Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
8 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
(ภาค 2) ความเสียใจที่สุดในชีวิต.........

คนเราเมื่อทุกอย่างดูดี....ผลการตอบสนองดี...เป็นไปตามแผนการรักษาเป๊ะ ๆ เลย ก็เลยไม่ได้เผื่อความผิดหวังที่จะเกิดขึ้น เพราะความเชื่อมั่นว่าเราจะต้องหายได้แน่ ๆ

ไม่ใช่ ๆ ......ไม่ใช่ว่ารักษาไม่ได้แล้ว....จะต้องตายแล้ว....ไม่ใช่อย่างนั้น

คุณหมอท่านก็อยากให้ใช้ stem cell ของลูก แต่เราคิดเอาเองในตอนนั้นว่าลูกเรายังเล็ก
จะให้ stem cell ได้ยังไง ไม่ได้คิดไปว่า พี่กะน้องในเด็กที่เป็นเค้าก็ให้กันได้

ตอนนั้นคิดแต่ว่า เราเองเป็นเอง ถ้าฟ้าประทาน donor มาให้ก็ถือว่าเราโชคดีมาก ๆ
แต่คนเราไม่ว่าจะขอพรพระ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิยังไง เราก็ต้องพยายามสู้ด้วยตัวเราเองก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วเราก็อย่างที่ได้เล่าไปน่ะแหละ.....ดื้อ.....เชื่อมั่นในตัวเองสูง
ก็เลยตัดสินใจใช้ stem cell ของตัวเอง ในการปลูกถ่ายไขกระดูก

วิธีการเก็บ stem cell มีดังนี้

กรณีของเราใช้ของตัวเองเรียกว่า autologus เราจะต้องได้รับยาคีโมอีกครั้งซึ่งคุณหมอเลือกที่จะใช้ Ara-C เหมือนเดิมแต่ใน dose ที่น้อยกว่าเดิมแต่เป็น 3 วันติดกัน

ซึ่งเราก็คิดว่าเราทนได้ก็เราไม่แพ้ Ara-C นี่......แต่ความกลัว...และกังวลก็เกิดขึ้น
ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องน่ะ.....แต่เรารู้สึกกลัวจริง ๆนะ......กลัวอะไรเหรอ?????

เรากลัวการทำเส้นน่ะ......คือการดูดเลือดไปปั่นเอา stem cell นั้นต้องใช้จากเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าอก หรือขาหนีบ

เราไม่ได้เล่าว่า....ตอนให้คีโมนั้น เส้นเลือดจะต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพราะยาจะไปทำให้เส้นเลือดเสีย....แล้วเราก็เส้นเลือดหาได้น้อยมาก จนสุดท้ายต้องไปเจาะที่หลังเท้า

คุณหมอจึงตัดสินใจให้เราไปทำ port ที่หน้าอกด้านขวาสำหรับปักเข็มให้ยา หรือดูดเลือด (ตอนนี้ที่หน้าอกด้านขวาเราก็จะเป็นกลม ๆ ปูด ๆ ขึ้นมา)

ความกลัวที่ว่านั้นมันเกิดจาก....ตอนที่เราไปทำ port นั่นแหละ.....
เราว่า....เราเป็นคนที่ทนอะไรสุด ๆ นะ....ไม่ค่อยกลัวอะไรเลยนะ....ชอบเสี่ยงนะ....
แต่พอไปทำ port เท่านั้นแหละ ......โอ้โห....ตอนหมอบอกว่าจะฉีดยาชานะ....
รู้สึกถึงเข็มที่แทงลงไปเลย (มือหนักมาก) ยังไม่เห็นจะรู้สึกว่าชาเลย...หมอก็บอกว่า
จะลงมีดละนะ...อ่าฮ้า.....มีดกรีดเนื้อลงไปยังรู้สึกอยู่เลย....เราแหกปากร้องไห้ลั่นห้องผ่าตัดเลย

หมอหาว่าเรากลัวล่ะสิ....เราน่ะคลอดลูกสองคนโดยการผ่าตัด....เดินเข้าห้องผ่าตัดเองเลย....ให้สามีถ่ายวีดีโอด้วย คุยกะหมอไปด้วย ไม่ได้หลับเลย สบายมาก

ครั้งสุดท้ายก็ผ่าตัดมดลูกออกเนื่องจากเป็นเนื้องอกเมื่อตอนปี 50 ก็ไม่ได้กลัวอะไร ...สบาย ๆ ชิว ๆ

หลังจากหมอบอกว่าลงมีดแล้ว....ให้ตอนที่เกี่ยวเส้นเลือด นั้น เรายังตะโกนบอกหมอไปเลยว่า หมอขา...หมอเกี่ยวเส้นอะไรที่แขนขวาหนู....หมอยังบอกเลยว่าก็ต้องเกี่ยวซิ จะต้องเอา port ฝังไปในเส้นเลือด....โอ้โห...นอนแทบจะเห็นภาพหมดเลย
เราตะโกนไปว่า หนูขอหลับได้มั้ยคะ....หมอบอกว่าไม่ได้....
เราก็โฮลั่นห้องเลย......แล้วดันถามหมอไปอีกว่าแล้วตอนเอาออกหนูขอหลับได้มั้ยคะ
หมอบอก...ก็ไม่ได้ แถมยังไม่บอกซักคำว่าไอ้ port ที่ทำเนี่ยอยู่ได้เป็น 5 ปีเลย
เรานึกว่าทำสองอาทิตย์แล้วต้องเปลี่ยนเส้น

ออกมาจากห้องผ่าตัด....ร้องไห้ไม่หยุดไปอีก 2 ชม. Bad impression มาก ๆ
.......
......
นอกเรื่องไปซะยาว......ที่จะพูดเรื่องกลัวทำเส้นน่ะ....คือเรารู้ว่าทำที่หน้าอกขวาไม่ได้แล้ว ก็เหลือหน้าอกซ้าย หรือไม่ก็ขาหนีบ ทีนี้หน้าอกซ้าย จะใกล้หัวใจมาก ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอที่รักษาก็เลยว่าทำที่ขาหนีบก็ได้......ตอนแรกก็เฮ้อ...ไกลหัวใจหน่อย....

แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ยังกลัวอยู่ดี เพราะทำสดแล้วต้องสอดเส้นที่ปลายออกมาเป็นสองสาย
เหมือนกับคนฟอกไตน่ะค่ะ เส้นที่สอดเข้าไปยาว 16นิ้ว ฟังดูแล้วหวาดเสียว....

เราก็โรคจิตโทร.หาเพื่อนตลอดว่าจะทำยังไงให้หายกลัว พยายามกำหนดลมหายใจก็แล้ว คิดซะว่ามันยังไม่ถึงเวลาทำซะหน่อย...ก็แล้ว...ก็เหมือนประสาทจะกิน

อันนี้ก็บอกคุณหมอไปตรง ๆ เหมือนกันว่าเรากลัว ซึ่งคุณหมอก็ทราบ....
พอถึงวันทำจริง (ทำวันที่ค่าเม็ดเลือดขาวมีค่าเด้งขึ้น) คุณหมอโทร.มาเอง บอกว่านัดแพทย์ที่ทำเส้นให้แล้ว ให้ไปที่หน่วยฟอกไต ไปทำเส้น แล้วก็ให้พยาบาลติดต่อกาชาด
ไปเก็บ stem cell ให้ทันในตอนบ่ายวันนั้นเลย

ด้วยความเร่งรีบ ความกลัวก็หายไปพักนึง เพราะมัวแต่งง ๆ เตรียมตัวแทบไม่ทัน...
ก็อะไรจะต้องรวดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ.....ก็ไม่เคยเก็บ stem cell เหมือนกันนะ

เพื่อนเคยส่งเอกสารการเตรียมตัวก่อนการเก็บ stem cell มาให้อ่าน ....เราก็อ่านทบทวนอยู่หลายรอบหลายครั้งทีเดียว......

ก็บอกแล้ว......ว่าเราน่ะมั่นใจสูง.....เตรียมตัวมาทุกอย่างพร้อมรับทุกสถานการณ์...
(ยกเว้นกลัวการทำเส้น.....เอิ๊กส์)

ตอนไปรอทำเส้น....เจอคุณแม่เพื่อนไปนอนฟอกไตอยู่ ก็เข้าไปคุย แล้วก็ถามเรื่องทำเส้น.....คุณแม่เพื่อนก็บอกว่ามันก็เจ็บนะ จะบอกว่าไม่เจ็บก็ไม่ใช่ เพราะมันเจ็บจริง ๆ

ไอ่เราก็ใจแป้วไปเลย.....

โทร.หาสามีด่วน ให้เค้ารีบตามมา เพราะเค้าบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วย......
พอถึงเวลาที่คุณหมอเรียกไปทำก็ตื่นเต้นมาก.......แต่ขอบอกคุณหมอที่ทำน่ารักมากเลย
คอยบอกว่าหมอจะทำเบา ๆ ไม่ให้เจ็บเลย แถมคุณหมอที่รักษาก็ยิ่งน่ารักใหญ่ อุตส่าห์
ขับรถมาจาก รพ.พระมงกุฎฯ เพื่อมาบอกคุณหมอว่า เรากลัวมาก แล้วมาส่งเราถึงห้องทำเส้นเลย

ระหว่างที่พยาบาลเตรียมทุกอย่าง (ห้องหนาวมาก) คุณหมอก็จับให้เรานอนงอขาเป็นเลข 4

(เราทำที่ขาข้างขวา) คุณหมอก็กำลังคลำหาชีพจร แล้วก็บอกว่าดี ๆ
แล้วก็เริ่มลงมือฉีดยาชา....คุณหมอเตรียมยาชาไว้เบิ้ลเลย เพราะรู้ว่าเรากลัวเจ็บ
คุณซะมีก็ดันโทร.มาพอดี....ถามอยู่อยู่ตรงไหนน่ะ มาแล้วหาไม่เจอ

ขณะกำลังคุยบอกซะมีอยู่นั้น....คุณหมอแทงเข็มลงไปแล้ว รู้สึกเหมือนดัง
บรึ้ด..บรึ้ด...เลย........น้ำตากระเซ็น พูดกระชาก โทรศัพท์ร่วงไปเลย

พอแทงเสร็จ....ก็ถึงคราวที่จะต้องเย็บตรึงให้เส้นติดอยู่กับขา คุณหมอก็ฉีดยาชาให้เพิ่ม

ประมาณสักครึ่ง ชม.ก็เสร็จ..........นั่งรถเข็นออกมา...บึ่งไปกาชาดทันที!!!!

ตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าเค้าเก็บ stem cell กันอย่างไร
ตอนนั้นที่ขามันชาอยู่ก็ยังไม่เจ็บอะไร.....เราไปรถ ambulance เปิด..วี้..หว่อ..ไปเลย

เกิดมาก็เพิ่งเคยนอนรถ ambulance โดยที่ไม่ได้เจียนตาย แล้วเปิด วี้ ...หว่อ ขอทางเนี่ยแหละ

พอไปถึงที่กาชาด....เค้าก็เตรียมเครื่องไว้พร้อม ที่เค้าให้รีบไปก่อนบ่ายโมง
ก็เพราะว่า...ต้องนอนอยู่ประมาณ 4 ชม.เต็ม (เดี๋ยวเค้าเลิกงานช้าน่ะ..อันนี้ก็เข้าใจเค้านะ)
....
....
....
ทีนี้เนื่องจากเราทำเส้นที่ขา ก็เลยไปนั่งเก้าอี้ที่เค้ามีอยู่แล้วไม่ได้ เพราะขามันงอ

เส้นมันก็จะหักเลือดก็ไม่ flow เราเลยกลายเป็นบุคคลที่ถูกกาชาดจดจำได้ดี
เพราะมันต้องนอนเตียงจากรถ ambulance เกะกะที่ทางเค้าไปหมด

เค้าก็อธิบายถึงอาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างเก็บ stem cell คืออาการชาตามมือ ตามปาก ไรเงี้ย...

เราตื่นเต้นมากกว่า...ไม่ได้กลัวนะ...เพียงแต่ไม่รู้ว่า นอกจากอาการที่ว่าแล้ว
มันจะมีอาการอะไรอย่างอื่นด้วยมั้ย

พอเริ่มเดินเครื่อง.....
(ถ้าใครเคยบริจาคเกร็ดเลือด..มันก็จะลักษณะคล้าย ๆ กัน คือดูดเลือดไปปั่นแล้วคืนเลือดกลับมาให้เรา)

....
....
ผ่านไปสัก 5 นาที รู้สึกมั่นสั่น ๆ แบบความถี่ต่ำน่ะ ...ก็ถามเค้านะ...
เค้าก็บอกว่าเวลาดูดเลือดไปแล้วเอากลับเข้ามามันมีความเร็วอยู่มันก็สั่น ๆ ได้
ไอ่เราก็อือ อือ...ยังบอกให้น้องพยาบาลที่ตามไปด้วยไปกินข้าวซะ พี่อยู่ได้

ผ่านไปอีกสักพัก รู้สึกเหมือนเจ็บ ๆ หัวใจ แน่นหน้าอก มันบอกไม่ถูกเลยนะ
เค้าก็จะมาคอยถามเป็นพัก ๆ ว่ารู้สึกยังไง ...เราก็บอกไม่ถูกน่ะ
เค้ากลับคิดว่าเรากลัว....ก็พยายามบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ

...
...
นอนมองนาฬิกาไป...ตรูจะทนไหวมั้ยเนี่ย 4 ชม. แค่ 15 นาที รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้
...
...
พยาบาลกลับมาจากกินข้าวแล้ว....ตกใจมาก...เราหน้าซีด...เค้าถามหาที่วัดความดัน
ขอโทษ...มีรุ่นโบราณมากกกกกกก ...พยาบาลถามหาออกซิเจน...เค้าบอกว่ามันเสีย....

....
...
พระเจ้าจอร์จ......มันยอดมากเลย....ที่กาชาดไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตคนเลย
...
ไม่ได้ตำหนิกาชาดนะ....ก็เห็นใจเค้า...เค้าบอกว่าสั่งไปแล้วเป็นปี ยังไม่ได้มาเลย
แล้วอีกอย่างคนไปเก็บ stem cell ก็ไม่ได้มีปริมาณมากมายอะไร คนที่ไปกาชาดเค้าก็คนปกติกันทั้งนั้นแหละ
....
....
ท้ายที่สุดตัวเราสั่นไปหมด...แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราอยากจะบอกเสมอก็คือ.....สติ
....
....
ถ้าคนเรามีสติ....ไม่หมดสติ....ทุกอย่างแก้ไขได้
....
...
เราตัดสินใจบอกว่า....เราไม่ไหวแล้วจริง ๆ ....ในตอนแรกเค้าเบาเครื่องให้
แต่ปรากฏว่าเครื่องไม่ยอมเบา
ท้ายที่สุดพี่พยาบาลที่กาชาดก็ต้องมาหยุดเครื่องให้
....
...
ผลคืออะไรรู้มั้ย....เกิดอะไรขึ้นกับเรา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

.................
เลือดสาดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!! เต็มเครื่องเลย....
.................
................
เครื่องเจ๊ง.....แต่มันไม่มีสัญญาณเตือนออกมา....พระเจ้า...!!!ประสบการณ์การเก็บ stem cell วันแรกของชั้น!!!!

เราต้องถูกส่งตัวกลับ รพ.ด่วน ให้เลือดด่วน....เพราะเลือดที่สูบออกไปแล้ว
มันไม่กลับเข้ามาในตัวเรา มันแตกกระจายอยู่ในเครื่องไปแล้ว!!!!!

วันนั้นเป็นวันศุกร์....ดังนั้นรุ่งขึ้นวันเสาร์...เค้าก็เลยต้องชดเชยให้เราใหม่ และก็ไม่ได้คิดเงินเพิ่ม

ทีนี้ตอนแรกกะว่าจะไม่นอน รพ. เพราะคุณหมอทราบว่าเราไม่ชอบนอน รพ.
แต่ตอนนี้เราไม่ไหวแล้ว...ขอแอดมิดเอง....ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เดินไม่ได้...

แต่แปลกนะ....ไม่ปวดขา...แต่ดันไปปวดหลังแทน....คืนนั้นนอนไม่ได้เลย

คือ...เรื่องการนอนรพ. ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากอยู่ขนาดนั้นหรอกนะ...เพียงแต่ว่าถ้าเราป่วยเราจะอยู่

แต่ถ้าไม่ป่วย...แต่จับไปกักกัน......มันอึดอัดน่ะ....มันไม่สบายใจ

พอวันเสาร์ไปเก็ย cell ที่กาชาด....วันนี้ไปเช้า เพราะเค้าเข้าให้ครึ่งวัน
วันนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย...ทุกอย่าง smooth เรียบร้อยดี

ตอนเย็นกลับมานอน รพ. รอผลการนับเซล.........

