พม่าเปลี่ยนไป ชงตั้ง เขตการค้า-การลงทุนร่วม
บรรพต ก่อเกียรติเจริญ วิเคราะห์.....พม่าเปลี่ยนไป

ชงตั้ง เขตการค้า-การลงทุนร่วม





นอกจากรั้งตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตากแล้วบรรพต ก่อเกียรติเจริญยังเป็นนักธุรกิจแม่สอดที่เข้าไปทำการค้าขายเกาะติดสถานการณ์ในพม่ามานาน อีกทั้งร่วมผลักดันจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเขาฟันธงว่าไทยควรปรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็น เขตการค้าการลงทุนแม่สอดเมียวดีได้แล้ว

จากนี้ไปเขตเศรษฐกิจพิเศษน่าจะปรับมาเป็นเขตการค้าการลงทุนร่วมสองประเทศ แม่สอด-เมียวดี รัฐบาลประกาศเลยว่าเป็นเขตแรกของอาเซียน มีคณะกรรมการหรือบอร์ดบีโอไอมาร่วม เชิญนักลงทุนมาลงทุนในสองเขตเศรษฐกิจนี้

เหตุผลคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษใน 3 ปีข้างหน้า ไม่มีความหมายแล้ว เพราะเราจะเป็นเขตการค้าเสรีอาเซียน สิทธิพิเศษต่างๆถูกอดไปตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟต้า เรื่องภาษีก็ไม่มีแล้ว เพราะคำว่าพิเศษนั้น คุณมีอะไรพิเศษให้นักลงทุน สิ่งสำคัญคือเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการเป็นประตูอาเซียนในอนาคต

ที่สำคัญคือ พม่าในปีนี้กับปีที่แล้วไม่เหมือนกัน ถ้าเอาพม่าในปีที่แล้วมาวางยุทธศาสตร์ในอีก 10 ปีข้างหน้าไม่ได้แล้ว เพราะไทมิ่งเปลี่ยน สภาพแวดล้อมในพม่าเปลี่ยนไปหมด ทั้งด้านการเมือง และด้านเศรษฐกิจ ชนกลุ่มน้อยยุติศึกได้เร็วขนาดนี้ มีการปล่อยนักโทษการเมือง มีการปล่อยขิ่นยุ้น อองซาน ซูจี เข้ามาในระบบที่เป็นประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ลงเลือกตั้ง และเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

นอกจากนี้รัฐบาลพม่ายังประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีก 10 แห่งทั่วประเทศ เพียงปีเดียวสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปขนาดนี้ นักลงทุนอเมริกา 50-60 คน เดินทางไปย่างกุ้ง ทั่วโลกกำลังเดินทางเข้าสู่ย่างกุ้ง แต่แม่สอดกำลังผลักดันเขตเศรษฐฏิจพิเศษโดยใช้แรงงานราคาถูก ฉะนั้นเราจะเอาสภาพแวดล้อมของพม่าในปีที่แล้วมาใช้ในปีนี้ไม่ได้

บรรพต มองว่านี่คือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะพม่าสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศได้เร็วและเป็นระบบภายในปีเดียว และในปีหน้าพม่าจะเป็นประธานอาเซียน พม่าเองต้องทำตัวเองให้พร้อม และอีกสองปีจะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์

สำหรับข้อกังวลว่าการเมืองพม่าจะนิ่งไหม มองว่าในสองปีนี้อาจมีกระเพื่อมบ้าง แต่คณะนายทหารยุคปัจจุบันในระดับที่คุมกำลังจะลุกขึ้นมาปฎิวัติ ก็ไม่ชัด พม่าเจ็บปวดกับระบอบนี้มา 50 ปี ตั้งแต่ยุคนายพลเนวิน ถ้าจะหวนกลับไปสภาพเดิมคนพม่าคงไม่ยอมง่ายๆ พออมเริกาจับมือกับพม่าชนกลุ่มน้อยอ่อนกำลังลงแน่ๆ ใครที่ไม่มีมหาอำนาจซัพพอร์ตจะอยู่ได้ยังไง

ผมคิดว่าต้องสร้างประเทศเราให้เหมือนสิงค์โปร ที่ได้ประโยชน์จากช่องแคบมะละกา เพราะที่ตั้งของประเทศไทย เป็นศูนย์กลางทางบกของอาเซียน แต่ตอนนี้เรากำลังเป๋ไปมา ไม่รู้จะเอายังไง ภายใน5 ปี ถ้าเรายังต้วมเตี้ยมกันแบบนี้ ในแต่ละพื้นที่ชายแดนพม่าเขาแข็งแรงแล้ว และในอีก 10 ปีข้างหน้าเขาวิ่งแล้ว เพราะเขามีกฎหมายมาบังคับใช้ มีสถานที่แล้ว แต่เรายังมีแนวคิดที่จะใช้แรงงานสองตะกร้า

ในอนาคตถ้าโครงสร้างพื้นฐานรองรับทั้งสองเศรษฐกิจ โรงงานจะเข้าไปตั้งในพม่าก็ได้ แต่ฝั่งไทยจะต้องมีส่วนที่เป็นที่จอดรถผ่านแดน คลังสินค้า สินค้าจากพม่า ที่จะผ่านแดนไปประเทศที่สามก็สามารถมาผ่านเราได้ ทำขั้นต้นในพม่าจบแล้วก็มาจบที่ไทยได้ หรือทำขั้นต้นในไทยแล้วไปจบที่พม่า เพื่อได้สิทธิ์ แหล่งกำเนิดสินค้าออกไปยังประเทศที่สาม ต้องใช้ความแข็งแรงของระบบโลจิสติกส์ไทยส่งออก ไปอเมริกา ยุโรปได้ ภายในข้ามคืน เพราะถ้าไปลงทุนในย่างกุ้ง ไฟฟ้าก็มีปัญหา ท่าเรือย่างกุ้งก็มีปัญหา ยังไม่พร้อมที่จะรองรับการเจริญเติบโต แต่ทางที่สะดวกที่สุดคือทางบก แม่สอด-เมียวดี สามารถขนส่งได้ 24 ชั่วโมง

ถ้าพม่าพัฒนาเขตเศรษฐกิจสำเร็จ แรงงานพม่ากลับพม่า 1 ล้านคน เมืองไทยวิกฤตเลยนะ เมื่อก่อนบอกว่ามีแรงงานต่างด้าวเข้ามามากเป็นปัญหาความมั่นคง แต่ถ้าแรงงานไหลออกก็เป็นปัญหาความมั่นคงเช่นกัน นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศพม่า ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

ที่มา //www.takchamber.com



Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 20:44:29 น.
Counter : 451 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

บ้านหว่าโน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มีนาคม 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31