Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
อานิสงส์ของการกินเจ



อานิสงส์ของการกินเจ (ไม่กินเเนื้อสัตว์)

1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

อ้างถึง
บุคคลผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เบียดเบียนผู้ใด มีกิริยาสำรวม จรรยามารยาทเรียบร้อย ไม่กล่าวคำกระโชกด่าทอกับใครทั้งสิ้น บุคคลเช่นนี้เมื่อก้าวไปสู่แห่งหนใด ย่อมเป็นที่รักใคร่ มีแต่คนอยากเข้ามาใกล้ชิด ในทางตรงกันข้าม หากเป็นคนที่สะสมไว้แต่อารมณ์ร้ายๆ แววตาเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งการ "ฆ่า" บุคคลเช่นนี้ไปถึงที่ไหน แม้ไม่ต้องถือมีดเข้ามาให้เห็น ทุกคนก็อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล มีตำนานชาดกโบราณเล่าว่า สมัยหนึ่งในอดีต นับย้อนไปเป็นเวลา 500 ชาติ ก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ในเวลานั้นพระองค์ออกบวชเป็นดาบสมีนามว่า "ขันติ" พำนักอยู่ในป่าลึกเพื่อบำเพ็ญ มีอยู่วันหนึ่งเหล่าสนมของท้าวเทวทัตผู้เป็นราชาได้พลัดหลงขณะที่ตามเสด็จ ประพาสป่า ทั้งหมดจึงพากันดั้นด้นไปจนกระทั่งพบพระดาบสกำลังเจริญภาวนาอยู่อย่างสงบ มีลักษณะอันสง่างดงาม แต่ทว่าใกล้ๆกันนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดมาห้อมล้อมอยู่โดยรอบ ในบรรดาสัตว์เหล่านั้นมีทั้ง เสือ สิงโต ซึ่งเป็นสัตว์ดุร้าย แต่ช่างน่าประหลาดที่มันกลับดูเชื่องและอ่อนโยน มิได้ลุกขึ้นวิ่งไล่ทำร้ายแม้กระต่าย กระรอก นก ซึ่งมาหากินอยู่ใกล้ๆ บรรดานางสนมจึงได้พากันเข้าไปกราบนมัสการ พร้อมกับทูลถามพระดาบสว่า "ท่านปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าลึกเช่นนี้ ไม่กลัวสิงสาราสัตว์ที่ดุร้ายมาทำอันตรายหรอกหรือ ? " พระดาบสจึงตรัสตอบว่า "เมื่อภายในจิตของเรา ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวธุลีของความคิดที่จะไปเบียดเบียนทำลายชีวิตผู้อื่น เช่นนี้แล้วย่อมจะไม่เป็นที่หวาดกลัวหรือตื่นตระหนกต่อผู้ใด ฉะนั้นสัตว์ร้ายทั้งหลายย่อมไม่ทำอันตรายแก่เรา" พระธรรมโอวาทบทนี้ ยังปรากฏเป็นจริงแม้ในกาลปัจจุบัน ดังปรากฏตัวอย่าง...ที่ประเทศไต้หวัน มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่ง ทุกวันยามเช้าตรู่เธอจะนำเอาเมล็ดข้าวไปหว่านให้นกกระจอกกินเป็นประจำ นานวันเข้า เมื่อพบหน้าบรรดานกกระจอกเหล่านั้นก็จะพากันโผบินเข้ามาหยอกเย้า กระโดดโลดเต้นและเกาะอยู่ตามตัวของเธอ นี่ก็เป็นเพราะแม่หนูน้อยเป็นผู้ที่มีจิตเมตตาโดยแท้ การกระทำของเธอจึงเป็นการผูกบุญบารมีแห่งเมตตาไว้กับสัตว์ทั้งหลาย ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ และปราศจากสิ่งเคลือบแฝงใดๆ

2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิด
อ้างถึง
จิตเมตตา คือ ความรู้สึกนึกคิดที่อยากให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้มีชีวิตอยู่อย่างร่มเย็น เป็นสุข เหตุฉะนี้คนที่มีความเมตตากรุณาอยู่ในใจ อย่าว่าแต่เห็นสัตว์ทั้งหลายต้องตายไปต่อหน้าเลย แค่เพียงเห็นเค้าต้องประสบเคราะห์กรรมถูกเฆี่ยนตี ก็ย่อมจะไม่สบายใจ ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติธรรม ไม่เพียงแต่จักต้องไม่เข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นให้ดับดิ้นเท่านั้น แม้แต่จะเอ่ยวาจาด่าทอให้ระคายหูก็จะไม่กระทำโดยเด็ดขาด เมื่อจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ค่อยๆถูกสะสมเพิ่มพูนจนเปี่ยมล้น