อ่อ....ขอเล่าขั้นนิดนึงเรื่องจำนวนวันที่จะเก็บ stem cell
จากที่เราอ่านมา และคุณหมอก็บอก ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 วัน คุณหมอกะว่าจะให้ได้ซัก 4 ล้านเซลจึงจะดี จริง ๆ อันนี้ขึ้นกับ นน.ตัวด้วย ในช่วงที่เก็บก็
ต้องฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวทุกวัน เพื่อให้ตัวอ่อนมันออกมาในกระแสเลือด
สรุปว่าที่เก็บ stem cell น่ะ คือเราไปเก็บ stem cell ตัวอ่อนเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า CD34 (ขอโทษวิชาการไปนิดส์นึง)
เราหนักประมาณ 50 กิโลฯ ถ้าหนักน้อยกว่านี้ก็ใช้เซลน้อย ๆ ได้เพราะมันหารต่อกิโลกรัม

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

ประมาณซัก 5 โมงเย็นเค้าก็แฟกซ์ผลมาให้ที่ รพ. ตอนแรกก็ดูไม่เป็นว่ามันเท่าไหร่...ยังไง

พยาบาลก็โทร.รายงานให้คุณหมอทราบ....ให้คุณหมออ่านผลให้ฟัง...

ผลปรากฏว่า......!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ได้ หนึ่งแสนเก้าหมื่นเซล ครับท่านผู้ชม............

.....
.....
.....
อึ้งค่ะ....งงค่ะ....แล้วไงล่ะ 3 วันจะถึงสี่ล้านเซลมั้ยเนี่ย!!!!!!
.....
.....
คุณหมอก็ปลอบใจว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้มันอาจจะขึ้นมากกว่านี้...อ่า...ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

แต่ว่าพรุ่งนี้คือวันอาทิตย์.....กาชาดหยุด.....แป่ว.....

ไม่เป็นไร....หมอบอกว่าพัก 1 วันแล้วค่อยไปเก็บวันจันทร์อีกที.....
อือ...ก็ดีนะ...เราจะได้พักด้วย....เหนื่อยเหลือเกิน แต่ละวันต้องคอยเช็คว่าเลือดพร้อมที่จะไปเก็บเซลได้รึเปล่า

ถ้าค่าเม็ดเลือดแดงไม่ถึงกำหนด ก็ต้องให้เม็ดเลือดแดง
ถ้าค่าเกร็ดเลือดต่ำมากก็เก็บเซลไม่ได้ ต้องให้เกร็ดเลือดก่อน
...
...
เฮ้อ....นี่มันมนุษย์...หรือรถยนต์หว่า.....ต้องคอยเช็คน้ำกลั่น เช็คลมยางก่อน start
...
...
ยังไงได้ล่ะ...ก็เรามันเป็นผู้ป่วยนี่...ไม่ใช่คนปกติ

หลังจากไปเก็บเซลในวันจันทร์ ก็ราบรื่นดีไม่มีปัญหาอะไร....
มารอลุ้นผลดีกว่า........


รอคอยอย่างใจจด....ใจจ่อ.....(สามีให้พยาบาลโทรไปตามผลที่กาชาดเองเลย)

ออกมาแล้วครับท่าน.....

หนึ่งแสนหกหมื่นเซล...................!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

......
......
มึน...อึ้ง....คิดอะไรไม่ออก....แต่คุณหมอก็ยังให้กำลังใจว่า....ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวันน่ะ....มันอาจจะขึ้นก็ได้!!!!!
.....
.....
มันจะขึ้นกันวันละเป็นล้านเลยเหรอ....เป็นไปได้เหรอ...เออนะ...ก็อาจจะเป็นไปได้...ก็คุณหมอบอกนี่!!!

ชักเริ่มเครียด....กังวลบอกไม่ถูกเลย

จากนั้นก็ข้ามมารอลุ้นผลวันที่สามเลยแล้วกัน................
...
...
...
ติ๊กต้อก...ติ๊กต้อก...ติ๊กต้อก.....(เวลาผ่านไปช้าจังเลย)
...
...
สองแสนสองหมื่นเซล
...
...
โฮ....ลั่นห้องเลย....หมดแล้ว....หมดสิ้นทุกอย่างทำไงดี
...
หมอมาบอกว่าไม่เป็นไรนะ....เก็บไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...รอ donor เอาก็ได้
...
...
แล้วไงล่ะ....รอ donor เหรอ....ถ้าเราจะรอ donor เราไม่คิดจะทรมานเก็บ stem cell ตัวเองหรอก

เรามุ่งมั่น และตั้งใจมากที่จะรักษาชีวิตตัวเอง...ด้วยตัวเอง....

ถ้าเราคิดจะรอความหวัง เรากลับไปทำงานนานแล้ว....ก็อย่างที่บอก เราปกติดีทุกอย่าง
(เมื่อค่าเลือดขึ้นเป็นปกติ หลังจากให้คีโม)

เราคุยกับสามี...ให้คุยกับหมอว่าเราจะขอเก็บต่อ
สามีก็โทร.คุยกับหมอ แต่หมอก็ยังยืนยันว่าไม่ให้เก็บต่อแล้ว

เราก็ต้องออกจาก รพ. เอาเส้นที่ขาออก แล้วกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน

เราร้องไห้คนเดียว คิดมาก....เครียด.....เสียใจที่สุดในชีวิตเลย
ผิดหวังกับตัวเองมาก ๆ .....กลายเป็นคนที่ หมดศรัทธาในตัวเองไปเลย
...
...
เราร้องไห้มากมาย....มาก...มาก....อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งยังไม่เสียใจเท่านี้เลย......
...
...
ความผิดหวัง....มันรุนแรงมาก.....
...
และนี่....คือสิ่งที่อยากจะบอก....ให้ทุกคนรู้ว่า....เมื่อจิตใจเราย่ำแย่สุด ๆ
ผลที่ตามมาคือ....ร่างกายเราผิดปกติไป....!!!!!!!


เราตกใจมาก....
ร่างกายเราเป็นอะไรไป....
...
...
โทร.หาเพื่อน...(ก่อนหน้านี้ก็โทร.ไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วเรื่องเสียใจ)

ฉัน : แก...ชั้นเป็นอะไรไม่รู้...แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ชั้นเครียดมากมันเหมือนอยากร้องไห้ แต่ตอนนี้มันร้องไม่ออก
เพื่อน : ใจเย็น ๆ ซิแก ทุกอย่างมันก็ต้องมีทางออก ลองคุยกับหมอดูใหม่มั้ย
ฉัน : ชั้นยังไม่ได้คิด แต่ตอนนี้กลัวตัวเองมาก มันเป็นยังไงไม่รู้ เสียวสันหลังวาบ ๆ เลย
เหมือนคนตื่นเต้นเวลาออกไปยืนพูดหน้าชั้นเรียนน่ะ
เพื่อน : แกกินยาคลายเคลียดรึยัง
ฉัน : หมดแล้ว Xanax หมดแล้ว เหลือ Fresium อยู่ จะลองกินคืนนี้ดู
เพื่อน : แหม..ชั้นมีนะ นี่ถ้าอยู่ใกล้กันจะเอาไปให้เลย
ฉัน : ไม่เป็นไร อีกสองวันหมอนัด ถ้าชั้นยังไม่ดีขึ้น จะขอยาหมอเอง

....
....
กิน Fresium ก่อนนอน ตื่นมาก็มีอาการอีกเป็นพัก ๆ....ก็บอกสามีเหมือนกัน
เค้าก็รู้ว่าเราเครียดมาก
....
....
นึกยังไงขึ้นมาไม่รู้ เปิดคอมพ์เขียน e-mail ถึงเพื่อนร่วมงานในกลุ่มที่สนิทกัน
เล่าให้ฟังเรื่องการเก็บ stem cell ที่ไม่สำเร็จ เขียนเหมือนไร้จุดหมายในชีวิตแล้ว
....
....
จากนั้นน้องในกลุ่มคนหนึ่งก็โทร.มาหา....
เราก็พูดไปเล่าไป ทีนี้ร้องไห้โฮเลย พูดไปด้วย ....น้องเค้าก็ตกใจ
เราบอกว่าเราเกลียดตัวเอง...เราหมดศรัทธาในตัวเองแล้ว
เค้าก็บอกว่าไม่ได้นะ....อย่าคิดอย่างนั้นนะพี่ต้อง...คิดอย่างนั้นนไม่ได้นะ
ตอนนั้นอารมณ์มันสุด ๆ ไปเลย
...
...
แต่......
...
...
ปรากฏว่าเมื่อได้ร้องไห้ออกไป.....มันดีขึ้น....ร่างกายมันเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว
...
...
ส่วนสามีก็ค้น internet หาเรื่องการเก็บ stem cell อ่านอย่างขมักเขม้น
...
...
ในที่สุดก็ print out มาให้อ่านว่าเจอเรื่องอะไรบ้าง เค้าเล่าให้ฟัง เราก็ไม่ฟัง
เราปิด mode!!!!!!!!

