web]
Links
 

 
รีวิวงานเลี้ยงฉลองสมรส โรงแรม Four Points by Sheraton

วันที่ : 28 มกราคม 2555 (ฤกษ์ตามที่อาจารย์วีณาดูให้)

สถานที่ : โรงแรม Four Points by Sheraton, สุขุมวิท 15

จำนวนแขก : 200 - 230 คน

ธีมงาน : ไม่มี แต่ดอกไม้เน้นเป็นสีชมพูม่วง และใช้ดอกไม้ไทยและต่างประเทศผสมกัน

สไตล์การจัดงาน : เป็นการจัดเลี้ยงแบบ Out Door บนดาดฟ้าโรงแรม กึ่งบุฟเฟ่ห์ กึ่งค๊อกเทล มีไวน์บาร์ตลอดงาน อาหารมีค๊อกเทล 7 อย่าง และ Live Cooking Station 7 อย่าง คือ Sushi Bar, Chicken Tandori with Naan, Somtam, Beef Wellington, Honey-grassed Ham, Spagetthi Station, Crepe Suzette

เนื่องจากเราจัดที่ AM BAR ซึ่งเป็นบาร์ที่อยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมและมีสระว่ายน้ำอยู่แล้ว โต๊ะเก้าอี้เราก็ใช้เท่าที่โรงแรมเค้าจัดเซ็ทไว้ตามปรกติ แต่เอาออกบางส่วน ก็จะมีส่วนที่เป็นโต๊ะและที่นั่งประมาณ ุ65-70 ที่นั่ง และลักษณะโต๊ะก็ไม่เหมือนกัน ก็คละกันไปทั้งที่เป็นโซฟา โต๊ะอาหารกลม หรือเป็นเก้าอี้สตูตรงบาร์ มาลองดูบรรยากาศการตกแต่งแล้วกันเนอะ

การ์ดแต่งงาน : ออกแบบโดยเจ้าบ่าว ไม่รู้ว่าแรงบันดาลใจเป็นยังไง แต่เนื่องจากเจ้าบ่าวเค้าชอบออกแบบอยู่แล้ว และตอนที่จะจัดงานแต่งเค้าก็บอกเลยว่า เค้าขอออกแบบการ์ด และทำของชำร่วย พร้อมทั้งเลือกสถานที่ (หลังจาที่ทะเลาะกันมาเยอะมาก) เราก็เลยให้เจ้าบ่าวเป็นคนจัดการค่ะ ค่าพิมพ์ได้สปอนเซอร์จากซัพพลายเออร์ของเจ้าบ่าว การ์ดจะเป็นรูปวัดอรุณแล้วมีภาพสะท้อนของหอไอเฟล ก็เหมือนกับเป็นการบอกว่า งานแต่งงานนี้เป็นงานแต่งของสองวัฒนธรรม แขกผู้ใหญ่คนไทยหลายคนชอบมาก และคนต่างชาติก็บอกว่าสร้างสรรค์ดี

ส่วนของชำร่วย : เป็นเครื่องเทศสำหรับทำอาหารไทยและอาหารฝรั่งเศส ของไทยเป็นเครื่องต้มยำ ส่วนของฝรั่งเศสเป็น สมุนไพรจากโพรวองซ์ ที่พ่อแม่เจ้าบ่าวส่งมาให้ สติ๊กเกอร์และแพ็คเก็จจิ้งก็ออกแบบโดยเจ้าบ่าว ทำโดยลูกน้องที่ออฟฟิศเจ้าบ่าว