ก็จะบังเกิดเป็นมหาเมตตาขึ้นในใจ มหาเมตตานี้จะเพิ่มพลังจิตขึ้นในตัว นับเป็นเหตุปัจจัยสำคัญอันจะนำพาให้ผู้บำเพ็ญสามารถสำเร็จธรรมบรรลุสู่ขั้น "พระโพธิสัตว์" เจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์เป็นโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่เคยประสบความทุกข์ความลำบากอย่างใดเลยก็จริง แต่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ยังทรงหยั่งทราบถึงจิตใจของสัตว์เหล่าอื่น ด้วยความเห็นใจว่า "สัตว์ทั้งหลายย่อมปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าสรรพสัตว์นั้นๆจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน"

3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหด เครียดแค้นในใจลงได้
อ้างถึง
นอกเหนือจากความเห็นแก่ตัวในเรื่องปากท้องของตนทั้งกินดื่มเสพ อันเป็นเหตุให้คนเราต้อง เข่นฆ่า ทำลายชีวิตผู้อื่น สาเหตุใหญ่ของการทำลายซึ่งกันและกันอีกประการหนึ่ง ก็คือ ความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท จองเวรต่อกัน คนที่มีอารมณ์โกรธเครียดแค้น มักจะก้าวร้าวชอบดุด่าและทำร้ายผู้อื่น นานวันเข้าก็กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตหยาบกระด้าง ใจหิน ใจทมิฬ ใจด้านชา จนกระทั่งแม้ความตายของผู้อื่นก็เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าใส่ใจ ในที่สุดก็จะกลายเป็นพวกยักษ์มารอสูรที่มีรูปร่างภายนอกเป็นคน ซึ่งสามารถเข่นฆ่าทำลายล้างได้แม้แต่พ่อแม่บังเกิดเกล้า พี่น้องตลอดจนห้ำหั่นวงศาคณาญาติและฆ่าลูกเต้าในไส้ของตน ดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม จะต้องตัดเอาอารมณ์โกรธเกลียดอาฆาตพยาบาท ออกไปให้หมดสิ้น อย่าให้หลงเหลือ ไม่เพียงแต่เราต้องรักทะนุถนอมชีวิตของตนเองเท่านั้น แต่เรายังจะต้องรักและทะนุถนอมชีวิตของผู้อื่นด้วย มิเช่นนั้นแล้วก็จะได้รับวิบากกรรม ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เลื้อยคลาน งู และสัตว์ประเภทดุร้ายทั้งหลาย การที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้พุทธบริษัทถือศีล ข้อปาณาติบาตก็เพื่อให้หยุดการจองเวร โดยยุติการเข่าฆ่าเอาชีวิตผู้อื่น ทั้งนี้เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่า หากบุคคลใด มีอารมณ์เครียดแค้นพยาบาทในชาตินี้ มันจะฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานจนติดตามไปถึงภพหน้าชาติหน้า ฉะนั้นถ้าหากชาตินี้เราเข่นฆ่า กินเลือดเนื้อเขา แน่นอน... ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติสืบต่อไปภายหน้า ก็จะถูกเจ้ากรรมนายเวรในอดีต ติดตามรังควานทวงหนี้ชีวิตทุกชาติๆไป เช่นนี้แล้วบุคคลผู้นั้นจะสามารถปฏิบัติธรรมให้บรรลุถึงความหลุดพ้นไปได้ อย่างไร ?

4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
อ้างถึง
ความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเราซึ่งมีสาเหตุมาจากการ ผันแปรของดินฟ้าอากาศหรือจากเรื่องอาหารการกินที่ผิดธรรมชาติความเจ็บป่วย จากสาเหตุทั้งสองนั้น อาจเยียวยารักษาให้หายได้ด้วยยา แต่โบราณกล่าวว่า “ถึงยาวิเศษแค่ไหนก็ไม่สามารถรักษาโรคกรรมได้”
โรคกรรมอันเกิดมาจากการเคยสร้างอกุศลกรรมร่วมกันมาในอดีต ที่สงผลให้คนเหล่านั้นต้องมาตายพร้อมมกันในชาติปัจจุบัน ได้แก่
-ตายด้วยโรคระบาดในคราวเดียวกันมากๆ เช่น กาฬโรค โรคเอดส์ ฯลฯ
-ประสบอุบัติเหตุตายหมู่พร้อมกัน
-ถูกฆ่าทำลายล้างเผ่าพันธ์ในสงคราม