ขอย้ำอีกครั้ง....ให้รู้จริง ๆ ว่า

ร่างกาย กับ จิตใจ....มันไปด้วยกัน

ถ้าร่างกายป่วย แล้วจิตใจป่วย เราก็จะป่วยหมด
แต่ถ้าร่างกายป่วย แล้วจิตใจไม่ป่วย ร่างกายก็จะค่อย ๆ ฟื้นตัว
ถ้าร่างกายไม่ป่วย แต่จิตใจป่วย....ร่างกายจะป่วยตามมา

ที่น่าตกใจ..ก็คือ มันไม่ได้ตามมาในเวลาเดียวกัน

เพราะหลังจากที่เสียใจสุด ๆ ไปแล้ว ทำใจได้แล้ว (เราทำใจได้เร็ว)
ไม่นึกว่าร่างกายจะมาป่วยทีหลัง.....เลยสับสนและตกใจ

บางคน....เครียดมานาน...แล้วร่างกายเพิ่งมาป่วย...ก็เป็นไปได้นะคะ

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

หลังจากที่ทำใจได้แล้วว่าไม่สามารถใช้ stem cell ตัวเองรักษาได้ ก็คิดว่าสุดแท้แต่เวรกรรม

ถ้าจะยังมีชีวิตอยู่ก็อยู่ไป.....แต่ขออยู่อย่างคนปกตินะ...ไม่ใช่คนป่วย
อยากกลับไปทำงานตามปกติ

(จริง ๆ เคยคุยกับพยาบาลที่กาชาดไว้แล้วว่าทำไงดี ซึ่งเค้าแนะนำให้คุยกับคุณหมอว่าขอเจาะไขกระดูกซิ...
ดูดจากไขกระดูกมันเก็บได้เลย....แต่เราก็คิดเป็นนะ...ถ้าดูดจากไขกระดูก
ก็เสี่ยงต่อการที่จะได้เซลมะเร็งกลับมาด้วย..ไว้ถ้าไม่มีทางเลือกจะลองปรึกษาคุณหมอดู)

สามีพยายามให้เราอ่านเอกสารที่เค้า print out มา......ในที่สุดวันหนึ่งก็เลยหยิบมาอ่าน (อยู่บ้านว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไร)

แล้วก็พบว่า.....มันสามารถเก็บได้อีกนี่....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ไปคุยกับคุณหมอดีกว่า......

คุณหมอก็เป็นห่วง...ถามว่าหายเครียดรึยัง....ดีขึ้นมั้ย
(ตอนที่เราจะขอกลับไปทำงานคุณหมอบอกว่าอย่าเพิ่งเลย)

สามีถามว่าที่ stem cell ไม่ขึ้นเลยนั้นเป็นเพราะเราโดนยา hi-dose มาตลอดรึเปล่า

คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นไปได้ เพราะเราโดนกดเม็ดเลือดขาวไว้เยอะ

คุณหมอก็บอกว่าลองใหม่ก็ได้ ทีนี้จะให้ยาอีกตัว เป็นวันเดียว แล้วลองดูว่าจะดีขึ้นมั้ย

ยาตัวนี้ชื่อ เอ็นด็อกแซน ให้ 4000mg หนึ่งครั้ง (ก็ hi-dose อีกนั่นแหละ)

การให้ยาคีโมก่อนการเก็บ stem cell นี้เรียกว่าการทำ mobilization

จะทำในผู้ป่วยที่ใช้ stem cell ของตัวเองที่เรียกว่า autologous ซึ่งเป็นการกดเซลมะเร็งให้เหลือน้อยที่สุด

จากนั้นฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวเพื่อให้ไขกระดูกผลิตเซลต้นกำเนิด (stem cell)
ออกมามาก ๆ เพื่อให้มันวิ่งออกจากไขกระดูกเข้าสู่กระแสเลือด

ด้วยวิธีการเก็บ stem cell นี้เอง จะทำให้ได้เซลที่ดี ๆ ออกมา โดยไม่ปนเปื้อนเซลมะเร็ง

....
....
หลายคนที่อ่านคงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมถึงรักษาโดยใช้ stem cell ของตัวผู้ป่วยเองได้
...
...
และก็เป็นทางที่เราเลือกอีกนั่นแหละว่า....เราจะไม่ใช้ไขกระดูกของตัวเอง
(ได้ปรึกษาคุณหมอไปแล้ว และคุณหมอก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้ไขกระดูก)
confirm!!!!!

ความหวังครั้งที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอคั่นโฆษณา.......นิดนึงนะคะ.......
คือที่เขียนทั้งหมดนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องขั้นตอนและวิธีการรักษา ซึ่งในโรคเดียวกันนี้ก็มีแยกย่อยอีกหลายชนิด
ซึ่งคุณหมอแต่ละท่านก็มีแนวทางการรักษาหรือให้ยาที่แตกต่างกันออกไปนะคะ

เรื่องของเราไม่ใช่แพทเทอร์นเดียวที่ใช้ในการรักษา

อยากเล่าประสบการณ์ที่เจอมา และสิ่งที่คนบางคนยังไม่รู้หรือไม่มีโอกาสได้รู้ ได้เข้าใจอย่างง่าย ๆ

ดังนั้นการเขียนที่มีออกนอกเรื่อง (ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว) ที่เล่าให้ฟังก็ถือว่าเป็นน้ำจิ้ม ให้เรื่องมันน่าอ่านมากยิ่งขึ้น

ดีกว่าจะเป็นวิชาการเฉย ๆ ที่จะให้เป็นวิทยาทานน่ะค่ะ

ส่วนความรู้สึก และอารมณ์ที่อยากระบาย หรือที่ได้เขียนลงไป โดยส่วนตัวเราเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว (คนที่รู้จัก..จะทราบดี)

การที่เราวีนแตก....ปรี๊ดแตก....ใส่หมอหรือพยาบาล....เรากระทำอย่างมีเหตุผลค่ะ ไม่ใช่ กรี๊ด ๆ ๆ ๆ เหมือนเด็ก ๆ

แล้วหมอหรือพยาบาลเหล่านั้น ก็ยังรักเราดีค่ะ....(น่าจะจำได้แม่นด้วย)

ใคร ๆ ตอนแรกก็นึกว่าเราเป็นหมอด้วยซ้ำ เพราะเราศึกษาโรคของเรามาอย่างดี

เดี๋ยวนี้คุณหมอแต่ละท่านจะพูดจะรักษาอะไร ให้ข้อมูลเราเต็มที่เลยค่ะ...ไม่ปิดกั้น

เรายังเคยบอกพยาบาลเลยว่า เวลาไปสัมมนาไปจำลองเรื่องการเป็นคนป่วยดูซิ แล้วจะได้รู้ว่าเค้าต้องการอะไร..

พยาบาลเค้าก็คิดนะคะ....แต่ขอบอกเลยว่า เราให้ข้อคิดการพยาบาลหลายอย่าง

แม้แต่คุณหมอเอง ยังมาขอร้องให้เราช่วยเขียนเรื่องที่พบเจอเมื่อป่วยใน รพ.ให้เค้าเลย (เขียนไปให้แล้ว)

ใครจะชอบ หรือไม่ชอบเรา...อันนี้ก็ห้ามไม่ได้นะคะ.....นิสัยเราเปลี่ยนยาก

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

(ต่อ)....การเก็บ stem cell ครั้งที่ 2

ครั้งนี้ทำใจสบาย ๆ เพราะเคยผิดหวังมาแล้ว ถ้าเก็บได้มากขึ้นก็ถือเป็นโชคดีไป
ถ้าได้น้อยอีกก็ไม่เป็นไร....เพราะ....มันเก็บได้ตั้งหลายครั้งแน่ะ....
แล้วที่เก็บไว้แล้วก็สามารถนำมารวมกันได้ด้วยล่ะ...เค้าเรียกว่าสะสมแต้ม...

ความหวังครั้งใหม่เริ่มเกิดขึ้น...แต่คราวนี้มีบทเรียน....ไม่หวังสูงแล้ว

อ่อ....เรียกศรัทธาในตัวกลับมาแล้ว...หลังจากที่โกรธแล้วไล่มันออกไป

การไปทำเส้นครั้งนี้ก็ทำที่เดิมอีกค่ะ...ที่ขาข้างขวา ทีนี้ความกลัวก็ลดน้อยลง
แต่ความเจ็บยังคงเดิม..
(ทั้ง ๆ ที่ใช้การหายใจเข้าออกช่วยแล้วนะ...แต่มันก็เจ็บ...แต่ไม่ร้องไห้แล้ว)

ครั้งนี้หมอนัดทำที่ห้องผ่าตัด เพราะว่ามันสะอาด แผลบริเวณขาหนีบจะติดเชื้อง่าย

ทุกอย่างราบรื่น.....การไปเก็บ stem cell ครั้งนี้ก็ค่อนข้างราบรื่นดี
เริ่มสนิทกับพี่ ๆ น้อง ๆ พยาบาลให้ห้องเก็บ stem cell

(ที่กาชาด...ห้องเก็บ stem cell จะอยู่ที่ชั้น 1 ในส่วนที่เขียนว่าห้องเก็บเกร็ดเลือดและพลาสม่า)

แต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร...เนื่องจากต้องนุ่งแพมเพอร์สค่ะ...
ทีนี้มันฉี่ไม่ออกไง....ไม่เชื่อไปลองดูซิ...นอนใส่แพมเพอร์สแล้วเบ่งฉี่ดู

กดกระเพาะปัสสาวะก็แล้ว ขยับตัวก็แล้ว ...ผลได้เรื่องเลย...เครื่องร้องปี๊ด..ป๊าด....

