|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
..........Hurts Hearts And Love...........
ระเบียงดาวที่ดารดาษ
หนึ่งเสียงเพลงที่นวลนุ่มคลอเคล้าไปกับสายลมผ่านม่านนภาไปกระทบใบไม้ไหว
ริมฝีปากที่บางเบาก่อเกิดเป็นเส้นเสียงที่เนียนฟัง
หนึ่งรอยยิ้มของเธอในอ้อมแขนกำลังหลุบตารับรสอันดื่มด่ำนั้น
เขาร้องเธอฟัง บทเพลงเหล่านั้นที่เขาแต่งเพียงเพื่อเธอ
แต่ผลงานที่ระรื่นลึกและเนียนนวลนั้นกลับไม่เคยได้รับฟังจากบุคคลอื่นเลย
เขาเป็นนักแต่งเพลง นักกวี และนักฝัน
เธอเป็นนักยิ้ม เป็นแรงใจ และดลบัลดาลให้กับเขาสรรสร้างงานที่เพลินฟัง
ในอ้อมแขนของเขาเธอยิ้มรับด้วยใจสุข
ในรอยยิ้มเธอเขาร้องเพลงได้ด้วยใจเพลิน
หนึ่งฝันเขาคือร่ำร้องเสียงเพลงเหล่านั้น เพื่อเธอท่ามกลางหมู่ดาวแสนล้าน กึกก้องและเสนาะโสตเพื่อเธอผู้เดียว
หนึ่งฝันเธอคือการได้ยินเสียงดนตรีดั่งดวงดาวที่ทอประกายวาวกลางนภาหาวของเขาได้ส่องแสงในหมู่คนแสนล้าน
เธอมุ่งหวังให้เขาส่งผลงานทั้งหมดมวลนั้นไปยังค่ายเพลงเพื่อชี้ชัด
เขามุ่งหวังเพียงร่ำร้องเพลงเหล่านั้นทั้งมวลหมดเพื่อเธอผู้เดียว และยินยอมที่จะเป็นเพียงพนักงานทำงานธรรมดา
เธอเขาแม้ไม่ร่ำรวยพัสถานและสินทรัพย์ แต่ร่ำรวยด้วยสุขใจและเบิกบาน
เสียงเพลงยังขับขานด้วยสำเนียงอันเรียงร้อย
เขากระชับแขนโอบเธอ พร่ำบอกความรู้สึกผ่านบทเพลงเพลงเดียวนั้น
หากร้อยฝันไม่อาจสร้างสานรอยยิ้มเธอได้ คนนี้จะสรรสร้างฝันเดียวเพื่อรอยยิ้มเธอที่เปี่ยมสุข
เธอยิ้มนุ่มก่อนหลุบตาที่โตพราวคู่นั้นลงรับไออุ่นแห่งความรักที่สุขสม
จันทรายังคงทอประกาย หมู่ดาวยังประชันแสง
แต่สรรพเสียงกลับนิ่งงัน สรรพสิ่งไม่ไหวเอน เขายังคงโอบแขนล้อมรอบกาย เธอยังคงหลับตายิ้มรับด้วยใจสุข
หนึ่งตะวันเดินผ่านม่านฟ้าแล้วหลบจากริมขอบฟ้าที่ห่างสุดแสนไปอีกหลายครา
เขาทำงานกับโต๊ะตัวเดิม เก้าอี้ตัวเดิม และขับร้องเสียงเพลงเหล่านั้นเหมือนเดิม
เธอยังคงยิ้มรับกับการกลับบ้านของเขาทุกเย็นย่ำ
แม้เธอเขาจะยังไม่แต่งงานกัน
แต่สัญญาใจที่มีให้กันมันมากเกินคำว่า รัก ที่พร่ำพูดกันมากมายนัก
เธอเชื่อว่าเขาจะทำทุกสิ่งเพื่อความสุขของเธอ
เขาเชื่อว่าเธอจะเป็นแรงใจให้เขาเสมอไม่เปลี่ยนผัน
เขาเชื่อใจเธอ เธอมั่นในรักที่เขามี
เย็นวันหนึ่งที่อาทิตย์เริ่มโบกแขนที่อ่อนล้าข้ามขุนเขาริมขอบฟ้าไป
เธอถือซองสีน้ำตาลนูนพองด้วยความรู้สึกเต็มล้น ดวงใจอธิฐานมั่นหมาย
หย่อนลงไปในตู้สีแดงด้านหน้าเธอ พลางยิ้มด้วยใจสุข
เขาไม่รู้เธอทำอะไร เขาไม่รู้เธอได้ลงมือเพื่อให้ฝันของเขาเป็นฝันที่เติมเต็ม
กาลล่วงไปกับรอยยิ้มรสสัมผัสอย่างเพียงพอของเธอเขา
ยามบ่ายตะวันล้า สายลมไม่ต้องผิวกาย
บุรุษกับรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กปรากฏกายหน้าบ้านพร้อมหย่อนจดหมายซองสีขาวลงสู่ตู้ตอบรับ