เหล่านี้มีสาเหตุสำคัญ ก็คือ คนเหล่านั้นต่างเคยร่วมกันฆ่าสัตว์ตัดชีวิตร่วมเสพเลือดเนื้อผู้อื่น ร่วมส่งเสริมผู้อื่นให้ฆ่าให้กินให้เสพ ทั้งหมดเรียกว่า “กรรมหมู่”
จนกระทั่งมาเกิดในชาตินี้ ผลกรรมที่เคยกินเลือดกินเนื้อเขาในอดีต ถึงเวลาสุกงอม ก็ต้องชดใช้คืน หนี้เลือดชดใช้ด้วยเลือด หนี้ชีวิตใช้ด้วยชีวิต บางรายแม้ไม่ถึงตายก็ต้องพิการหรือไม่ก็เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ด้วยโรคประจำตัวไปหาหมอให้รักษาเยียวยาอย่างไรก็ไม่หายขาดต้องอยู่ทนทุกข์ ทรมานไปตลอดชีวิต เรามักจะได้ยินหลายคนพูดว่า “เฮ้อ...เราช่างมีกรรมมากเสียจริงๆ ถึงต้องเจ็บป่วยเป็นประจำ”
คำพูดเช่นนี้จริงแท้ที่สุด เวรกรรมที่เป็นเหตุชักนำให้ผู้คนต้องประสบโรคภัยกลุ้มรุมทำร้าย ก็เนื่องมาจากในอดีตพวกเขาต่างเคยเบียดเบียน เข่นฆ่า ทำลายชีวิตผู้อื่นมากินมาเสพนั่นเอง
เราทุกคนก็ทราบกันดีแล้วว่า ถ้าหากร่างกายมีแต่โรคภัยเบียดเบียน เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นประจำสุขภาพอ่อนแอทรุดโทรม บุคคลผู้นั้นจะคิดอ่านทำการสิ่งใดก็จะพบแต่อุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิดจะฝึกฝนปฏิบัติธรรมก็จะยิ่งยากลำบากขึ้นไปอีก บางคนคิดจะนั่งสมาธิฟังเทศน์ฟังธรรมอ่านไปได้เพียงครึ่งหน้าก็ง่วงเหงาหาว นอนเสียแล้ว
ตรงกันข้าม...ถ้าหากร่างกายของเราแข็งแรงสุขภาพสมบูรณ์ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มารบกวนรังควานเราคิดกระทำสิ่งใด ก็ย่อมจะสำเร็จสมประสงค์โดยง่าย ไม่ว่าจะศึกษาหลักธรรมคัมภีร์ ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญสมาธิภาวนา ก็จะราบรื่นรุดหน้า บันดาลให้เกิดปัญญาญาณ รู้ผิดชอบชั่วดีมีสติสำนึกระลึกได้ตลอดเวลา
ฉะนั้นจึงใคร่ขอฝากเตือนท่านทั้งหลายว่า ถ้าอยากจะเป็นผู้ที่มีอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ก็จงงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์และหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ปลดปล่อยช่วยเหลือชีวิตสัตว์ทั้งหลายเป็นประจำ

5. มีอายุมั่นขวัญยืน อ้างถึง
ทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกนี้ ทั้งคนและสัตว์ต่างล้วนอยากให้ตนมีอายุยืนยาว แต่ทว่าความมีอายุยืนนานนั้น มิใช่เพียงแต่คิดอยากจะได้ .. ก็ได้ เพราะถ้าหากในอดีต ท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบนิยมยินดีในการบริโภคเนื้อสัตว์ ตลอดจนฆ่าและส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การที่จะหวังให้ตนมีชีวิตที่ราบรื่นเป็นสุขและอายุยืนยาวนั้น ... ย่อมเป็นไปไม่ได้!
ขอยกตัวอย่างให้เห็น...ที่จังหวัดเกาสง ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไต้หวัน มีแม่ค้าขายเนื้อเป็ด เนื้อไก่ คนหนึ่งเลี้ยงชีพด้วยการเชือดคอเป็ด คอไก่ ขายทุกวัน ต่อมาก็ล้มป่วยเป็นมะเร็งที่คอ อายุไม่ทันถึง 30 ก็ตาย!
อีกรายหนึ่ง ...เป็นพ่อค้าขายเนื้อ จนมีฐานะร่ำรวยต่อมาได้ซื้อบ้านตึก 3 ชั้น หวังจะได้อยู่อย่างเป็นสุข แต่ก็กลับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จนในที่สุดเขาต้องพบจุดจบด้วยการผูกคอตายในบ้านหลังนั้น
อีกตัวอย่าง..ที่จังหวัด ถังซาน ประเทศไต้หวัน สามีภรรยาคู่หนึ่งค้าขาย เป็ด ไก่ ลูกชายของเขาพออายุได้ 12 ขวบก็ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดถึง 3 ครั้งอยู่ต่อมาไม่นานก็ป่วยเป็นโรคไตพิการ ไม่สามารถรักษาได้สุดท้ายก็ตาย!
