ดับเรื่องร้อนการเมืองด้วยธรรมะง่ายๆ
คำเตือน Blog นี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมือง และคำหยาบคายจำนวนมาก
ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองของเราแย่ลงทุกวัน ความแตกแยกในบ้านเมืองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของคนไทยก็ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
ผมเห็นในอินเตอร์เน็ตด่ากันว่าโง่ ฝ่ายนี้โง่ ฝ่ายนั้นโง่ ภาพเหี้ยกอดกัน ภาพตกแต่งตัดต่อเพื่อสนองตัณหา ความสะใจของตนโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ความสนุกสนานของตนนั้น กำลังสร้างความแตกแยกให้คนในชาติมากยิ่งขึ้น
มีพระรูปนึงมาพูดเรื่อง "ก้าง" ท่านว่าพระก็ต้องเลือกข้างมิฉะนั้นก็เปรียบเสมือนก้าง (ในที่นี้คิดตัวถ่วงความเจริญ) ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระรูปนั้นต้องพูดแบบนั้น แบบนี้ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์ซึ่งถือว่าเป็นบาปหนักหรือไม่? แต่หากข่าวที่ผมได้มาไม่ใช่ความจริงแหล่งข่าวที่นำเสนอจะได้รับผลกรรมอย่างไร?
เหตุการณ์ที่ผ่านมา คนก็ตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาด่าว่า "หนักแผ่นดิน" "สมควรตาย" "ตายห่าไปได้ก็ดี" คนตายเป็นเรื่องดีเหรอครับ? น่าเศร้าจริงๆ กับสังคมนี้สังคมไทยที่การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจคนเลย เพียงแค่เพราะความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับท่าน ท่านก็รู้สึกดีใจที่ฝ่ายตรงข้ามท่านตาย และน่าเศร้ายิ่งขึ้นไปอีก คือ คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดกลับมีพฤติกรรมดูถูกภูมิปัญญาคนอื่น
ผมไม่ใช่พระ ถึงจะเคยอ่านหนังสือธรรมะมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะนำธรรมะมาสอนคนอื่นได้ เวลาพูดเรื่องธรรมะกับคนอื่น ผมทำได้ก็แค่จำคำที่พระท่านเทศน์มาพูดต่อ แค่นั้นเอง มีคำสอนมากมายที่ผมชอบ และมีคำสอนง่ายๆ ที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมาให้พิจารณา ผมจำคำพระเทศน์ได้ว่า
"ของที่โยมนำไปให้คนอื่น หากเค้าไม่รับของสิ่งนั้นก็ย่อมตกเป็นของเจ้าของเดิม คำพูดก็เหมือนกัน หากโยมไปด่าว่าเค้า แล้วเค้าไม่รับ คำพูดนั้นก็ตกเป็นของโยม"
หวังว่าคงจะมีสติกันมากขึ้นจะด่าใครก็ให้คิดด้วย ใช้สติใช้เหตุผลให้มากๆ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ไล่ให้เค้าไปตาย ด่าพ่อด่าแม่เค้า หรือดูถูกว่าแม่งโง่ กูฉลาดกว่าพ่อมึง ดังจะเห็นได้ในอินเตอร์เน็ต และสังคมไทยในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามผมก็ต้องขอไว้อาลัยกับทุกฝ่าย ให้กับการสูญเสียในครั้งนี้ และหวังว่ามันจะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากก็ตาม
Create Date : 12 เมษายน 2553 |
|
18 comments |
Last Update : 12 เมษายน 2553 13:04:16 น. |
Counter : 1387 Pageviews. |
|
|
|
คำพูดด่าว่าหากเขาไม่รับ คำพูดนั้นย่อมตกเป็นของเรา อ่านแล้วตกใจ คิดว่าต่อไปคงต้องคิดให้มากกว่าอารมณ์เสียแล้ว...ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ ^^