แหวนหมั้น : แรกสุดเราไม่ได้คิดว่าจะมีแหวนหมั้น เพราะเราคิดว่ามันเป็นการสิ้นเปลือง (แล้วจริง ๆ ตอนแรกไม่แน่ใจเรื่อง งบในการจัดงาน) คือมองว่า ยังไงแหวนเราคงไม่ค่อยได้ใส่ มีแค่แหวนแต่งงานก็พอ เพราะจริง ๆ แล้วตามธรรมเนียมฝรั่ง ฝ่ายชายเค้าก็ต้องเป็นคนจัดการ ดังนั้นเค้าจะซื้ออะไรมาให้เราก็โอเค แต่พอใกล้วันงาน เจ้าบ่าวไม่มีเวลา ก็เลยให้เราไปเลือกแหวนเพิ่มจากแหวนแต่งงานที่จะใช้ตอนพิธีิแลกแหวน พอดีเรามีเพื่อนเป็น คนขายเพชร เราก็เลยบอกงบประมาณแล้วก็ให้เค้าช่วยแนะนำค่ะ โดยสุดท้ายเราได้เพชร 0.40 กะรัต, VVS I, 97% (ตอนแรกอยากได้ 99% หรือ 100% แต่เพื่อนไม่เชียร์) บอกว่าแพงโดยใช่เหตุ ก็เชื่อเพื่อน ไงก็ได้ เพื่อนเรายังบอกอีกว่า เจ้าบ่าวโชคดีมาก เพราะนิ้วมือเราเล็กมาก (ไซส์แหวนแค่ 47 เอง) ดังนั้นแม้ว่าใส่เพชร 0.40 ก็ขนาดพอเหมาะ ไปงานก็ไม่น่าเกลียด ใส่ในวันธรรมดาบางทีก็ได้ด้วย พอเราได้แหวนมา เราก็ให้เพื่อนอีกคนที่รู้จักโรงงาน ไปทำแหวนมาให้ โดยเสียค่าแหวนสำหรับ 3 วง (คือแหวนเพชรที่ใช้หมั้น แหวนแต่งงานผู้หญิง แหวนแต่งงานผู้ชาย) ไปในราคา 26000 บาท ทุกวงเป็นแบบตัน และใช้ทอง 20 K เคลือบทองคำขาวสำหรับแหวนหมั้น แต่แหวนแต่งงานเป็นทอง (พอตอนหลังเจ้าบ่าวขอเอาแหวนไปทำให้บางลง เพราะแหวนเจ้าบ่าวหนักเกือบหนึ่งบาท เจ้าบ่าวบอกว่าหนักไปใส่ตลอดเวลาไม่ไหว ก็เลยไปเอาเนื้อทองออกแล้วทำสีใหม่) ดังนั้นแหวนของเราทั้งสองจึงเป็นแหวนที่เราเองไม่ได้เลือกค่ะ แต่ก็ชอบมาก ๆ เพราะเพื่อน ๆ ของเราช่วยจัดการให้

เครื่องประดับเจ้าวสาว : ทั้งสร้อยมุก ตุ้มหูมุก สร้อยข้อมือมุก เราได้มาจากเพื่อนเป็นของขวัญแต่งงาน ซึ่งเข้ากับชุดและสามารถไปใส่งานอืนต่อได้ ที่สำคัญสวยมากกกกกกกกก


ชุดแต่งงาน : เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ก่อนแต่งงานเืดินทางไปต่างประเทศเยอะมาก และเป็นคนขี้เกียจลองชุดเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว คือเรามองว่ามันค่อนข้างเสียเวลา เราก็ไปดูแค่ไม่กี่ร้าน แล้วก็เจอชุดที่เราอยากใส่เลย เราได้ชุดที่เราจะใส่ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมเลยค่ะ ร้านที่เราไปลองมีดังนี้

1. ร้าน Arada ที่ประชาชื่น : ไปเพราะชอบชุดเค้าอยู่แล้ว แต่พอไปแล้วเรามีความรู้สึกว่า มันคงเหมาะกับไฮโซ หรือคนที่พร้อมจะสละเงินเยอะแยะเพื่อให้ได้ชุดแต่งงานมา ซึ่งเราไม่ได้อยู่ในประเภทนั้น เราก็เลยตัดใจไปเลยค่ะ เพราะขนาดชุดไทย แค่เช่าตัดยังราคา 67000 บาท ซึ่งส่วนตัวเรามองว่าแพงเกินไป (ชุดไทยที่แม่เราตัดให้ ผ้าสวยไหมไทยแท้ ยกลำพูน ราคาผ้าแพงกว่าผ้าไหมอินเดียของร้านเค้าอีก)