อีกตัวอย่าง ที่จังหวัดราชบุรี ตรงนั้นก็มีคลองดำเนินสะดวก ผู้บำเพ็ญของเราเล่าให้ฟัง มีผู้ชายคนหนึ่งเขาอยากจะกินตะพาบน้ำ คนต่างจังหวัด มักจะเอาไปผัดเผ็ด เขาก็เลยจับตะพาบน้ำมาไว้ที่บ้านแล้วก็เอากะละมังครอบไว้เขาก็เตรียมออกไป ซื้อเครื่องแกงเพื่อเอามาผัดเผ็ด เขาก็มีลูกสาวน่ารักมาก กำลังเดินเตอะแตะเลย ประมาณ 3-4 ขวบ ลูกสาวเห็นว่ากะละมังมันเขยื้อนได้ก็เลยไปเปิดดู เห็นว่าเป็นตะพาบน้ำ เด็กเขาก็สนุก ขี่หลังตะพาบน้ำเล่น ผู้ชายคนนี้กลับมาบ้านก็แปลกใจว่าทำไมบ้านเงียบลูกสาวตัวเองก็ไม่อยู่ ก็นึกว่าลูกสาวไปเล่นบ้านเพื่อน ด้วยความที่อยากกินตะพาบน้ำมาก จึงมัวแต่หาว่าตะพาบน้ำหายไปไหน ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ก็ต้องลงน้ำ เขาก็ตามไปที่คลองเห็นพายน้ำกำลังผุดๆอยู่ แสดงว่ามันลงน้ำไปแน่ๆ เขาคว้าฉมวกได้ก็แทงลงไปในน้ำ แทงเสร็จเขาก็งัดฉมวกเพราะกลัวว่าตะพาบน้ำจะหลุดจากฉมวก พอเขายกฉมวกขึ้นมาเท่านั้นเขาก็ร้องไม่เป็นเสียง เพราะที่ยกขึ้นมาไม่ใช่ตะพาบน้ำแต่เป็นสูกสาวของเขา
อีกตัวอย่าง มีอาเสี่ยคนหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เขามีอาชีพขายหมูหัน เขาไปซื้อลูกหมูไปผ่าแล้วก็เอาไม้เสียบจากก้นจนทะลุปาก เขาทำกิจการหมูหันจนร่ำรวย มีรถเบนซ์ขับ ภรรยาเขาก็แต่งตัวดี มีทองเพชรเต็มตัว เขามีลูกชายหนึ่งคน วันหนึ่งเขาก็พาครอบครัวไปเที่ยว เขาเป็นคนขับ ภรรยานั่งข้างๆ ลูกนั่งอยู่เบาะหลังคนขับ ขับรถไปปรากฎว่า รถคันหน้าเบรกกะทันหัน รถของเขาก็เบรกกะทันหันรถคันหนังก็เบรกตาม แต่เผอิญรถคันหลังเป็นรถบรรทุกเหล็กเส้น บังเอิญมีเหล็กเส้นเส้นหนึ่งทะลุผ่านกระจกด้านหลัง ขณะที่เขาเบรกลูกชายของเขาก็คว่ำหน้าก้นชี้ขึ้น เหล็กเส้นก็เสียบก้นจนทะลุออกปากตายคาที่ เหมือนกับที่เขาทำหมูหันไม่มีผิด
จากเรื่องราวที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของบรรดาผู้ซึ่งต้องประสบเคราะห์กรรม อันสืบเนื่องมาจากผลของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ในหลักธรรมคัมภีร์ว่าด้วยเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ได้กล่าวถึงผู้ที่ชอบกินเลือดกินเนื้อและเข่นฆ่าเอาชีวิตผู้อื่นว่า บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้ว อันดับแรกดวงวิญญาณจะต้องไปรับโทษในนรกอย่างแสนทุกข์ทรมานต่อมาต้องไปเกิด เป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกฆ่าตาย เป็นเช่นนี้ไปจนกว่าจะชดใช้หนี้ชีวิตที่ฆ่าผู้อื่นให้หมด จากนั้นจึงจะได้มาเกิดเป็นคน แต่ก็จะมีอายุสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบาปกรรมมากน้อยตามที่ตัวได้สร้างไว้
นี่คือ...ผลกรรมของการฆ่า!