เธอเดินมาเปิดกล่องสีฟ้าครามนั้นด้วยใจระทึกพลัน
สิ่งที่เธอเปิดเจอ เป็นเพียงกระดาษใบเดียวกับข้อความสั้น
ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วรัว และหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
เธอเดินถือจดหมายใบเดียวราวกับสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต ดวงตาเป็นประกายฝัน
ผ่านหมู่คนที่คร่ำครา และรถราที่เอ่อล้น ราวฟองเบียร์ริมขอบแก้ว
เธอรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ประจำ
กลางหมู่คนร้อยพันแต่เพียงเขาปรากฏตัวขึ้นมาเธอจะมองเห็นเพียงคนเดียวเหมือนจันทรากลางหาว
เธออยู่ฟากหนึ่งของถนน เขาปรากฏตัวขึ้นจากอีกฝั่งของหัวมุม
คั่นกลางด้วยถนนหนึ่งเส้นสาย ที่รถราขวับเขวี้ยงเพราะปรากฏการณ์ของไฟสีเขียวเรือง
เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขา พร้อมกับที่ไฟสีเหลืองปรากฏขึ้น
เธอก้าวออกสู่ถนนเพื่อเดินไปหาเขา พร้อมตะโกนดังเรียกเขา
ทาน แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาหันมามองตามเสียง
สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงรอยยิ้มของเธอเพียงแวบเดียว
ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นภาพที่พร่าเลือนสำหรับเธอโหดร้ายสำหรับเขา
ก้าวเดียวที่เธอเดินออกมา เป็นหนึ่งก้าวที่พอดีกับการปะทะกับรถที่วิ่งมาโดยไม่ผ่อนความเร็ว
เลือดหยาดรินออกจากตัวเธอ เขาเห็นภาพทั้งหมดราวกับภาพช้าขาวดำที่ยากทนรับได้
หนึ่งพริบตา ทุกอย่างกลับคืนมา สีสันรอบตัว สรรพสำเนียงโกลาหล
เธอยังคงมองจ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้มกับแขนที่พยายามชูขึ้นเพื่อให้เขาเห็นถึงแผ่นกระดาษในมือเธอที่เปื้อนเลือด
แต่สิ่งที่เขาเห็น ณ เวลานั้นมีเพียงสิ่งเดียวนั่นคือเธอ
เขารีบเดินเข้าไปโอบกอดเธอขึ้นมา หยดน้ำตาเริ่มรางไหล
เจ้าของรถที่เดินมาถึงตัวเธอรีบเสนอตัวไปส่งโรงพยาบาลให้โดยทันใด
เขาไม่ลังเล ที่จะตอบรับคำเสนอนั้น เพราะบัดนี้เธอได้นิ่งและหลับไปแล้ว เพียงหยดเลือดไม่ได้หยุดไหลเลย
เจ้าของรถคันดังกล่าวพร่ำขอโทษเขา และอยู่ข้างๆเขาตลอดคืน
เขาไม่ถือโทษเจ้าของรถเลย เพราะ เวลานั้นทุกๆสิ่งจะไม่สำคัญเลย
สิ่งที่เขาต้องการจริงๆคือ เธอจะฟื้นขึ้นมาเพื่อยิ้มให้เขาอีกครั้งเหมือนดังวานวัน เธอตื่นขึ้นมากับเช้าอีกวันภายหลังการปฏิบัติการของทีมแพทย์พยาบาลทั้งคืนวัน
เพื่อรับไออุ่นจากนัยน์ตาที่เหม่อมองเธอด้วยใบหน้าอ่อนล้า แต่ทันใดที่เขาเห็นรอยยิ้มเธอ
ใบหน้าที่แห้งเหี่ยวราวต้นไม้กลางทะเลทรายกลับบานเบิกขึ้นราวต้นไม้ยามหน้าฝน
ทุกสิ่งเปลี่ยนผัน ความงามในชีวิตกลับมาเยือนเขาอีกครา
เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แต่ไม่มีการตอบสนองจากช่วงล่างของตัวเอง
สิ่งที่สวยงามในชีวิตแม้จะไม่เพียบพร้อม แต่มันยังคงสดใสและร่าเริงด้วยความงามข้างในได้ไม่ใช่เหรอ