2. ร้าน De Bride Club อันนี้อยู่ใกล้บ้านค่ะ เราก็เลยชวนแม่ไปลองดู ชุดเค้าก็สวยเยอะนะคะ แต่มันไม่มีที่เป็นตัวเราเลยอะ มีแต่แบบสไตล์เกาหลี หรือหวานแหวว ซึ่งอย่างที่เคยพูดไว้ในกระทู้ก่อนว่า เจ้าสาวแต่งงานอายุมากแล้ว จะไปหวานแหววคิกขุ มันคงไม่เข้า (แถมเจ้าบ่าวไม่ชอบอีกต่างหาก) และเราไม่ค่อยชอบลักษณะการกดดันลูกค้า เราก็เลยลองสามชุดแล้วก็ออกจากร้านเลยค่ะ

3. ร้าน Fullrich ขอบอกว่าชอบน้องตั๊กและทีมงานมากกกกกกกกก เป็นทีมงานที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้เนอะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกค้าเยอะ เพราะน้องตั๊กเต็มที่มาก ๆ ตอนที่เราไปที่ร้านเราตั้งใจเช่าอย่างน้อยชุดไทยแน่นอน เพราะเราชอบน้องเค้าด้วย แต่ว่าชุดไทยไม่มีสีที่แม่ชอบ น้องตั๊กก็เสนอว่ารับตัดให้ ซึ่งตอนแรกเราก็อยากได้แบบนั้น เพราะไม่อยากให้แม่ต้องลำบาก แต่สุดท้ายแม่เราเค้าจะตัดให้เอง ส่วนงานกลางคืนเราก็ได้ของอีกที่ก็เลยไม่ได้ใช้บริการน้องเค้า ..... แต่เจ้าสาวคนไหนยังไม่รู้ว่าจะยังไงดีกับชุด เราแนะนำให้ไปคุยกับน้องตั๊กก่อนเลยค่ะ แล้วคุณจะได้รับคำแนะนำดี ๆ แน่นอน

4. GANIT ร้านนี้เป็นร้านนอกสายตา เพราะทราบมาว่าราคาสูง แต่เนื่องจากร้านอยู่ใกล้กับออฟฟิศมาก แบบว่าขับรถไปไม่เกินห้านาที และมีน้อง ๆ ที่ออฟฟิศหลายคนใช้ชุดของที่นี่ รวมทั้งภรรยาของนายฝรั่งเราด้วย เราก็เลยลองไปดูชุดซักหน่อย แบบว่าไม่ลองไม่รู้ และจากคำบอกเล่าของน้อง ๆ ที่เคยใช้บริการก็คือว่า ถ้าตัดชุดนะ แพงแน่นอน แต่ถ้าเช่าก็ไม่แน่ และอีกอย่างที่นี่ให้ใช้ชุดแค่สองสามครั้งเท่านั้น เราไปลองคร้งแรกก็มีชุดที่เล็ง ๆ ไว้ แล้วตาก็มองไปเห็นชุดหนึ่งเป็นสีทองสวยมากกกกกกกก แต่พอเค้าบอกว่าค่าเช่ามือหนึ่งประมาณ 100,000 บาท เราก็เลยตัดใจ (แพงเกินไป ไม่มีงบอะ) แต่ก็แอบเชียร์ให้ว่าที่เจ้าสาวคนอื่น ๆ ที่ไปดูชุดพร้อมเรา ไปลองชุดนี้ คือตัวเราไม่กล้าลอง กลัวว่าชอบแล้วมันจะตัดใจยาก สุดท้ายพี่หลีคนจัดชุดให้ลองคงเห็นใจ มาแอบกระซิบว่า มีุชุดแบบเดียวกันแต่สีขาว คุณเป้สนใจไหม ตอนนี้ส่งซักอยู่ ถ้าเช่ามือสองก็ประมาณ 40,000 บาท (อะ พอรับได้..... แม้ว่าตอนแรก ๆ เราจะช๊อคนิดนึงว่าทำไมชุดแต่งงานมันแพงจัง)