ส่วนเรื่องราวของบุคคลผู้ที่มีจิตเมตตา ชอบช่วยเหลือชีวิตสัตว์จนอานิสงส์ผลบุญทำให้มีอายุยืนยาวก็มีอยู่มากมายจะขอ ตัวอย่างสักสองตัวอย่าง
.มีสามเณรรูปหนึ่งอายุ 8 ขวบ เพิ่งจะบวชได้ไม่กี่เดือนวันหนึ่งท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นอาจารย์ได้เข้าญาณ สมาธิ จึงล่วงรู้ว่าอายุขัยของสามเณรน้อยมีเหลืออยู่เพียง 7 วันเท่านั้น
ด้วยความเวทนาสงสารลูกศิษย์ตัวน้อยๆ ท่านจึงคิดว่าหากสามเณรจะต้องตาย อย่างน้อยก็ให้ได้ไปตายที่บ้านเกิดจะดีกว่า พิจารณาเช่นนี้แล้วพระอาจารย์จึงเรียกเณรน้อยลูกศิษย์เข้ามาสั่งเสียว่า
“เจ้าจากบ้านมาก็หลายเดือนแล้ว โยมพ่อโยมแม่คงคิดถึงมาก อาจารย์อนุญาตให้เจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านได้ 10 วันแล้ว...ค่อยกลับมา”
สามเณรน้อยจึงกราบนมัสการลา แล้วรีบเดินทางกลับบ้านเกิด ระหว่างทางเจอกับพายุลมแรง ฝนตกหนักจนทำให้เณรน้อยต้องหยุดพัก
ขณะหลบฝน เณรน้อยได้มองเห็นรังมดรังหนึ่งกำลังถูกสายน้ำไหลเข้าท่วม บรรดาฝูงมดต่างวิ่งพล่านหาทางเอาชีวิตรอด สามเณรน้อยเห็นเช่นนั้นก็เกิดจิตเมตตารู้สึกสงสารจึงหากิ่งไม้แห้งที่อยู่ ใกล้มาพยายามขูดพื้นดินรอบรังมดให้เป็นร่องถ่ายเทให้น้ำฝนที่กำลังจะท่วมไหล ไปทางอื่น การกระทำดังกล่าวได้ช่วยให้มดทั้งหมดรอดตายจากภัยพิบัติ
เมื่อพายุสงบฝนหยุดตก สามเณน้อยก็เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน และพักอยู่กับโยมบิดาโยมมารดา เวลาล่วงไปจนใกล้จะครบ 10 วัน เณรน้อยจึงเดินทางกลับวัด
ครั้นท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นอาจารย์ ได้พบหน้าเณรน้อยลูกศิษย์ก็ให้รู้สึกดีใจ ระคนกับประหลาดใจยิ่งนัก ในเย็นวันนั้นท่านจึงเข้าญาณตรวจดู จึงได้ทราบเหตุการณ์ที่ลูกศิษย์สร้างกุศลใหญ่ โดยการช่วยเหลือชีวิตมดทั้งรังให้รอดตาย
ครั้นเมื่อสามเณรน้อยเติบใหญ่มีอายุครบบวช จึงได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุท่านอยู่ศึกษาปฏิบัติบำเพ็ญจิตภาวนาจนสามารถ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ และออกเผยแผ่พระธรรมฉุดช่วยเวไนยสัตว์ตราบจนกระทั่งละสังขารจากโลกไป รวมสิริอายุของท่านได้ 80 ปี

6 ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
อ้างถึง
วัชรเทพทั้ง 8 พระองค์ คือ เทพเจ้าผู้พิทักษ์ธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อบุคคลใดมีจิตมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณงามความดีมีใจศรัทธาศึกษาปฏิบัติ ธรรมรักษาศีลกินเจ วัชรเทพทั้ง 8 พระองค์ก็จะมีบัญชาให้เหล่าเทพบริวารทั้งหลายลงมาพิทักษ์รักษาปกป้องคุ้ม ครองบุคคลนั้นๆ มิให้ภูติผีปีศาจ ยักษ์ มาร อสูรร้ายมารังควาน แต่หากเมื่อใดก็ตามที่บุคคลนั้นมีจิตใจรวนเรไม่มั่นคงในการปฏิบัติธรรม บรรดาทวยเทพผู้ปกปักษ์รักษาก็จะพากันผละหนีไป ซึ่งเหล่ามารร้ายจะถือเป็นโอกาสเข้าจู่โจมทำอันตรายทันที
ฉะนั้นขอให้ผู้ที่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรม พึงมีความรอบคอบระมัดระวัง และหมั่นคอยสำรวจตรวจตราจิตของตนอยู่เสมอๆ ในปัจจุบันแม้ความเจริญในทางวัตถุจะรุดหน้าไปมาก แต่ยังมีสาธุชนจำนวนไม่น้อยหันมามุ่งมั่นฝึกฝนปฏิบัติธรรมเริ่มถือศีลกินเจ นับเป็นนิมิตรหมายแห่งความเป็นผู้มีเมตตาจิต ถึงแม้ว่าด้วยตาเนื้อของปุถุชนคนธรรมดาจะมองไม่เห็นบรรดา เทพ พรหมทั้งหลายที่คอยเฝ้าพิทักษ์คุ้มครองพวกเขาอยู่ แต่เมื่อถึงคราววิกฤติตกอยู่ในที่คับขัน ต้องประจัญหน้ากับเภพภัยใหญ่หลวงสำหรับผู้ที่ประกอบแต่คุณงามความดีสร้างบุญ สร้างกุศล ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมไม่เสื่อมคลาย เหล่าเทพ พรหม ทั้งหลายเหล่านั้นก็จะพลิกผันเหตุการณ์ร้ายให้กลับกลายเป็นดี สามารถแคล้วคลาดรอดพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงได้ในที่สุด