รอยยิ้มเธอพลันมลายหาย เขาโอบกอดเธอโดยไม่พร่ำพูด
ม่านมุกอันรวดร้าวปรากฏขึ้นจากดวงตาที่กลมวาวคู่นั้นราดรดปกเสื้อเขาให้เฉอะแฉะ
เธอเข้าใจโดยพลัน แม้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่เธอไม่อาจก้าวเดินไปพร้อมเขาได้อีกแล้ว
เธอคงต้องนั่งไปชั่วชีวิตนี้ของเธอ หยดน้ำตาเริ่มปรากฏจากหางตาของเขาเช่นกัน
สองคนเธอเขาโอบกอดโดยไร้คำพูดและสำเนียง นอกจากการโอบรัดที่แน่บแน่นขึ้น
เขาเพิ่งเข้าใจความโหดร้ายของชีวิต แต่เธอเข้าถึงความโหดร้ายดังกล่าวแล้ว
ชีวิตมักโหดร้ายอยู่เสมอ คุณจะไม่มีรู้ซึ้งถึงมันเลย จนกระทั่งคุณได้เจอมันด้วยตัวเอง
เหมือนดังดอกไม้ช่วงเวลาที่เบ่งบานที่สุดมักกระชั้นสั้นนัก
ชีวิตคนมิใช่เฉกเช่นกันเหรอ ที่ความงามและความสดใสมักไม่คงอยู่นิรันดร์
สิ่งที่จะคงอยู่อย่างนิจนิรันดร์สำหรับทุกชีวิต มีเพียง ความรู้สึกปวดร้าวในใจลึกๆ
ที่เป็นเหมือนดั่งรอยแผลเป็นตามติดตัวไปชั่วชีวิตไม่จืดจางไป
เหมือนดั่งความสุขในชีวิตที่มักมลายหายไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับมันเลย
หลายทิวาและราตรีล่วงไป เธอเริ่มเข้มแข็งและยอมรับสภาพความโหดร้ายดังกล่าว
เขาเริ่มสดใสเพราะรอยยิ้มที่พร่างพราวของเธอคอยผลักดัน
หนึ่งเขาหนึ่งเธอกับกาลเวลาที่ผ่านเลย เธอยิ้มร่ากับสิ่งที่เธอเป็น เขาหัวเราะกับสิ่งที่พบเจอ
วันหนึ่งเธอหยิบกระดาษสีขาวแผ่นนั้นให้เขา ผลักดันเขาให้ไปตามคำนัดแนะ
เขาอิดออดแต่เมื่อเขาหันไปเห็นประกายแห่งความมุ่งหวังยิ่งของเธอทำให้เขาโอนอ่อน
ก้าวเดินไปกับแสงแดดที่สาดซ่า ให้ผิวกายร้อนแปลบ
เจ้าของรถคันดังกล่าวหมั่นมาเยี่ยมเธอไม่เคยขาดกับดอกไม้และรอยยิ้มพร้อมขอโทษและตำหนิตัวเองด้วยแววตา
เธอไม่เคยเคืองโกรธเขาเลย เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้คือตัวเธอเอง
นันท์หนุ่มเจ้าของรถผู้พลัดพรากการเดินหนของสองขาเธอไป มักยิ้มและสดใสพร้อมเรื่องเล่าให้เธอหายเบื่อ
ทั้งที่เขาก็รู้ว่าเธอกับทานรักกันมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปแซงแทรกความสัมพันธ์ของเขาเธอเลย
เขามาอย่างสม่ำพร้อมความรับผิดชอบทุกอย่างกับสิ่งที่เธอเป็น
ทานไม่เคยโกรธเขา กวาก็ไม่เคยตำหนิเขา มีเพียงเขาที่พร่ำโทษกับความประมาทของตัวเอง
เขาเลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อเชยชดกับสิ่งที่เขาพรากไปจากชีวิตเขาเธอ
ทั้งดอกไม้หนังสือที่เขาสรรหามาเพื่อเธอ เพื่อหวังจะแลกเพียงรอยยิ้มเดียวของเธอ
เขาเริ่มตกหลุมรักในรอยยิ้มนั้นของเธอ
แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่ชื่นชมกับยิ้มอันเฉิดฉายดั่งดวงตะวันนั้นของเธอ เพียงแค่ว่าเขาทำได้เพียงแค่นั้นจริงๆ
เมื่อทานย่างก้าวสู่เส้นทางแห่งดวงดาวที่เธอเป็นคนริเริ่มและผลักดันให้เขาก้าวเดิน