วันที่ไปลองครั้งที่สอง ไปลองกับเพื่อนสาว (เกย์) พอลองปุ๊บ น้องเค้าบอกเลยว่า "เจ้ค่ะ มันเหมาะกับเจ้มากค่ะ เอาชุดนี้เถอะ เรียบหรูดูดี สง่า เริ่ด" เราก็เชื่อเพื่อนอีกตามเคย ตัวเสื้อเป็นผ้าลูกไม้ แล้วกระโปรงก็ใช้ผ้าร้อยกว่าเมตรจับจีบเป็นดอกกุหลาบ เราชอบชุดนี้ทั้งดีไซน์ (ตรงที่ไม่ใช่เกาะอก) และพอเราใส่แล้วก็ดูหวานแต่ไม่เลี่ยนจนเกินไป ก็คิดว่าเหมาะกับตัวเอง และคงเดินในงานได้อย่างมั่นใจ

รองเท้าเจ้าสาว : เป็นรองเท้าผ้าไหมซาตินสีขาว ซื้อมือสองมาจากเว็บ wedding2hands ราคา 500 บาท คือจริง ๆ ตอนแรกไม่ได้คิดจะซื้อ เพราะอยากประหยัด ตั้งใจว่าจะเอารองเท้าที่มีอยู่ไปใส่ แต่สุดท้าย เพื่อนบอกให้ไปหา ก็เลยลอง ๆ หาดูในเว็บก่อน ไม่อยากไปซื้อของมือหนึ่ง เพราะใส่ครั้งเดียว ก็พอดีไปเจอแล้วรองเท้าก็ไซส์เราพอดี จริง ๆ เจ้าของเค้ามีชุด ViraVang ขายด้วยแค่ 28000 บาท ไซส์เราด้วย แต่เราได้ชุดแล้วก็เลยไม่เอา

ชุด After Party : ตอนแรกก็จะไม่มีค่ะ เพราะเปลือง จ่ายเงินเยอะแล้ว และตอนแรกว่าจะเช่ากระโปรงเพิ่มจากร้าน GANIT แต่ลองถามราคาดู ประมาณ 8000 บาท เพื่อนเราก็เลยดีไซน์แบบให้เป็นชุดเข้ารูปสีขาว ยาวแค่เข่า ข้างหลังเปิดหลังถึงเอว ข้างหน้าเป็นคอปาด แบบเรียบ ๆ ไปจ้างช่างที่รู้จักกัน (เพราะตอนนั้นแม่เจ้าสาวยุ่งมาก ไม่สนใจแล้ว) ในราคา 3000 บาท ก็ตัดก่อนงานประมาณ 3 วัน แบบว่าไปบีบคอช่างมา ก็ดูดีเหมือนกันคะ ที่สำคัญถูกและเอาไปใช้ต่อได้อีก เนี่ยเราก็เอาไปใส่ออกงานสองครั้งแล้วหลังจากงานแต่ง อิอิอิ

เคยบอกว่า เลือกช่างแต่งหน้าอยู่นานมาก เลือกไม่ถูก และท้ายสุดตัดสินใจเลือกพี่น้อยหน่าตามคำแนะนำของเสียงส่วนใหญ่ของคนใกล้ตัว ไม่ผิดหวังค่ะ พี่น้อยหน่าและน้องฉัตรทำงานดีมากกกกกกก แต่งหน้าเราสวยมาก คนชมทุกคน ทั้งงานเช้างานเย็น เราจองพี่น้อยหน่าตั้งแต่รู้ฤกษ์เลยค่ะ แบบว่าอันนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ขอบคุณพี่น้อยหน่ามาก ๆ เลยค่ะ