เพราะเราขยับตัวไง....โห...นอนเป็นอัมพาตเลยนะนั่น....ห้ามกระดุกกระดิก

ทีนี้มันก็เริ่มมีอาการชาตามมือขึ้นมา....แต่ตอนเก็บครั้งแรกไม่เป็นนะ

มันก็ต้องกินแคลเซียม....โหย....ไม่อยากกินน้ำเลย...อั้นฉี่จะแย่อยู่แล้ว
แต่ก็ต้องกิน...เพราะร่างกายสูญเสียแคลเซียม....แต่ในที่สุดก็ฉี่ได้นะ...
ต้องฝึกดี ๆ

ทีนี้มีอยู่วันนึง....ยุ่งล่ะซิ....ฉี่ไปเกิน 3 รอบ....แพมเพอร์สล้นอ่ะ...ไหลลงไปที่พื้นอีกตะหาก

ที่ก็กว้างขวาง....โล่งแจ้ง....น้องพยาบาลต้องเปลี่ยนแพมเพอร์สให้ตรงนั้นเลย!!!!

โอ้ว....สงสารคนแถวนั้นจัง.....

อ่อ...ทีนี้ทุกครั้งที่ไปเก็บเซลที่กาชาด เราต้องเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิต ทุกอย่าง
จากรถ ambulance ขึ้นไปเองนะคะ...แต่ก็ไม่ได้ใช้เลยล่ะค่ะ
จะมีก็แต่เครื่องวัด EKG ที่จะต้องวัดทุก ๆ ชั่วโมง ดูการเต้นชีพจร ออกซิเจน และความดัน

การเก็บ stem cell ครั้งที่สองนี้เราไม่ได้นอน รพ. เพราะเมื่อทำเส้นแล้ว
(ครั้งนี้ทำเส้นล่วงหน้าไว้ก่อน...ไม่ฉุกละหุก) เรากลับไปพักที่บ้าน

พยายามเดินเอง ทำอะไรเอง แต่ก็ต้องคอยระวังเรื่องความสะอาดเป็นอย่างดี

การที่เรากลับมาอยู่บ้านในทุก ๆ ครั้งตั้งแต่เริ่มให้คีโมครั้งที่สองนั้น .....
นอกจากจะโชคดีที่ไม่ติดเชื้อแล้ว....ผลดีที่ตามมาก็คือ "เราฟื้นตัวเร็วมาก"

เพราะการที่เราได้ใช้ชีวิตแบบ normal life ทำให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็ว

(ถ้าเรายังนอนอยู่ รพ. มีพยาบาล มีผู้ช่วยคอยประคบประหงม...คงพิการเข้าสักวันล่ะค่ะ!!!)

นอกเรื่องไป...นอกเรื่องมา....เลยยังไม่ได้ลุ้นใช่มั้ยคะว่าเก็บ stem cell ได้เท่าไหร่....อิอิ

พอไปเก็บในวันแรกเสร็จ.....เย็นนั้นก็ยังไม่รู้ผล....สามีกลับจากที่ทำงานมาก็ถาม
เราก็บอกว่ายังไม่รู้ เค้าก็เดินไปถามที่ รพ. ที่ รพ.ก็บอกว่ากาชาดยังไม่ได้แฟกซ์มาให้

เราก็บอกว่า.....ช่างมันเถอะ....ยังไงพรุ่งนี้ไปเจาะเลือด กับฉีดยาตอนเช้าก็รู้เอง
....
....
พอตอนเช้าไปเจาะเลือดกับฉีดยา ก็ถามน้องพยาบาลว่าพี่เก็บเซลได้เท่าไหร่

เค้าก็บอกว่าอ้าว...หนูก็ไม่รู้...เพราะแฟ้มอยู่ที่ ER (ฉุกเฉิน)...
แล้วก็โทร.ไปถามให้....ทางนั้นก็บอกว่ามันมีกระดาษ 3 แผ่น ดูตรงไหน

น้องพยาบาลก็ถามเราว่าดูตรงไหน ......เราบอกว่าช่วยดูที่หน้าสุดท้าย
ที่เขียนว่า CD34/kg น่ะ....ไม่ใช่ TOTAL นะ
...
...
(รอฟังอยู่...ลุ้น...ลุ้น)
...
...
อ้าว....น้องพยาบาลไม่พูดอ่ะ....เขียนลงกระดาษ ยิก ยิก ยิก.....
...
...
(ส่งมาให้)
...
...
เอ่อ......ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกนะ....ว่าตอนนั้นมันรู้สึกยังไง
มันเฉย ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง.....
....
....
(เฉลยก็ได้.....)
....
....
....
สองแสนห้าหมื่นเซล - -"
....
....
เอ่อ.....ก็ไม่แตกต่างจากของเดิมเลยแฮะ....
แต่ครั้งนี้ไม่แปลกใจแล้ว....เพราะนอกจากอ่าน print out ที่สามีหามาให้
เรายังไปค้นใน net เจอว่าเราอาจจะ...เป็นพวกอยู่ในกลุ่ม low mobilizer
ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10% เท่านั้น.....พวกนี้จะมี stem cell ออกมาไม่มาก

ก็ ok นะ.....รับสภาพ....ได้น้อย ก็ได้น้อย....ตั้งหน้าตั้งตาเก็บไป
คราวนี้คุณหมอบอกว่า...ให้เก็บซัก 5 วัน ถ้าได้เฉลี่ยวันละประมาณสองแสน
คราวนี้ก็จะได้ล้านนึง

อ่อ....คุณหมอลด target จาก 4 ล้าน เหลือ 2 ล้านกว่า ๆ แล้วล่ะค่ะ....
(คงเห็นว่า....สี่ล้านมันไม่ไหวแน่ ๆ....แล้วเราก็อ่านพบว่า at least 2 ล้าน
มันก็ success ได้....แต่ยังยิ่ง stem cell มาก การฟื้นตัวก็จะยิ่งเร็วขึ้น)

ดังนั้น....เราจึงไม่มักมาก....ขอให้ได้วันละสองแสนก็พอ...ครั้งนี้สัก 1 ล้าน
รวมกับคราวที่แล้ว 5แสน7 ก็ขาดเหลืออีกนิดหน่อย.....

ทำอีกครั้ง.....เริ่ม....ชิว...ชิว....แล้วล่ะค่ะ.....

เห็นมั้ยคะ.....ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะไม่ได้โรยมาด้วยกลีบกุหลาบ.....
อุปสรรค...มันมีไว้ให้ฝ่าฟันค่ะ......มันทำให้เรายิ่งอึดขึ้นไปอีก.....
....
....
(อันนี้หมอชมว่า...เราอึดมาก....ทำไมน่ะเหรอ....รออ่านต่อไปซิคะ...ท่านผู้ชม!!!!!!!...ไม่ใช่ตอนนี้)

อีกสี่วันต่อมาที่เก็บ......ก็เฉลี่ยประมาณวันละสองแสนจริง ๆแหละค่ะ....
รวมทั้งหมดในการเก็บ stem cell ครั้งนี้ได้

หนึ่งล้านกับอีกแปดหมื่นเซล

ครั้งนี้ plan ให้ยามาดี เพราะการขึ้นของเซลตรงกับวันจันทร์ - ศุกร์ของกาชาดทำงานพอดี

อยากเก็บต่อวันเสาร์อีกนะ....งกอ่ะ....

ทางกาชาดก็ประมาณว่า คุณหมอบอกให้เก็บต่อเหรอ...อะไรยังเงี้ย...
ส่วนคุณหมอก็ happy บอกว่าพอแล้ว

เราก็....เอาน่า....เอาแต่พอดี พอดี....ค่อย ๆ ไป...สบาย ๆ ดีกว่า....