บทเพลงรักที่ขับขานด้วยสำเนียงเสียงรักเค้นค้นมาจากความรู้สึกรักแห่งดวงจิตที่แน่วแน่
เริ่มเป็นที่ตอบรับของผู้คนร้อยพัน ทุกคนที่เติมเต็มใจด้วยรักมักเป็นมีมนต์เพลงของทานเป็นสิ่งคลอเคล้า
เขาร้องเพลงที่กลั่นลั่นจากความรู้สึกรักเหล่านั้นด้วยแววตาแห่งความระลึกถึงเธอเสมอ
เธอมองเขาผ่านม่านกระจกกั้นแห่งจอภาพพร้อมรอยยิ้มที่ปลาบปลื้มและระรื่นใจ
ทุกครั้งที่เขาร้องเพลงท่ามกลางหมู่คนร้อยพัน ในแววตาที่เขามองจะมีเพียงเธอ แม้เธอจะไม่ได้อยู่ด้านหน้าเขา
แต่เขารู้ว่าเธอจะแย้มยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใสกับดวงตาที่โตวาวเพื่อจ้องมองเขาร้อง
เพราะเธอรู้เสมอว่าเขาร้องเพลงเหล่านั้นเพื่อเธอเพียงผู้เดียว
สิ่งต่างๆมักพาพัดไปด้วยความเร็วและผันพลิก
เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแต่ยังคงรักเธอเฉกเช่นเดิม
เวลาที่เขาอยู่กับเธอเริ่มน้อยลงไป แต่เขายังรักเธอเช่นเดิม
เขาเริ่มโอบกอดเธอพลางร้องเพลงขับกล่องให้เธอหลับนอนน้อยลง แต่เขายังรักเธอเหมือนเดิม
เวลาที่เขาอยู่กับเธอเริ่มน้อยลง แต่เขายังรักเธอเหมือนเดิม
เพราะเธอเชื่อในภาษาจากดวงตาของเขาที่สื่อถึงเธอ
เธอยังคงเชื่อมั่นเขาเช่นเดิม แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเช่นเดิมก็ตาม
บางครั้งเขาหายไปสองวัน บางคราหายไปสี่ห้าวัน แต่เธอก็ไมเคยสงสัยในตัวเขาเลย
มีแต่นันท์ที่คอยถามและเป็นห่วงว่าเขาเปลี่ยนไปจะทำให้เธอดูเศร้า
แต่รอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้ลดลงเลย เธอยังคงสดใสและร่าเริงได้เสมอ
แต่เขาก็ยังคงสงสัยในใจลึก ว่าทำไมคนที่มีชื่อเสียงทุกๆคนถึงได้เปลี่ยนแปลงกันไปจากเดิมได้
คำถามเดิมๆคอยรบกวนความรู้สึกลึกๆข้างในอยางไม่อาจจะขืนบังคับ
ทานกลับมาหาเธอ พร้อมร่างกายที่ซูบเซียวและล้าแรง
แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงนวลนุ่มและทอประกายแห่งความคิดถึง เขาโอบกอดเธอด้วยไออุ่นที่คุ้นชินสำหรับเธอ
ขับกล่อมเพลงที่ตรึงทับกลางดวงใจของเธอเหมือนทุกครา เธอหลุบตาเพื่อซึมซาบทุกอณูแห่งรสหวานนั้น
เขากระซิบถามเธอว่า หากเธอขาดเขาเธอจะอยู่ได้ไหม
เธอลืมตา ตอบเขาอย่างนิ่มนวลว่า เขาจะอยู่ยังไง เว้นแต่เขาจะไม่รักเธออีกต่อไปแล้ว
เขาเงียบแต่ในดวงตาที่พราวใสกลับสะท้อนประกายแห่งความเจ็บปวดขึ้นวูบหนึ่ง
เขากระชับอ้อมแขนโอบรั้งเธอให้แนบแน่นและอบอุ่น
เธอยังพริ้มตากับความเคยคุ้นที่อุ่นใจและนุ่มนวลนั้น
เขาเริ่มร่ำร้องเพลงให้เธอรับฟังแต่แววตานั้นช่างรวดร้าวดังหิมะโดนแสงแดดฤดูร้อน
เขาเริ่มแย้มยิ้มน้อยลง แววตาที่ที่เจ็บร้าวมักปรากฏให้เห็นบ่อยๆจนบางครั้งเธอสงสัยใจกับสิ่งนั้น
เขาเริ่มทำตัวห่างเหิน เธอเริ่มทุกข์ทน ส่วนอีกหนึ่งเขาเฝ้ามองเธอด้วยใจช้ำ
เขาเริ่มไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเดิม แต่กลับสรรสร้างบทเพลงใหม่ๆผ่านคลื่นเสียงวิทยุมาบอกเธอเสมอๆ