สิ่งหนึ่งที่งานเรามีเพิ่มก็คือ Macaron ที่ได้มาจากร้านคุณแพร มันทำให้งานของเราดูฝรั่งเศสมากกกกกกกกก (มีทั้ง Crepe Suzette มีทั้ง Macaron เน้นของหวานเต็มที่ สีของ Macaron ก็ได้คุณแพรเป็นคนเลือกให้เพื่อให้เข้ากับธีมสีโดยรวม กล่องใส่ซอง เราก็ขอยืมมาจากคนจัดดอกไม้ เพราะตอนแรกคิดว่างานเราคงซองไม่เยอะเพราะเชิญแขกฝรั่งเยอะ และอีกอย่างไม่ได้เน้นซองอยู่แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงก็มีประมาณหนึ่งเหมือนกัน

ต่อไปเป็นหน้าตาอาหารที่โรงแรมจัดให้ ก็จริง ๆ ไม่ได้ชิมอาหารที่จะใช้ในงานก่อนเลย แค่บอกคอนเซ็ปและบอกสิ่งที่ไม่ชอบไปกับทางโรงแรม โรงแรมก็จัดมาให้ดีมากเลยค่ะ อาหารของเราเนี่ยมันไม่ได้เป็นแพ็คเก็จมาตรฐานดังนั้น หากใครสนใจโรงแรมนี้ เราแนะำนำให้โทรไปคุยกับเซล ชื่อคุณแป๋ว หรือคุณออม เบอร์ 02 309 3117 แล้วบอกความต้องการเค้าไปเลย เราคิดว่าเค้ามีศักยภาพทำได้นะคะ อย่างเราเนี่ย เราบอกเค้าไปเลยว่า เราอยากได้อาหารค๊อกเทลที่อร่อย และกินได้ทุกอย่าง แต่ไม่ต้องเยอะ อยากได้ซุ้มอาหารหลากหลายนานาชาติ อยากมีไวน์ทั้งคืน (โดยเราเอาไวน์ไปเอง) อยากให้โรงแรมจัดเบียร์ให้จำนวนเท่าไหร่ งานเลิกเท่าไหร่ อาหารออกเมื่อไหร่ เค้กขอเค้กอันเล็กแต่เป็นเค้กจริง และอื่น ๆ

เราว่าอย่างนึงที่สำคัญ อยากให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำการบ้านเลยค่ะ ว่าเราชอบอะไร และอยากเห็นอะไรในงาน แล้วเขียนไปเลย พอเวลาไปคุยกับเซลโรงแรมจะได้คุยตามนั้น ไม่ไขว้เขว คือเซลเค้าก็บริการดีทุกคน แต่ข้อนึงคือ เซลเค้าไม่สามารถมองเห็นภาพจินตนาการงานแต่งลูกค้าได้ทุกคู่ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะสื่อออกมาให้เค้าเข้าใจ เพื่อเค้าจะได้ทำได้ในแบบที่เราต้องการ

สูทเจ้าบ่าว Peter Kelly ที่เดียวกับงานเช้า แต่คนละสี เจ้าบ่าวชอบมากเพราะเอาไปใช้ใส่ทำงานต่อได้