7 ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิงที่ดีงามเป็นศิริมงคล
อ้างถึง
คนทั่วๆไปหากมีเรื่องราวรบกวนจิตใจให้วิตกกังวลว้า วุ่นเมื่อถึงยามพักผ่อนแม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักปานใดพอล้ม ตัวลงนอนก็ไม่สามารถจะหลับตาลงได้ หรือก็เพียงแค่หลับๆตื่นๆ และท้ายที่สุดเคล้มหลับไป ก็จะฝันร้ายตลอดคืนสาเหตุทั้งหมดมีมูลเหตุเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินชีวิตใน แต่ละวันคนที่ทุกวันๆ เอาแต่สร้างกรรมชั่ว ประพฤติตนมิชอบเมื่อยามหลับก็จะฝันเห็นแต่สิ่งเลวร้าย น่าเกลียดน่ากลัว
ยกตัวอย่าง...ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มีนักพรตรูปหนึ่งนามว่า “กวง ฮั่ว ฝ่า ซือ” ใน สมัยที่ท่านยังอยู่ในวัยหนุ่มได้รับราชการเป็นทหารมีตำแหน่ง อาหารที่รับประทานทุกๆ มือจะต้องเพรียบพร้อมไปด้วย เนื้อวัว เนื้อหมู เ นื้อเป็ด เนื้อไก่ มิเคยขาด บางคราวในแต่ละมื้อท่านกินเนื้อถึงมื้อละ 2 ชั่งหรือเกือบ 2 กิโล ฉะนั้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เป็ด ไก่ หมู วัว จำนวนนับพันตัวต้องตายไปเป็นอาหารอันโอชะ ตราบจนกระทั่ง ถึงปีหมินกั๋วที่ 42 ตรงกับปี พ.ศ. 2495 ท่านได้หันมาศึกษาหลักธรรม พอรู้ถึงเหตุต้นผลกรรม จึงเริ่มฝึกหัดกินเจถือศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ เพื่อลบล้างเวรกรรมที่เคยเบียดเบียนชีวิตสัตว์มามากมายให้เบาบางลง เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงเวลาครบเกษียณอายุราชการ หลังจากปลดเกษียณแล้ว ในปีหมินกั๋วที่ 63 ตรงกับปี พ.ศ. 2516 สองวันก่อนหน้าที่จะถึงวันสารทขนมจ่าง วันที่ 5 เดือน 5 เทศกาลตวนอู่ ท่านได้เข้าไปไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนาตามปกติ สักครู่ใหญ่ ...ก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังระงมไปทั่วบริเวณเสียงนั้นไม่ต่างไปจากเสียงร้อง ของเป็ดไก่วัวควายแต่อย่างใด เมื่อนักพรตผู้ชราหันหลังไปดูก็ปรากฏภาพ เป็ด ไก่ หมู วัว นับพันๆ ตัว พากันแยกเป็น 3 ทาง มีความยาวถึง 2 ลี้ พวกมันวิ่งไล่ติดตามท่านอย่างไม่ยอมลดละ
ท่านนักพรตเหนื่อยแทบจะขาดใจและสะดุ้งตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจจึงลุกพรวด พราดขึ้น เพราะไม่ระวังท่านจึงหกล้มขมำเป็นเหตุให้ขาซ้ายหักพับไปได้รับความเจ็บปวด อย่างยิ่งสุดท้ายก็กลายเป็นคนขาพิการ แต่เนื่องด้วยท่านเป็นผู้เข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างถ่องแท้ ท่านจึงก้มหน้ารับผลกรรมในสิ่งที่ท่านได้กระทำมา ด้วยจิตใจที่มั่นคง
อีกเรื่องหนึ่ง ...ที่จังหวัด ผิงตง บนเกาะไต้หวัน เจ้าสำนักสถานธรรมแห่งหนึ่ง แซ่ “หวง” นางได้เล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้ข้าพเจ้าผู้บรรยายฟังว่า
ราว 40-50 ปีที่แล้ว เป็นสมัยที่เกาะไต้หวันกำลังอยู่ในระยะฟื้นฟูใหม่ๆ ยุคนั้นความเป็นอยู่ทุกอย่างลำบากมากขาดแคลนข้าวของอุปโภคบริโภค ตัวของนางเองทุกๆเช้าจะต้องออกไปขุดหอยทากตามพื้นดินมาทำอาหารกิน เป็นเช่นนี้อยู่นาน...จนกระทั่งต่อมานางได้รับวิถีอนุตตรธรรมและตั้งใจศึกษา ปฏิบัติธรรมเรื่อยมา
นางเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะปฏิญาณกินเจตลอดชีวิตนางมักจะฝันร้ายอยู่เสมอ และเรื่องที่ฝันเห็นเป็นประจำก็คือ มี กองทหารกองใหญ่ทุกคนมือถือหอกถือดาบวิ่งไล่ตามมุ่งจะเอาชีวิตนางให้ได้ และน่าแปลกเหลือเกินที่เสื้อเกาะของนายทหารเหล่านั้น มีสีสรรและลวดลายเหมือนเปลือกหอยทากไม่มีผิด นางฝันร้ายเช่นนี้แทบทุกคืนจนกระทั่งต่อมา นางได้เข้าชั้นศึกษาธรรมและทำพิธีขอขมากรรมพร้อมทั้งตั้งปณิธานกินเจตลอด ชีวิต นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝันร้ายดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับนางอีกเลย
ฉะนั้น ในหลักธรรมคำสอนจึงบ่งบอกเอาไว้ว่า
“ผู้ที่ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดบริโภคเลือดเนื้อของผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่เกิดฝันร้าย จะหลับและตื่นอย่างเป็นสุข”
บางครั้งผู้ที่ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรม ก็มักจะมีโอกาสนิมิตรฝันเห็นพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตลอดจนดอกบัวทิพย์ในแดนสุขาวดี ทั้งหมดนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นศิริมงคลแก่ตนเอง
ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ผู้ที่มีจิตใจดีงาม ไม่เคยแม้แต่จะคิดร้ายต่อผู้อื่น เมื่อถึงเวลานอนก็จะหลับสนิทโดยง่าย ยามตื่นก็ไม่งัวเงีย อารมณ์จะปลอดโปร่งแจ่มใส ชีวิตมีอิสระ จิตใจย่อมเบิกบานเป็นสุขไปตลอด


8 ย่อมระงับการาจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกันอ้างถึง
คัมภีร์แห่งสัจจธรรม ได้กล่าวว่า “สรรพสัตว์ ทั้งหลายกับข้านั้นเป็น “หนึ่ง” เดียวกัน ไม่แตกต่างกัน แต่เป็นเพราะความหลงผิดไม่รู้เท่าทัน จึงทำให้ยึดเอากายสังขารรูปลักษณ์ภายนอกมาทำให้เกิดเป็นความแตกต่าง”
ผู้มีญาณปัญญาเห็นแจ้งในธรรม ย่อมตระหนักรู้ดีว่าท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายและแม้แต่จะขัดแจงไม่ลงรอย กันในความคิดเห็นของหมู่ชน ผู้ปฏิบัติธรรมที่แทั้จริงจะต้องปราศจากจิตที่เคืองแค้นคิดอาฆาตผู้อื่นโดย สิ้นเชิง
ปมแห่งเวรกรรมนั้นต้องรีบแก้ไขคลายออก จิตต้องไม่ผูกความแค้น ใจต้องไม่อาฆาต กรรมเวรทั้งหลายควรให้สลายไปด้วยการอโหสิกรรม อย่าผูกไว้ ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน
ฉะนั้นจากเหตุผลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ต้องไม่เพียงแต่ไม่คิดโกรธเกลียด ไม่เข่นฆ่าไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นไม่ว่าคนหรือสัตว์ แต่ยังจะต้องมีจิตเมตตากรุณา คิดสงสารต่อผู้ที่หลงผิดประพฤติมิชอบ พร้อมทั้งเพียรพยายามหาวิธีฉุดช่วยเขาให้กลับเข้าสู่เส้นทางแห่งความถูกต้อง ดีงาม หากปฏิบัติได้เช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่มีเวรกรรมหนี้แค้นต่อกัน กลับจะเป็นการผูกบุญสัมพันธ์อันดีต่อกันอีกด้วย ทั้งนี้เพราะการจะสำเร็จธรรมถึงขั้น “พุทธะ” ได้นั้นจักต้องผูกบุญสัมพันธ์อันดีกับสรรพสัตว์เป็นฐานบารมีก่อน
ดังนั้น พระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้เปี่ยมด้วยมหาเมตตามหาการุณย์ต่อเวไนยสัตว์ทั้งหลาย จึงทรงตรัสเทศนาสั่งสอนเน้นหนักให้สาธุชนที่มุ่งมั่นปฏิบัติธรรม ต้องเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นการเจริญรอยตามปฏิปทาที่พระองค์ท่านและบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้ บำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่างให้พวกเรายึดถือปฏิบัติมาจวบจนทุกวันนี้

9 สามารถดำรงอยู่ในกระแสเห่งพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
อ้างถึง
ตามกฎแห่งกรรม ผู้ที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบเสพเลือดเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย เมื่อตายไปวิญญาณจะต้องล่วงลงสู่อบายภูมิทั้ง 3 ได้แก่
1.นรกภูมิ 10 ขุมซึ่งแต่ละขุมแต่ละแดนเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณอันแสนสาหัสต่างๆนานา