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เมื่อความผิดหวังอีกครั้ง....มาเยือน

จากที่ท่านผู้อ่านอ่านมาทั้งหมด....ดูเหมือนจะราบรื่นบนอุปสรรคขวากหนามที่ต้องฝ่าฟัน...ใช่มั้ยคะ
เราเองก็คิดอย่างนั้นค่ะ......แล้วใครจะไปคาดคิดละคะว่า....อุปสรรคในรูปแบบใหม่มันจะมาทดสอบใจเรา
ในรูปแบบที่เรานึกไม่ถึง
......
......
ท่านผู้อ่านคิดออกมั้ยคะ.....ว่ามันน่าจะคืออะไร
......
.....
แน่นอนค่ะ.....มาจากการเก็บ stem cell ครั้งที่ 3 นี่แหละค่ะ !!!!!!!
......
......
อ๊ะ...อ๊ะ....ไม่ใช่เราเก็บไม่ได้นะคะ......เก็บได้ตามปกตินี่แหละค่ะ
อ๊ะ...อ๊ะ....เครื่องไม่ได้เสียนะคะ
......
.....
(เฉลย)
.....
.....
เราเก็บ stem cell แทบไม่ได้เลยล่ะค่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.....
.....
ในวันแรก.....เราเก็บได้แค่หกหมื่นเซล
สามีพอทราบก็หดหู่มาก......เราเชื่อว่าคุณหมอเองก็คงคาดไม่ถึงว่าจะได้น้อยขนาดนี้
วันที่สอง.....เราเก็บได้เจ็ดหมื่นเซลค่ะ
......
.....
คุณผู้อ่านรู้สึกอย่างไรบ้างคะ.....แล้วคุณผู้อ่านคิดว่าเรารู้สึกยังไงคะ
.....
570,000 + 1,080,000 = 1,650,000 เซล
......
เหลือแค่อีก 350,000 ก็จะสองล้านแล้ว......เคยเก็บได้วันละสองแสน...แหมแค่สองวันก็ถึงแล้ว
คราวนี้เก็บ 5 วัน ได้อีกซักล้านนึง ก็ 2,650,000 สบาย ๆ จบสิ้นการเก็บ stem cell ซะที!!!!!!
.......
......
แล้วไงล่ะ....วันละหกหมื่น...เจ็ดหมื่น.....ตีซะเฉลี่ยวันละเจ็ดหมื่น เพราะเราค่อนข้างเป็นคนคงที่นี่...เก็บวันแรกได้เท่าไหร่ก็ได้ประมาณนั้น
ก็จะได้แค่ 350,000 หย่อนไปหนึ่งหมื่นด้วย เพราะวันแรกได้ 6 หมื่น.....รวมทั้งหมดยังไม่ถึงสองล้านเลย!!!!!!
.......
.......
ครั้งนี้นั่งขำตัวเอง......ไม่ได้บ้านะคะ...คือว่าไอ่ตอนได้วันละสองแสน.....ดันร้องไห้
คราวนี้ได้เจ็ดหมื่น....กลับร้องไม่ออก (ในตอนนี้)
........
........
แล้วก็เป็นจริงดั่งคาด.......โดยเฉลี่ยต่อวันได้แค่หลักหมื่นนั่นแหละ มีบางวันได้แปดหมื่น
ช่วงที่ไปเก็บเซลครั้งที่ 2-3 นี้คุณแม่จะไปเป็นเพื่อนด้วยทุกวัน.....ขณะเก็บเซล....คุณแม่ก็จะนั่งสวดมนต์ให้ตลอด
ภาวนาของให้ได้เซลเยอะ ๆ ......เราเองนอนนิ่ง ๆ ก็สวดมนต์บ้าง เล่นเกมส์ Sudoku บ้างเพื่อฆ่าเวลา
อ่านหนังสือไม่ได้ เพราะมันสั่นด้วยความถี่ต่ำ ....ตามันลาย
........
........
ทีนี้พอครบ 5 วันเมื่อนับรวมแล้ว....มันไม่ถึงสองล้าน!!!!! อาการผิดหวังเริ่มมาเยือนแล้ว..........
ร้องไห้กับตัวเองนะ.....เราพยายามขนาดนี้แล้ว.....ยังจะทรมานเราไปถึงไหน!!!!!!!!!
เรายังอึดไม่พอใช่มั้ย......ไม่ไหวแล้วนะ.....ไม่ใช่ว่าจะมีครั้งที่ 4-5-6 ไปเรื่อย ๆ
เราต้องรับยาคีโมทุกครั้งก่อนไปเก็บนะ.......ร่างกายย่ำแย่แล้ว.....(รู้จากผลเลือดที่ขึ้น....ระยะเวลช้ามาก)
เราเก็บสถิติตลอด.....วางแผนการให้ยาว่าเป็นวันไหน ๆ เองตลอด......หมอไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร...พยาบาลอยู่ก็พอ
(อันนี้ไม่ได้ดื้อแพ่งนะคะ.....คุณหมอก็แล้วแต่เรา....เพราะคำนวณวันตกของเซลแล้วขึ้นต้องให้ตรงกับวันจันทร์-ศุกร์พอดี ไม่งั้นติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อีก)

ร้องไห้อีกแล้ว....โฮอีกแล้ว....ต่อหน้าคุณหมอเลย....คุณหมอก็บอก...โถ..โถ...โถ....ใจเย็น ๆ นะ ไม่เป็นไร ครั้งหน้ายังมีอีก

เราบอก.....หนูไม่ไหวแล้วค่ะ....ไม่อยากรับยาอีก.....ยาที่ได้ hi-dose ทั้งนั้นเลย .......แล้วยังพูดอีกว่า
.......
.......
คุณหมอคะ........เรายังจะหวังน้ำบ่อหน้าอีกเหรอคะ.....ในเมื่อบ่อที่ผ่านมามีให้ตักแล้วเราไม่ตัก
มาถึงบ่อนี้.....ถึงจะบ่อน้อย.....แต่หนูก็จะตัก...จะตวงให้หมดค่ะ.....ถ้าบ่อหน้าเกิดเป็นศูนย์ไปเลยล่ะคะ
......
......
คุณหมอฟังเรานะ....เห็นใจเราด้วย....และก็รู้ว่าเรารับยาไปเยอะมาก ๆ แล้วด้วย (ผลที่รู้คือเม็ดเลือดขาวที่ขึ้นมานี่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานตลอด)
......
......
เราไปร้องไห้กับพยาบาลที่หน่วยเคมีบำบัด......เค้าก็ตกใจ....เพราะเห็นเราเข้มแข็งมาตลอด...ไม่เคยเห็นเราร้องไห้
เราบอกว่าช่วยพูดกับคุณหมอให้หน่อยได้มั้ยว่าเราขอเก็บต่อให้ถึงสองล้านไปเลย แล้วช่วยถามให้ด้วยว่าพอสองล้านแล้ว ok เลยนะ

พยาบาลก็จัดให้...................
โทร.มาบอกเราที่บ้านเลยว่า.....คุณหมอ ok ให้เก็บต่อได้ ติดต่อกาชาดให้ไปเก็บวันเสาร์นี้แล้ว....แต่...เค้ากั๊กอะไรไว้อย่างหนึ่งไม่ยอมบอกเรา
.......
......
เราดีใจมากที่ได้ไปเก็บต่อในวันเสาร์ (จ่าย OT ให้คนที่กาชาด)
......
......
แต่เราก็มีเรื่องตื่นเต้น.....ให้รอลุ้นอีกอยู่ดีแหละค่ะ........
ก็เพื่อนเราบอกว่า.....แก....ก็หนทางชีวิตแกไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบนี่นะ

ขอคั่นด้วยเรื่องของเพื่อนร่วมคนละโรคก่อนนะคะ.....
เค้าเริ่มไปเก็บในวันอังคาร หลังเรา 1 วัน เค้าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองค่ะ รักษาที่ รพ.จุฬาฯ (เป็นผู้ชาย)
ก็ยิ้ม ๆ ทักกันเฉย ๆ ........
พอวันต่อมา....เราก็เริ่มล่ะ.....สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน....คืองานของเรา....
พูดให้สวย ๆ คือ อยากเก็บข้อมูลไว้เปรียบเทียบกับของตัวเองด้วยน่ะค่ะ ....อิอิ

เราก็แอบถามพยาบาลว่า....เค้าเป็นโรคเดียวกับเรารึเปล่าคะ (ไม่งั้นจะรู้เรอะว่าเค้าเป็นโรคอะไร)
แล้วเมื่อวานเค้าเก็บเซลได้เท่าไหร่คะ........
พยาบาลบอกว่า 4 หมื่นค่ะ.......อ่า...........เรารู้เลยว่าเค้าต้องรู้สึกแย่แน่ ๆ พอมีโอกาสได้ทักทายกันบ้างก็บอกเค้าไปว่า
เราก็ได้น้อยค่ะ.....แต่เค้าเก็บครั้งแรกค่ะ......ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เค้าก็ได้น้อย ๆ แต่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน......จนในที่สุดวันหนึ่ง....เค้าก็ขึ้นเป็นล้านค่ะ.....เราดีใจกับเค้าด้วย
แต่เห็นว่าเค้าก็ยังมาเก็บต่ออีก (วันเสาร์เราไปเก็บ เค้าก็ไปเก็บนะคะ) เค้าก็บอกว่าตอนแรกหมอขอแค่ 3 ล้าน
แต่หมอคงเห็นว่าเซลเค้าอยู่ในขาขึ้น.....เลยให้เก็บต่อไปอีก....สรุป...เค้าเก็บไปทั้งหมด 10 วันค่ะ......