นันท์เริ่มทนไม่ไหวออกไปหาเขาจนทั่วๆพบเจอเพียงเงาร่างที่รางเลือนไร้ตัวตนตามสถานที่ต่างๆ
แต่เขาไม่เคยลดละความพยายามเลย และถึงที่สุดเขาเห็นทานจริงๆ
แรกเริ่มเขานึกว่าเขาตาฝาดไปที่เห็นทานนั่งข้างๆโดยมีผู้หญิงที่สวยงามเป็นคนบังคับทิศทางรถ
แต่พอครั้งหลังๆเขาเริ่มหมดความสงสัยในตัวทานแล้วว่าเธออยู่กับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
เมื่อเขาเห็นเธอโอบกอดเขาและล่ำลากันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเธอคนนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บแทน กวาในใจลึก
เขาควรทำเช่นไรกับสิ่งที่พบเจอ
ทานไม่ได้กลับไปหากวาเลย แต่นันท์กลับเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้นบ่อยขึ้น
กาลล่วงวิมานคล้อยหลายครา ความเจ็บปวดในใจเขาที่เห็นความเดียวดายของเธอ
พอกพูนขึ้นเรื่อยๆราวเขื่อนกั้นน้ำที่เริ่มรองน้ำจนเอ่อล้นใกล้ทลายลง
วันหนึ่งเขาตัดสินใจไปพบทาน เพื่อถามไถ่ให้กระจ่างแต่เขาไม่ตอบกลับนิ่งเฉยด้วยสายตาเหมือนคนที่ไร้ความรู้สึก
เหมือนสายตาของคนที่ได้ตายไปแล้ว ไร้ประกายและความหวัง
เขาทนถามต่อไปไม่ได้ จนที่สุดมือนั้นของเขาที่ทนกลั้นมานานก็เหวี่ยงออกไปต้องใบหน้าที่ซีดขาวนั้น
จนเขาเซล้มลงไป หยดเลือดเริ่มหยดรินจากเรียวจมูก เขาไม่ตอบโต้ไม่แย้งในการกระทำนั้นของนันท์
เขามองเหม่อไปข้างหน้าด้วยจิตลอยล่อง นันท์จ้องตาเขาด้วยความเจ็บปวดและรวดร้าว
แต่เขาไม่สบตานันท์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงันราวผืนน้ำที่ไร้ระลอกนั้น
ข้างในภายในดวงใจดวงนั้นกลับเร่าร้อนด้วยความเจ็บปวด และเวทนากับความโหดร้ายของการหักหลังนั้น
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทาน ด้วยความห่วงใยและเจ็บปวด หญิงสาวคนใหม่คนนั้นปรากฏกายขึ้น
โถมเข้าไปพยุงทานให้ลุกขึ้น เธอถามเขาว่าเป็นอะไรไหม เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
เธอมองเขาด้วยดวงตาที่เจ็บปวด และทัดทาน
เขาส่ายหน้าอีกครา
นันท์ทนเห็นภาพเบื้องหน้าไม่ไหว
กลั่นเสียงอันเจ็บช้ำน้ำใจ มุ่งสู่ประสาทรับรู้ของทาน
หากนายยังทำตัวอย่างนี้ก็อย่าไปหากวาอีก กวาเขาไม่เหมาะกับนายเลย คนที่ทรยศรักได้เพียงเพราะเริ่มมีชื่อเสียง
และผู้หญิงที่สวยกว่าเธอ
ทานมองสบตาเขาวุบหนึ่ง แต่เป็นวูบเดียวที่นันท์สัมผัสถึงความรวดร้าวแห่งตาคู่นั้น
เขาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า นายเลิกกับกวาเถอะ หากนายไม่ได้รักกวาแล้ว
ทานหลุบตาลงพยักหน้าเบาๆ แต่เพียงพอให้นันท์เห็น เขาเดินหันหลังจากมาด้วยความรู้สึกผิดหวังกับการเลือกของทาน
ดวงตะวันฉายแสงแรงร้อน สายลมโบกพาให้ชีวิตก้าวเดินไปด้วยความสดใส
แต่สำหรับกับเธอแล้ว สายแสงแห่งชีวิตที่นำทางนั้นได้สลายไปแล้ว