เนื่องจากเราเป็นลูกคนเดียวที่เหลือของพ่อแม่ แม่เราเป็นน้องคนสุดท้อง ส่วนพ่อแม้จะไม่ใช่คนสุดท้องแต่ลูกพี่ลูกน้องทางพ่อส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศและแต่งงานแล้ว งานเราเลยหาคนมาช่วยงานค่อนข้างยาก คือถ้าให้ญาติทางต่างจังหวัดมาช่วย เค้าก็จะเขินไม่กล้า (เพราะพ่อแม่เราเป็นครอบครัวเดียวที่มาอยู่กรุงเทพฯ) สุดท้ายเราได้น้อง ๆ ที่ออฟฟิศมาช่วยงานค่ะ ประทับใจและซาบซึ้งมากเลยค่ะ น้อง ๆ ช่วยกันแข็งขัน จัดการงานให้เราทุกอย่าง ตั้งแต่ประสานงานกับโรงแรม ขนของ แจกของชำร่วย ดูแลญาติผู้ใหญ่ คุยกับโรงแรมเรื่องอาหาร คุยกับซัพพลายเออร์ทุกคนให้เจ้าสาวพร้อมจ่ายเงิน เก็บซองและของขวัญ โอ๊ย อื่น ๆ อีกมากมาย จนเจ้าสาวอย่างเรา เดินยิ้มรับแขกอย่างเดียวในวันงาน ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ

งานเช้า น้อง ๆ เค้าใส่ชุดไทยไปช่วยงาน ส่วนงานเย็น เราซื้อผ้าให้เค้าไปตัดชุดแบบที่เค้าชอบ เพื่อว่าเค้าจะได้เอาไปใส่งานอื่น ๆ ได้ต่อ มาดูกันว่าน้อง ๆ เราเค้าน่ารักแค่ไหน

ตอนแรก ไม่ได้คิดอะไรเผื่อเด็ก ๆ เลย เพราะเอาแต่ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวชอบ และเนื่องด้วยสถานที่และบาร์ไวน์ ก็ยิ่งไม่คิดถึงเด็ก แต่พอถึงวันงาน เพิ่งนึกได้ว่า มีทั้งลูกเพื่อน มีทั้งหลาน ต้องยอมรับว่า คนที่เรารู้จักเป็นพ่อแม่มือโปรมาก สามารถบริหารจัดการลูก ๆ ของตัวเองได้ มีบางคนเอานม เอาอาหารมาป้อนกันเลย เด็กคนไหนเหนื่อยก็ไปพักห้องที่เราเปิดไว้ได้ มีพี่เลี้ยงดูแล ส่วนพ่อแม่ก็สนุกได้ต่อ ยันเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เลยทีเดียว

หน้าตาเด็ก ๆ ในงาน (ปล. เด็กแอบไปวิ่งเ่ล่น แกะดอกไม้ด้วย เจ้าสาวไม่ซีเรียส ..... ก็สนุกดี)

งานเย็นของเราไม่ได้มีพิธีแบบงานคนไทยส่วนใหญ่ ไม่มีการคล้องพวงมาลัย ไม่มีประธานในพิธี (แต่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเราก็ไปกันหลายคน ทั้งระดับประเทศและระดับ Regional แต่ว่าเราแต่งสไตล์แบบเน้นครอบครัวและเพื่อนเป็นหลัก ท่านเหล่านั้นก็เลยไม่ไ้ด้กล่าวอะไร ยกเว้นว่าใครอยากอวยพร ตอนรินแชมเปญ เราก็เปิดกว้างอยู่แล้ว)

พิธีการเริ่มดังนี้

18.00 : แขกทยอยกันมาในงาน และดื่มค๊อกเทลเครื่องดื่ม พร้อมของทานเล่น พูดคุยสังสรรค์ตามอัธยาศัย (ระหว่างนี้บ่าวสาวก็รับแขกในงาน แต่ไม่มีการไปยืนหน้างานรอถ่ายรูป)

20.00 : เริ่มพิธี โดยพิธีกรกล่าวนำให้แขกไปยืนรอบ่าวสาวเป็นแถว พร้อมด้วยกรวยดอกไม้เพื่อใช้โปรยตอนบ่าวสาวเดินเข้ามาในงาน

20:10 : บ่าวสาวเดินเข้ามาในงาน โดยมีขบวน Little angel ถือกระเช้าดอกไม้นำมา เดินไปจนถึงเวที เพื่อนเจ้าบ่าวที่ทำหน้าที่กล่าวคำปฏิญาณ ยืนรออยู่แล้ว สองคน คนนึงเป็นบทพูดทั่วไปภาษาอังกฤษ อีกคนเป็นภาษาฝรั่งเศส พร้อมกลอนที่แต่งให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว หลังจากนั้นบ่าวสาวแลกแหวนแต่งงานและปฏิญาณว่าจะรักและดูแลกันตลอดไป