นี่ครั้งแรก....เค้าก็ยังไม่ละความพยายาม...เก็บต่อไปเรื่อย ๆ......แล้วเราล่ะ....อ่านะ....มันผ่านมาแล้ว
คิดไปก็เจ็บใจตัวเองเปล่า ๆ .......ครั้งแรกเก็บแค่ 3 วัน!!!!!!!!!!!!

คุ้มมากเลยนะ....กับความเจ็บความกลัวเรื่องการทำเส้นน่ะ....

ในครั้งนี้ครึกครื้นนะคะ....เพราะมีเครื่อง 3 เครื่อง เต็มหมดค่ะ.....มีอีกคนนึงมาเก็บ stem cell ให้น้องสาวที่รักษาอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎฯ
(จริง ๆ มี 4 เครื่อง แต่เสียไปเครื่องไง.........เครื่องนั้นแหละ.......ยังจอดเสียอยู่เลย!!!!!!)
เค้าไม่ได้ป่วย ดังนั้นเค้าเก็บแค่ 3 วันก็เสร็จค่ะ ได้วันละเป็นล้าน ๆ เลยค่ะ .....แต่เค้านั่งเก็บไปดมยาดมไปตลอดเลยนะคะ
(สองคนนั้นเค้าทำเส้นที่หน้าอกด้านขวาค่ะ......พยาบาลยังพยายามชวนให้เราทำเส้นที่หน้าอกด้านซ้ายเลยจะได้นั่งสบาย ๆ)

พอลงมาจากเตียง....หิ้วปีกกันคนละข้างเลย.....
พยาบาลบอกว่า....คนป่วย 2 คนกลับแข็งแรงกว่าคนปกติแฮะ.......แต่มันก็เหนื่อย จริง ๆ นะคะ

ย้อนกลับมาเรื่องของเราดีกว่า.........(เถลไถลออกนอกเรื่องไปเรื่อยเลย)

พอไปเก็บเซลวันเสาร์เสร็จแล้ว ....เซลทั้งหมดก็จะได้สองล้านนิด ๆ (คำว่านิด....หมายถึงหลักพันนะคะ)
เราก็ถามพยาบาลที่หน่วยเคมีบำบัดเลยว่าตกลงครบสองล้าน....พอจริง ๆ เลยนะ.....ใช่มั้ย
.....
.....
เค้าก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ.....(ก็อย่างที่บอกไปแล้ว....เค้ากั๊กอะไรไว้ไม่บอกเรา)
.....
.....
พยาบาล : คือว่า.....คุณหมอบอกว่า อยากได้สองล้านกว่า ๆ น่ะค่ะ....
ฉัน : พี่นึกอยู่แล้ว.....สองล้านเท่าไหร่ล่ะ.....สองล้านเก้าเหรอ ????
พยาบาล : โอ๊ย....ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ.....คือคุณหมอบอกว่าอยากให้ได้เกินสองล้าน
สักประมาณสองล้านห้าน่ะค่ะ
ฉัน : โอเค....จริงนะ....ได้.....โทร.บอกหมอเดี๋ยวนี้เลยว่า....อาทิตย์หน้าพี่จะขอไปเก็บต่อ
พยาบาล : เอางั้นเลยเหรอคะ
ฉัน : ใช่......ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว....เส้นที่ขาทำมา 3 รอบแล้ว....หมอที่ทำเส้นบอกว่าถ้าทำคราวหน้าต้องเปลี่ยนข้างเดี๋ยวเส้นจะเสีย
พยาบาล : ได้ค่ะ ๆ เดี๋ยวโทร.ถามคุณหมอให้
.......
......
(รอคำตอบ...ระหว่างโทร.)
......
......
พยาบาล : คุณหมอโอเคค่ะ.....แต่ถามว่าคุณต้องจะเหนื่อยมั้ย
ฉัน : (เราเหนื่อยมากเลยนะ...) ไม่เหนื่อยค่ะ!!!!!!!! (อันนี้จำเป็นต้องโกหก เพราะเหนื่อยก็จริง แต่ทนได้)
ฟังดูราบรื่นอีกแล้ว.....ใช่มั้ยคะท่านผู้ชม......โอ้ว.....เปล่าเลย.......อุปสรรคครั้งใหม่ถาโถมเข้ามา!!!!!!!!!

เมื่อวันจันทร์มาถึง.....เราก็ไปเก็บเซลตามปกติ
ระหว่างที่เดินเครื่องไปได้สักประมาณ 10-15 นาทีแล้วนั้น....อยู่ดีๆ เครื่องก็ร้องเตือนว่าเลือด flow ไม่ดี
ขยับท่าทางก็แล้ว อะไรก็แล้วก็ไม่ได้ผล....ที่สำคัญดูดเลือดออกไปแล้ว....แต่ยังไม่ได้คืนเลือดกลับมาเลย!!!!
.......
......
ทางกาชาดต้องหยุดเครื่อง เพราะว่า เส้นที่ขา เส้นหนึ่ง flow ดี....อีกเส้น flow ไม่ดี
ลองสลับเส้นกันก็แล้ว....สรุปว่าใช้ได้เส้นเดียว
พยาบาลที่กาชาดมาดูเส้นที่แขน....เพื่อที่จะเจาะเลือดคืนกลับให้เรา....แล้วบอกว่าถ้าเจาะได้ ห้ามกระดุกกระดิกนะ
.....
.....
โอ้โห....แค่นอนนิ่ง ๆ ก็แทบจะเป็นอัมพาตแล้ว...นี่ห้ามขยับแม้แต่แขน....มันจะทรมานกันเกินไปมั้ง
น้องพยาบาลที่ไปกับเราด้วยบอกว่า พี่เค้าเกร็ดเลือดต่ำนะคะ....ระวังเลือดไหลไม่หยุด
(เพราะเข็มที่แทง...ไม่ใช่เล็ก ๆ เลยนะ...เบอร์ใหญ่ที่สุด...ที่จะให้เลือด flow ได้น่ะ)

ในที่สุดเค้าก็แทงที่ข้อพับแขนซ้าย......มือเบามาก...ไม่เจ็บเลย.....แต่ว่า.....หาเส้นไม่เจอ!!!!!!!
.......
.......
ก็บอกไปแล้วไงว่าเราไม่มีเส้น.....ไม่งั้นจะต้องทำ port ที่หน้าอกเหรอ......
.......
ในที่สุดก็ต้องเอาออก.....แถม...เลือดไหลไม่หยุดตั้งแต่ 9 โมงเช้ายันสองทุ่มเลย!!!!!!
ทั้ง ๆที่ กดพันสำลีกับพลาสเตอร์ไว้แล้วอย่างแน่นหนา...ผล....แขนเขียวปั้ด......ไปอีกเดือนนึง (วงเบ้อเร่อเลย)

แล้วเราก็ต้องถูกรีบส่งกลับ รพ.โดยด่วน.......อีกแล้วครับท่านผู้ชม......เพื่อไปให้คุณหมอดูเส้นที่ขาให้ใหม่
ระหว่างทางพยาบาลโทร.นัดคุณหมอ....ให้ไปรอที่ห้องฉุกเฉินเลย

พอไปถึง....คุณหมอก็รออยู่แล้ว.....เพราะคุณหมอทราบแล้วว่า....เส้นมัน....หมดอายุ!!!!!!!!

เส้นที่ทำเป็นเส้นชั่วคราว.....สายที่ใช้อยู่ได้ประมาณอาทิตย์เดียว....แล้วอยู่ตรงขาหนีบมันก็ต้องงอไปมา
มันก็หักแล้วก็ฟีบเป็นธรรมดา......

คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเปลี่ยนเส้นให้ใหม่.....เราก็....ฮ้า!!!!!....... อีกแล้วเหรอ
คุณหมอบอกว่าเปลี่ยนง่ายเพราะไม่ต้องแทงใหม่ เอาเข็มสอดไปก่อน ดึงเส้นเดิมออก แล้วใส่เส้นใหม่ได้เลย
อือ....ง่ายจริง ๆ แล้วก็ไม่เจ็บด้วย

ทุกอย่างเสร็จสิ้นตอน 11 โมงครึ่ง.......บึ่งรถ ambulance ไปกาชาดใหม่......
ต้องเปลี่ยน set ใหม่ทั้งหมด.....(เสียเงินเพิ่มอีก) ....เริ่มต้นใหม่

เราเหนื่อยมากเลย.....ช่วงเก็บ stem cell ต้องควบคุมไม่กินอาหารมัน ๆ เพราะจะทำให้เก็บเซลไม่ได้ หรือได้ไม่ดี

กลางวันก็ยังไม่ได้กินอะไร จะกินพวกแซนวิชก็ไม่ได้ มีมายองเนส...มันมัน....กินเค้กก็ไม่ได้เป็นของมันเหมือนกัน

ก็อดทน ทนอด...เอาค่ะ.....อ่อ...พกขนมกรอบ ๆ ที่ทางกาชาดเค้าแจกให้กับผู้ที่มาบริจาคเกร็ดเลือด มาเคี้ยวเล่นแก้หิว

เก็บไปได้เกินครึ่งทางแล้ว.......รู้สึกแปลก ๆ......หวิว ๆ เลยให้น้องพยาบาลมาวัดความดัน....ปรากฏว่า...
เหลือ 70/40 ค่ะ......โอ้ว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด.....น่าจะเป็นลมไปแล้วนะนั่นน่ะ

พยายามขยับตัวไปมา....เพื่อเพิ่มความดัน....ทำเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น.....น้องพยาบาลรีบโทร.หาหมอทันทีว่าจะทำไงดี

พี่ให้น้องพยาบาลดูที่เครื่องว่า....มันจะเสร็จรึยัง....(ทั้งหมดจะทำ 10,000ml) ตอนนั้นไปถึงประมาณ 8พันกว่า ๆแล้ว

ลองทนอีกสักพัก.....อืม....ชักไม่ค่อยดีจริง ๆ......บอกแล้วค่ะว่า สติ สำคัญที่สุด....ตราบใดที่สติยังอยู่กับตัว
ทุกอย่างก็แก้ไขได้.......เราบอกว่า....พี่ว่าพี่พอดีกว่า......เก็บแรงไว้พรุ่งนี้.....ถ้าวันนี้ฝืน พรุ่งนี้แย่แน่ ๆ เลย

น้องพยาบาลก็ไปบอกให้พยาบาลที่กาชาดมาหยุดเครื่อง.......ได้ประมาณ 9,000ml ก็โอเคแล้วนะ...(เราคิด)

จากนั้นก็กลับ.......

เราเป็นคนที่ไม่มีขาขึ้นขาลงกะเค้าทั้งนั้น....เซลของเราคงที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ

ก็ได้วันละเจ็ดหมื่น แปดหมื่น ไปเกือบทุกวัน....จนกระทั่งวันศุกร์
ได้หนึ่งแสนค่ะ.....คุณแม่ดีใจใหญ่เลย

เก็บต่อวันเสาร์ด้วยอีกวันนะคะ....ขอคุณหมอ...เพราะว่าไหน ๆ ก็อุตส่าห์ทำเส้นมาแล้ว

(สงสารที่กาชาด....แต่เราก็จ่าย OT ให้เค้านะ)

วันเสาร์ได้แสนหนึ่งหมื่นค่ะ.....ทะลุไปเป็น สองล้านหกแสน เลย!!!!!!

เสร็จสิ้นการเก็บ stem cell ซะที....จบแล้ว....พอแล้ว.....เข้าเส้นชัยเส้นที่ 1 แล้ว
คุณหมอชมเราว่า....อดทนดีมาก....สำเร็จแล้วนะ....พอแล้วนะ

รวมทั้งหมดเก็บไป 20 วันค่ะ 20 ถุง!!!!!!! เยอะมากเลย......

เราลืมเล่าไปว่า.....ตอนที่เราผิดหวังร้องไห้ที่เก็บ stem cell ครั้งที่ 3 ได้น้อยนั้น....
เราโทร.ไปคุยกับเพื่อนกับพี่ที่ทำงานว่า....ทุกคนมาตีกรอบใส่แว่นม้าแข่งให้ต้องวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว....
ให้รักษาตัวเองอย่างเดียว....เส้นชัยก็อยู่ข้างหน้าแล้ว...ดันหกล้มซะนี่!!!!!
มันไม่เจ็บกายหรอก.....แต่มันเจ็บใจ
อยากกลับไปทำงานแล้ว...อยากค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า...โดยเอากำแพงข้าง ๆ ออก
แวะคุยกับเพื่อน ๆ ข้าง ๆ ค่อย ๆเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ถึงแม้จะหกล้มก็ยังมี
เพื่อน ๆ กับที่ทำงานคอยอุ้มเอาไว้ ...ค่อย ๆ ลุกแล้วเดินใหม่ก็ได้
.....
.....

เราเหนื่อยมากแล้ว.....เราอยากพักบ้าง....เราขออนุญาตคุณหมอขอกลับไปทำงาน
เราขอให้คุณหมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้เรากลับไปทำงาน........
ฟังดูแปลกมั้ย...เค้ามีแต่ให้เขียนใบรับรองแพทย์ให้หยุดงาน!!!!!! นี่ดันขอไปทำงาน

คนบางคนอาจจะคิดว่าการกลับไปทำงานแล้วจะต้องเครียด.....
แต่เราขอบอกว่า...เรามีความสุขกับการทำงาน....เรามีที่ทำงานที่ดี...เรามีเพื่อนร่วมงานที่ดี

คุยกับหัวหน้า...หัวหน้าก็บอกว่าถ้าหมออนุญาตก็กลับมาทำซิ

เราต้องพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง.....ก่อนที่จะกลับไปปลูกถ่ายไขกระดูกค่ะ

การทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด จะทำให้ร่างกายแข็งแรงโดยเร็วค่ะ
เรากลับไปทำงานช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา....มีความสุขมาก ๆเลยค่ะ

อยู่ในช่วงกำลังนัดกันไปกินเลี้ยงปีใหม่กันในกลุ่มต่าง ๆ....เราก็ไปกินค่ะ

ทุก ๆ คนจะเป็นห่วง...และถามเราตลอดว่า อันนั้น อันโน้น กินได้มั้ย...
....
....
เราก็บอกว่า....เราก็เป็นคนปกตินี่แหละจ้ะ.....กินทุกอย่างเหมือนเดิม
เราคิดว่าเรากินดีแล้ว....อาหารที่กินไม่ได้พิศดารพันลึกอะไร....เป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์
เราก็กินตามปกติค่ะ.....(ขืนเลือกกินโน่น ไม่กินนี่....เครียดตายเลย!!!)
.....
.....
พอถึงคราวที่หัวหน้าพาลูกน้องในทีมไปเลี้ยง....อาหารญี่ปุ่น....
....
....
เราก็ตักอาหารบุพเฟ่ต์กินตามปกติ....ก็มีปลาดิบบ้าง...แต่ไม่ได้กินเยอะ
หัวหน้าถามว่ากินได้เหรอของพวกเนี้ย....
....
....
เราเลยแกล้งตอบหัวหน้าไปว่า.....คุณหมอเค้าห้ามกินผักและผลไม้ค่ะ!!!!!

จริง ๆ แล้วเปล่าหรอกนะคะ....หลอกเล่น...เค้าห้ามเฉพาะตอนภูมิตกเท่านั้นค่ะ
เราเป็นคนชอบกินผักสด...โดยเฉพาะสลัดด้วย...ขืนให้งด....เครียดตายเลยค่ะ

ดังนั้นต่อมา...สิ่งที่กลัวก็คือ...นน.จะขึ้นไปมากกว่า 50 กิโลฯ ที่เค้าหารค่า stem cell เอาไว้

ยังแอบถามหมอว่า....หนูลดนน.ดีมั้ยคะ... stem cell จะได้เพียงพอเยอะ ๆ
หมอบอกว่า ....อย่า...อย่า...อย่า....เดี๋ยวยิ่งอ่อนเพลีย

เราก็กินอาหารที่มีประโยชน์ทุกอย่างที่อยากจะกิน....แต่คอยชั่ง นน.ไว้ว่าไม่ให้เกิน 50กิโลฯ

หมอนัดไปเจาะเลือดตรวจดูเป็นระยะ ๆ.....ผลปรากฏว่า....ค่าเลือดเราดีมาก
หมอเลยรีบนัดวันปลูกถ่าย stem cell เลย!!!!!!!!!!!!

ภาค 2 ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะคะ....
ภาคต่อไปคือเรื่อง......การปลูกถ่ายไขกระดูกโดยใช้ stem cell ค่ะ



Create Date : 08 เมษายน 2552
Last Update : 8 เมษายน 2552 14:54:59 น. 2 comments
Counter : 1348 Pageviews.

 
เจ๋งมากค่ะ


โดย: ซาไปรส์ IP: 124.120.106.5 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:17:52 น.  

 
คุณเก่งมากเลยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สู้ ๆ ต่อไปนะครับ


โดย: somsak.mornwat@gmail.com IP: 110.77.176.222 วันที่: 18 ธันวาคม 2556 เวลา:13:20:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tourmaline
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add tourmaline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.