นับแต่วันที่เขามาบอกเลิกกับเธอ พร้อมกับหญิงสาวคนใหม่ของเขา
กับดวงตาไร้ประกายนั้น ที่ทำให้เธอรวดร้าวและแทบทานทน
ตาคู่เดิมที่เมื่อเธอมองแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นดวงตาของคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยพานเจอ
เขาเดินจากไปพร้อมกับหยดน้ำตาที่กลั่นกรองจากดวงใจของเธอเริ่มหลั่นรินสู่ดวงแก้มอันนวลเนียนนั้น
ตัวเธอที่สั่นเทิ้มนั้นได้รับการประคองและโอบกอดจากวงแขนที่อบอุ่นและแปลกใหม่จากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไร้คำปลอบโยน เพราะไม่มีคำพูดใดจะปลอบปรามดวงจิตที่แหลกลาญจากความรักได้เลย
เธอร่ำร้องราวจะสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างภายในวงแขนนั้น
เขาโอบกระชับวงแขนพร้อมหยดน้ำตาที่เค้นค้นมาจากส่วนลึกสุดของหัวใจ
บางครั้งการไม่พูดอะไรเลยในบางสถานการณ์ก็สามารถสื่อสารให้คนอีกคนรับรู้ได้มากและกระจ่างกว่ามากนัก
ความเข้าใจโดยด้วยการสื่อทางสัมผัสนั้นมันซึมซับได้ดีกว่าคำพูดและสรรพสำเนียงใดซะอีก
นันท์เคียงข้างเธอในวันที่เธอร้องให้และไร้เสียงหัวเราะ
ค่อยๆเติมค่อยๆให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหล่านั้นของเธอกลับมาให้เธออีกครั้ง
แม้จะนานเพียงใด เขาก็จะพยายามจนถึงวันที่เธอยิ้มรับเขาด้วยความเต็มใจและเบิกบานราวต้นไม้เอนตามลมและแสงแดด
จนกว่าจะถึงวันนั้นเขาจะพยายามให้มากที่สุด
แม้ริ้วรอยแห่งบาดแผลแห่งรักที่ลึกล้ำจะกรีดฝังให้เธอต้องเจ็บช้ำละทุกข์ตรอม
แต่คงต้องมีซักวันที่แสงแดดและสายฝนจะเสริมสร้างให้กล้วยไม้กลางป่าที่เหี่ยวเฉากลับมาผลิดอกสีใสและแข็งแรงดังเดิมเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งผืนแผ่นดินดังเดิม
นันท์เชื่อมั่นว่าเขาจะเป็นแสงแดดและสายฝนให้กับเธอได้
เพราะรอยยิ้มเธอคือดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานกลางม่านหมอกอันลี้ลับกลางขุนเขาที่ขจีสำหรับเขา
บางครั้งสิ่งที่ยากจะสรรสร้างมากที่สุดสำหรับคนเราไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ หริอสิ่งของมีค่าอื่น
สิ่งที่คนเราสร้างไม่ได้อาจจะเป็นเพียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากความรู้สึกดีใจลึกๆมากกว่า
เพราะในวันที่คุณสิ้นหวังและเจ็บปวด สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับคุณคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของตัวคุณเองมากกว่า
ไม่มีใครที่ปราศจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแล้วอยู่กับชีวิตอย่างเป็นสุขได้เลย
หากจะมีคนแบบนั้นจริง ชีวิตเขาคงไม่น่าอภิรมย์และไร้ความหมาย
เพราะชีวิตที่ไร้ความสุขคงไม่อาจจะนับเป็นชีวิตได้เลย
แม้จะเลวร้ายเพียงใด หากว่าคุณยังยิ้มและหัวเราะได้ แสดงว่าคุณยังมีชีวิตแห่งอนาคตที่สุขสมได้เสมอ