20:30 : Dinner Time

21:45 : ตัดเค้กและเปิดแชมเปญฉลอง ..... กล่าวนำคำอวยพร โดย เพื่อนสนิทฝ่ายเจ้าสาว และเพื่อนสนิทฝ่ายเจ้าบ่าว

22:30 : มีพิธีดึงถุงน่อง โดยเจ้าบ่าว แล้วก็โยนไปให้หนุ่มผู้โชคดีคนต่อไป ปิดท้าย ด้วยการโยนดอกไม้ของเจ้าสาว

23:00 : Dance & After Party แขกส่วนใหญ่กลับประมาณ ตีหนึ่งครึ่ง ถึงตีสอง แต่แขกคู่สุดท้ายอยู่กับเจ้าบ่าวถึงตีห้า

ในงานมีการฉายพรีเซนเทชั่นด้วย หลังจากที่บ่าวสาวแลกแหวนเสร็จแล้ว อันนี้เป็นส่วนที่เสริมเข้ามา เนื่องจากตอนแรกไม่มีเพราะเจ้าบ่าวสัญญาว่าจะทำ แต่พอใกล้ถึงเวลา เจ้าบ่าวยุ่งกับงานอยู่ไม่มีเวลา เราก็ได้เพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่การไฟฟ้าฯ ช่วยเป็นธุระจัดการให้ โดยเราหารูปคู่ หรือครอบครัวที่ถ่ายด้วยกัน (ซึ่งน้อยมาก มีรูปคู่ไม่ถึงสามสิบรูป สำหรับการคบกันห้าปีกว่า) แล้วพี่คนนี้เค้าก็ไปคิดเพลง wording ให้และไปหาคนตัดต่อมาให้เรา พอถึงวันจริง ทางโรงแรมฉายเข้ากับผนังสีขาว ซึ่งทำให้พรีเซนเทชั่น ของเราดูดีและซึ้ง ทั้ง ๆ ที่ลงทุนไปแค่ 3000 บาท ทำเอาแขกหลาย ๆ คนร้องไห้ ซึ่งไปกับพรีเซนเทชั่น รูปถ่าย คือเราว่าส่วนหนึ่งที่มันดูดี ก็เพราะรูปเหล่านั้นเป็นของจริง และเราก็เลือกรูปที่มีอารมณ์ (คือบางรูปเราอาจจะไม่สวย เจ้าบ่าวอาจจะไม่หล่อ.... แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีิวิตเราจริง ๆ) เราก็เลยคิดว่าแขกคงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น

ดนตรีในงาน : ดนตรีในงานมีทั้งหมด 3 ช่วง คือช่วงหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม เป็นดีเจมาจากต่างประเทศ จริง ๆเค้าต้องไปเล่นที่ Bed Supper Club แต่เนื่องจากว่า เพื่อนของเจ้าบ่าวเป็นเอเจนท์ให้เค้า เค้าก็เลยมาเล่นงานเราก่อน ก่อนจะไปต่อที่ Bed Supper Club

ช่วงที่สองเป็นน้อง ๆ ที่เรียนจบมาจากคณะดุริยางคศิลป์ ม. ศิลปากร ซึ่งเค้าเล่นประจำอยู่ที่ Jazz Happens Bar (คือแต่ก่อนเค้าเล่นที่ Bar Bali ที่ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเรากับเจ้าบ่าวเคยไปนั่งฟังแล้วชอบ ก็เลยจ้างน้อง ๆ เค้ามาเล่นดนตรีให้) น้องเค้าก็เต็มที่มาก เล่นแบบไม่หยุดกันเลยสองชั่วโมงเต็ม พอช่วงสุดท้ายตั้งแต่ห้าทุ่ม จนถึง ตีหนึ่ง เราก็มีดีเจ ซึ่งอันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่โรงแรมจัดให้ (เพราะตอนแรกเราไม่รู้ว่าเพื่อนจะหาดีเจมาให้) ก็เลยทำให้มีดนตรีหลายแนวภายในงาน ก็เหมือนกับเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว

รูปสวย ๆ ในงาน โดยทีมงานของคุณตี๋ ITTI KARUSON ซึ่งเป็นหนึ่งในช่างภาพไทยที่ได้รับ Certificate จาก Wedding Photo Jounalist Association ตอนเราเลือกช่าง เราก็เลือกยากเหมือนกัน มันเหมือนต้องเดาเอา แล้วก็เสี่ยงนิดหน่อย เพราะเราเข้าใจว่างานแต่ง แต่ละงาน ช่างก็ถ่ายออกมาความรู้สึกต่างกัน ด้วยเพราะองค์ประกอบและอารมณ์ของคนมางานต่างกัน เราขอบคุณคุณตี๋มาก เพราะเค้าเต็มที่กับงาน ขอไปดูสถานที่ มีนัดคุยคอนเซ็ป และดูรายละเอียด คุณตี๋ละเอียดมากกกกกกก จนตอนนั้นเราก็ยังอึ้งว่า มันต้องละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เราเห็นรูปแล้วเราไม่ผิดหวังเลยอะ ส่วนหนึ่งที่งานของเราดูสวยและดูดี ต้องบอกว่าเป็นเพราะคุณตี๋ให้คำแนะนำ ปรับเปลี่ยน โยกย้าย จัดสถานที่ด้วย ทำให้ได้ภาพออกมาดี และแขกก็รู้สึกว่าสถานที่แต่งงานสวยมากกกกก หากใครสนใจ สามารถติดต่อหรือขอดูผลงานของคุณตี๋ได้ที่ //www.ittikaruson.com/
หรือ
//www.wpja.com/wedding-photojournalism/5414-bangkok-weddings/photographer-itti-karuson.html

อย่างตอนเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว เคาน์เตอร์รับของชำร่วย หรือตอนรินแชมเปญ หลายคนก็มาถามว่าเราคิดได้ไง ..... แหะ แหะ ต้องบอกว่า เพราะคุณตี๋ช่วยแนะนำ ออกไอเดีย ร่วมกับพี่พจน์คนจัดดอกไม้ ก็เลยทำให้งานของเราดี ขอบคุณมาก ๆ และวิดีโองานเย็นของเราก็เป็นทีมเดียวกับคุณตี๋เหมือนกัน คือที่ได้ทีมเดียวกัน เพราะตอนแรกจะไม่มีเหมือนกัน เนื่องจากอยากประหยัดงบ แต่พอทำไปทำมา แล้วเหมือนจะพอมีงบเหลือจ่ายได้ เราลองติดต่อหลายที่ก็ไม่ว่าง และเค้าก็ไม่ค่อยอยากรับเนื่องจากเรามีช่างถ่ายภาพอยู่แล้ว เราก็เลยปรึกษาคุณตี๋ คุณตี๋ก็เป็นธุระจัดการให้ .....

ก็ขอปิดท้ายด้วยวิดีโอ hightlight ของงานแล้วกันนะคะ หากเพื่อน ๆ คนไหนมีข้อสงสัย หรืออยากให้ช่วยอะไรก็ส่งข้อความมาหาได้เลยจ้า ยินดีช่วยเต็มที่

//youtu.be/alLSHbBfhqA


Create Date : 05 มีนาคม 2557
Last Update : 5 มีนาคม 2557 10:40:43 น. 1 comments
Counter : 2063 Pageviews.

 
เป้ ช่างแต่งหน้า พี่น้อยหน่ารึป่าว


โดย: หนูนา IP: 192.99.14.34 วันที่: 29 กันยายน 2557 เวลา:14:28:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.