แก่งกระจาน
็Hello worldสวัสดีชาวโลกครั้งนี้ทอสกับโมออกเดินทางอีกครั้ง แต่เป็นการเล่าการเดินทางแบบย้อนหลังเรียกได้ว่าดองไว้พอสมควร วันนี้จึงได้มีโอกาสกลับมาเขียนอีกครั้งรายละเอียดอาจจะไม่ครบถ้วนต้องขออภัยจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ก็คือ เขื่อนแก่งกระจาน เนื่องเพราะว่าในปีนี้อากาศเย็นยาวนานพอสมควรเลยคิดว่าออกไปหาที่เที่ยวใกล้ๆกันดีกว่าจากที่คิดว่าปีใหม่ปีนี้จะไม่ไปเที่ยวที่ไหน แต่สภาพอากาศที่แสนจะเป็นใจเลยอดรนทนไม่ได้ เราเลือกแก่งกระจานเพราะเรายังไม่เคยจะมาทีนี่เลย และก็อยากจะประหยัดงบเลยต้องเลือกนอนเต๊นท์ซึงก็เหมาะกับช่วงที่อากาศเย็นแบบนี้ออกเดินทางกันตั้งแต่ตี4 เพื่อหวังว่าจะมาดูพระอาทิตย์ที่บางตะบูนเรามาถึงที่นี่ประมาณเกือบๆ 6 โมงฟ้ายังมืดสนิท แต่ก็พอมีชาวบ้านเริ่มทำกิจกรรมในตอนเช้ากันแล้ว "บางตะบูน" เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เนื่องด้วยมีแม่น้ำบางตะบูนไหลผ่านซึ่งลำน้ำสายนี้แยกมาจากแม่น้ำเพชรบุรี ไหลออกทะเลบริเวณปากอ่าวบางตะบูน ซึ่งเป็นปลายแม่น้ำเพชรบุรีสะพานเฉลิมพระเกียรติ บางตะบูน เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกที่หนึ่งเลยที่เดียวมีเพื่อนที่ถ่ายรูปท่านนึ่ง(yuyeeindy) แนะนำว่าช่วงเดือนมิถุนา เนี่ยเพราะอาทิตย์จะขึ้นตรงแทบจะกึ่งกลางของสะพานเลยแสงแดดเริ่มออก ก็เริ่มเห็นวิถึชีวิตของชุมชนบางตะบูนชัดเจนขึ้นน่าเสียดายที่เราอยูที่นี่ไม่ได้นาน เรายังต้องเดินทางกันต่อแต่คิดว่าน่าจะต้องมาแก้มือกับ พระอาทิตย์ดวงโตๆอีกซักครั้งพร้อมทั้งนอนโฮมสเตย์กินอาหารทะเลสดๆ ในระแวกนี้ให้ได้หลังจากออกมาจากบางตะบูนกำลังมุ่งหน้าสู่เพรชบุรีขณะขับๆรถอยู่ก็ ก็ตัดสินใจเบรคเข้าข้างทางทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นนาเกลือของจริงผมลงรถไปถ่ายรูปนี้ หางตาเหลือบไปเห็นลุงซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่ยืนเท้าสะเอวจ้องมาทางเราคิดในใจ ตายห่านเค้าต้องด่าเราแน่ๆ ซักพักลุกขับรถออกมาทันที มาจอดใกล้ๆ ทำให้ผมต้องเลิกถ่ายลุงเจ้าของที่เดินลงมา จากรถจากนั้นก็พูดกับผมในทันทีว่า "ถ่ายรูปตามสบายนะลูก มาตรงนี่ซิสวย"พร้อมยังชักชวนในรออีหน่อยเด่วคนงานจะมาแล้วจะได้ถ่ายตอนเค้าทำงานกันด้วยผมนี่อึ้งไปเลย เรานี่มันคนกรุงเทพเกินไปจริงๆตัดสิ้นคนเพียงเปลือกเท่านั้นถุยชีวิต....ถึงเมืองเพรชบุรีเราไม่เคยพลาดซักครั้งที่จะแวะถ้ำเขาหลวงถ้ำเขาหลวงในวันศุกร์ แบบนี้ช่างเงียบสงบจริงๆพระพุทธไสยาสน์ ผมเพิ่งได้มาเก็บภาพจริงๆจังก็คราวนี้หลังเล็งมุมแบบนี้ไว้นานแล้วหลังจากออกถ้าเขาหลวงเราก็แวะตลาดสด เพื่อเตรียมของสดไปปิคนิคในคืนนี้ คนเพรชบุรีมีสำเนียงที่เป็นเอกลัษณ์มาก ฟังที่แรกนึกว่าเป็นคนพม่าที่มาอยู่เมืองไทย เกือบจะ "มิงกะละบา" ไปซะแล้วสำเนียงเมืองเพรชน่ารักมากๆ ฟังดูแปลก ผมชอบบรรยากาศแบบนี้จริงๆน่าเสียดายที่กล้องอยู่ในรถเลย ไม่ได้เก็บรูปตลาดมาเลยเรามาถึงจุดกางเต็นท์ตอนบ่ายแก่ๆ จัดเตรียมกางเต็นท์เรียบร้อย จุดนี่มีคนมากางก่อนหน้าแล้ว 2 เต็นท์ แต่ก็ยังมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับเราในคืนนี้ จุดนนี้จะอยู่ใกล้สะพานแขวนซึ่งจะเชื่อมไปยังเกาะกลางน้ำซึ้งลิงเจ้าถิ่นมักจะคอยข้ามมาขโมยอาหารอยู่เรื่อยๆ ช่วงกลางสะพานแขวนก็จะถูกกั้นเอาไว้ไม่ให้เดินข้ามไปได้ด้วยสาเหตุอะไรไม่รู้พอเริ่มเย็นเราก็เริ่มประกอบอาหารเลยหลังอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย เพราะกลัวว่า พอมืดๆอากาศจะเย็นจนอาบไม่ไหวอ้อ ลืมไปที่นี่ห้องน้ำสะอาดมากกกกก สะอาดกว่ารีสอร์ทบางที่ที่เราเคยไปด้วยซ้ำเราได้สูตรในการหุ้งข้าวแบบไม่เช็ดน้ำมาแล้วคือ ข้าว 1 ส่วน น้ำ 2 ส่วน ตั้งข้าวด้วยไฟแรงที่สุดหาของหนักๆมาทับฝาหม้อไว้ถ้ามีน้ำล้นออกมาก็ปล่อยมันไป รอจะกว่าจะเป็นไอๆ แล้วน้ำแห้งก็หรี่เป็นไฟอ่อนแล้วเริ่มดงข้าวได้เลย ทริปนี้ปรากฎว่าเราทำสำเร็จข้าวไม่ไหม้ ไม่แฉะ ฟินนาเร่~~~ต่อด้วยต้มซุปกระดูกหมูแล้วก็เนื้อย่างแล้วก็มีกุ้งหมักซอสย่างกินดีกว่าอยู่บ้านเสียอีกนั่งคุยกันไปกินกันไป ชมดาวไปด้วย พร้อมอากาศเย็น สุขใจเอามากๆทำเอาลืมเรื่องงานกับเรื่องบ้าๆบ้อที่อยู่ที่กรุงเทพไปเสียสนิท นั้งได้ไม่นานก็ทนหนาวไม่ไหว ลมแรงเสียจริงๆ จึงต้องหลบเข้าเต็นท์ฟ้าเริ่มสางแล้ว แสงสีส้มเริ่มออกมาจากเหลี่ยมเขาสุขใจทุกครั้งที่ได้ตื่นเช้าๆมานั่งมองแสงแบบนี้แม่ครัวพร้อมแล้ว ดูเหมือนเธอจะสนุกเอามากๆกับการทำอาหารแทบจะไม่สนใจวิวตรงหน้า คงคิดว่าได้เล่นขายของเหมือนตอนเด็กๆละมั้งเป็นห้องครัวที่มีวิวสวยที่สุด ว่าม๊ะ!!อาหารเช้าขึ้นโต๊ะแระ เป็นข้าวต้มหมูสับโรยด้วยกระเทียมเจียวใส่ต้นหอมผักชีนิดหน่อย ภาพกว้างซักนิดก่อนจะเก็บเต็นท์เพื่อไปบ้านกร่าง เพราะมีเพื่อนแนะนำมาว่าต้องไปให้ได้ ผีเสื้อสวยมากๆที่ระลึกหน่อยนึ่งขับต่อไปเพื่อไปบ้านกร่าง กับทางออฟโร้ด ประมาณ 10 kmน้ำตาแทบไหล รถ4WD ยกสูงวิ่งผ่านเราไปคันแล้วคันเล่าืแต่เราก็ยังมุ่งหน้าต่อด้วยความเรา 2km/h สุดท้ายก็ไปถึงจนได้ เราตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่อุทยานทันทีแล้วถามทันที่ว่าโป่งผีเสื้อทีเค้าว่ามีเป็นร้อยๆพันๆตัวอยู่ที่ไหนเจ้าหน้าที่ชี้ไปบริวาณหน้าป้ายอุทยานที่มีกองดินน้อยๆพร้อมทั้งผีเสื้อง๋อยๆบินอยู่สองสามตัว พร้อมพูดว่าตรงนั้นและครับ ประสบการ์ณครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ถ้าจะมาดูผีเสื้อที่แค้มป์บ้านกร่างให้มารถกระบะยกสูง ในช่วงเดือนมีนานะจ๊ะ!!เด่วจะหาว่าทอสกะโมไม่เตือนแล้วพบกันใหม่เมื่อทอสกะโมออกเดินทาง
เพียงแต่บางครั้งเราก็ลืมไปว่า เราคิดแทนคนอื่นไม่ได้นะคะ
ถ้าเป็นแม่โมก็คงกลัวเจ้าของมาว่าให้เหมือนกันค่า