พระราชดำรัสที่ชื่นชอบ
"... คนไทยนี้ ความจริง "รู้รักสามัคคี" ถึงอยู่ได้จนทุกวันนี้. ถ้าไม่รู้ "รู้รักสามัคคี" อยู่ ไม่ได้. แต่ก่อนนี้เมื่อ ๔๐ หรือ ๕๐ ปีก่อน ประชากรของประเทศไทย มีประมาณ ๑๘ล้าน เดี๋ยวนี้มีมากขึ้นสามเท่า มีมากกว่า ๕๔ ล้าน จวนจะ ๖๐ ล้าน. การที่จะ "รู้จักสามัคคี" ก็ลำบากมาก เพราะคนมาก ๆ รู้จักกันทั่วถึงไม่ค่อยได้. แต่ "รู้รักสามัคคี" ควรจะใช้ได้ เพราะหมายความว่า ทุกคนถือว่าตนเป็นคนไทย มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทุกคนรู้ว่าต้องมีความสามัคคี. รู้" ก็คือ "ทราบ" ทราบความหมายของ สามัคคี "รัก" คือ "นิยม" นิยมความสามัคคี. เพราะเหตุใดคนไทยจึง "รู้รักสามัคคี" ก็เพราะคนไทยนี่ฉลาด ไม่ใช่ไม่ฉลาด คนไทยนี่ฉลาด รู้ว่าถ้าหากเมืองไทยไม่ใช้ความสามัคคี ไม่เห็นอกเห็นใจกัน ไม่ใช้อะไรที่จะพอรับกันได้ พอที่จะใช้ได้ ก็คงจะไม่ได้ทำอะไร หมายความว่า ทำมาหากินก็ไม่ได้ทำมาหากิน เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีความสงบ. จะต้อง "รู้รักสามัคคี" หมายความว่า รู้จักการอะลุ้มอล่วยกัน แม้จะไม่ใช่ถูกต้องเต็มที่ คือหมายความว่าไม่ถูกหลักวิชาเต็มที่ ก็จะต้องใช้ เพราะว่าถ้า ไม่ใช้ ก็ไม่มีอะไรใช้. อาจมีสิ่งที่มีอยู่แล้วที่จะใช้ไปได้ชั่วคราว คุณภาพอาจไม่ค่อยดีนัก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซนต์ แต่ว่าต้องใช้อะไรที่พอใช้ได้ไป ไม่อย่างนั้นไม่มีวันที่จะมีชีวิตรอดได้.
"
เป็นพระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ ซึ่งผมชื่นชอบมากและเหมาะกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
Create Date : 14 สิงหาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2549 16:05:32 น. |
Counter : 1699 Pageviews. |
|
|
|