ฟ้าครามที่แจ่มใสวางตัวอยู่ในกรอบหน้าต่างรูปสี่เหลี่ยม
เตียงสีขาวในห้องสีขาว สายลมเบื้องนอกโชยพัดให้ม่านหน้าต่างโบกปัด
ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าอ่อน เอนตัวอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เฉยชา
หญิงสาวในชุดสีน้ำตาลอ่อนยืนหลั่งน้ำตาอยู่ข้างเตียงอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก
เขาพร่ำถามในใจ ทำไมเธอไม่ใช่หญิงสาวทีเขารัก
ทำไมวินาทีสุดท้ายที่เขาจดจำได้ ใบหน้าของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาไม่ใช่คนที่เขารักที่สุด
ทำไมวินาทีสุดท้ายที่ความทรงจำจะอำลาจากตัวเขาไป คนๆนั้นที่ยืนข้างเขาไม่ใช่คนที่เขารักที่สุด
หลายครั้งที่เขาจะเอาความจริงที่ทุกข์เข็ญนี้ไปบอกกับเธอคนนั้น
แต่ด้วยคำขอร้องที่แข็งขันของเขาทำให้เธอพูดไม่ออก
สิ่งของเรื่องราวต่างๆเริ่มเลือนหายจากความทรงจำของเขาทีละน้อยๆ
ค่อยๆเคี่ยวกรำตัวเขาอย่างเย็บย่อย และทารุณ
สิ่งที่เลือนลับจากร่องความจำของเขามากขึ้นทีละน้อยๆ จนในที่สุดเขาจำอะไรไม่ได้อีกเลย
แต่เขากลับปิดบังเรื่องราวทั้งหมดจากคนที่เขารักและห่วงใยที่สุดซะอย่างนั้น
เขาปิดบังและหลองกลวงเธอให้เธอเจ็บปวดว่าเขาไม่รักเธออีกแล้ว
ตัดใจเดินหันหน้าออกจากเธอ โดยทิ้งเธอหลั่งน้ำตาไว้เบื้องหลังด้วยแววตาและความทุกข์ทนในใจที่แทบจะทรุดทรงนั้น
แต่เขาก็ยืนหยัดเดินออกจากชีวิตเธอในฐานะผู้หักหลังกับรักมั่นนั้น
แสงแรกแห่งฤดูร้อนสาดส่องแล้ว แต่ทำไมชีวิตของเขากลับดับลงไปเหมือนเปลวแดดที่มืดมิด
ภาพสุดท้ายทีเขาเห็นคืออะไรกันนะ
เธอยังคงร้องให้ทั้งน้ำตา แม้เขาจะเอนนอนพลางลืมตา แต่ชีวิตของเขาได้ลาจากไปแล้ว
สิ่งสุดท้ายก่อนประกายแห่งชีวิตจะสิ้นไป ความอบอุ่นในดวงตาได้เบิกตัวอีกครา
พร้อมน้ำเสียงสุดท้าย สั้นๆแต่ตราตรึงนั้นว่า กวา ก่อนที่ทุกอย่างจะมลายไปดังภาพลวงตาแห่งชีวิต
...............................................................................................
รัก.........บางครั้งสุขสมใจ
รัก.........บ่อยครั้งอิ่มล้นใจ
รัก.........หลายครั้งที่เจ็บหัวใจ
รัก..........มากครั้งที่ผิดหวัง
...............รัก............หลากหลาย.................ไร้นิยาม......................
บางครั้ง...............รัก...........บางอย่าง
อาจจะเป็นรัก........ที่เจ็บปวดเพื่อสุขของคนที่เรารักยืนนาน...........ในภายหน้า
..............................................................
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 22:23:26 น. |
Counter : 540 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวมากๆเลยนะค่ะ
เป็นเหมือนศิลปิน นักคิด นักเขียน
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตนะค่ะ