2.เปรตภูมิ เป็นแดนที่เหล่าวิญญาณบาปต้องได้รับทุกข์ทรมานอยู่กับความหิวโหยตลอดเวลา เพราะเมื่อยามใดที่อาหารเข้าปาก ก็จะลุกไหม้กลายเป็นไฟ ไม่สามารถกลืนลงคอได้เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาตราบเท่าที่จะหมดสิ้นบาปกรรม ที่ทำไว้
3.เดรัจฉานภูมิ เมื่อวิญญาณบาปชด ใช้หนี้เวรบาปกรรม พ้นจากขุมนรกและภพภูมิเปรตแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกเขาฆ่าตายชาติแล้วชาติเล่า จนกว่าจะครบตามจำนวนที่ตนได้เคยเบียดเบียน ทำลายชีวิตผู้อื่น

10 ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่สุคติภพอ้างถึง
ในมหายานสูตรมีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่งพระโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้ทรงเป็นเลิศในทางฤทธิ์แห่งองค์ สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะกำลังเจริญสมาธิภาวะนาอยู่ ณ ริมฝั่งมหาคงคานที ได้ทรงพบเห็นเหล่าภูติเปรตมากมาย
ขณะนั้นผีเปรตตนหนึ่ง ได้เข้ามาหมอบกราบนมัสการพร้อมกับทูลถามท่านว่า “เหตุใดข้าพระองค์ จึงต้องถูกเหล่าสุนัขปีศาจมารุมกัดกินเนื้อ ต่อเมื่อเนื้อถูกแทะกินจนหมดแล้วแค่ลมพัดโชยมากระทบเนื้อกายของข้าพระองค์ก็ กลับงอกสมบูรณ์เป็นปกติดังเดิม และแล้วก็จะถูกเหล่าสุนัขปีศาจ กรู่กันเข้ามากัดกินกันต่อไปอีกเป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน
ข้าพระองค์ได้ทำกรรมอันใดไว้ จึงเป็นเหตุให้ต้องมารับโทษอันแสนจะทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จักจบสิ้นเช่น นี้...พระเจ้าข้า...”
พระโมคคัลลานะพุทธสาวกจึงตรัสชี้แจงแก่เปรตตนนั้นว่า “วิบาก กรรมที่เจ้าได้รับอยู่ในขณะนี้ ก็เนื่องด้วยในอดีตเมื่อครั้งที่เจ้าเป็นมนุษย์ ได้ถูกมิจฉาทิฐิความหลงผิดความไม่รู้จริงเข้าครอบงำจึงชอบเข่นฆ่าชีวิตสัตว์ แล้วนำไปสังเวยฟ้าดิน ถวายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การกระทำเช่นนี้นับเป็นบาปอย่างมหันต์ อกุศลกรรมดังกล่าวเป็นเหตุทำให้เจ้าต้องมารับโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส ดังที่เป็นอยู่นี้”
เราลองมาพิจารณาดูเถิดว่า การที่ต้องไปรับวิบากกรรมเช่นนั้น มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน แต่ถ้าหากยามมีชีวิตเรารู้จักหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ปลดปล่อยชีวิตสัตว์ให้รอดตาย ด้วยการกินเจรักษาศีลไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เราก็ย่อมจะห่างไกลจากทุคติภพ ไม่ต้องไปรับโทษทัณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวในชาติหน้า
ฉะนั้นสาธุชนผู้ที่งดเว้นเนื้อสัตว์ ตั้งใจถือศีลกินเจเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง จิตญาณจะละจากสังขารอาศัยเหตุปัจจัยแห่งกุศลกรรมความดีที่สร้างสมไว้ในขณะ ที่มีชีวิตอยู่ย่อมเป็นเหตุปัจจัยดลบันดาลให้เหล่าทวยเทพเทวา พากันมาแซ่ซ้องรอรับขึ้นสู่แดนบรมสุขเบื้องบน
สมดังพระพุทธวจนะ ที่ว่า
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ปลูกพืชพรรณใดไว้ ย่อมต้องได้รับผลอย่างนั้น”
นี่คือ หลักสัจจธรรมที่เที่ยงแท้แน่นอน
กล่าวโดยสรุป
การจะศึกษาและปฏิบัติธรรมให้ได้สำเร็จลุล่วงผู้บำเพ็ญธรรมจักต้องละเว้นจาก การเสพเลือดเนื้อชีวิตสัตว์โดยสิ้นเชิงพร้อมกับตั้งจิตมุ่งมั่นอนุเคราะห์ ช่วยเหลือเกื้อกูลสรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก มิเช่นนั้นหนทางการบำเพ็ญเพียรสู่ความหลุดพ้นของเราจะต้องถูกขัดขวางจาก บรรดาเจ้ากรรมนายเวรจนไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นไปได้
เป้าหมายของการบำเพ็ญธรรม คือ ได้บรรลุ “อนุตตรสัมโพธิญาณ” อันเป็นการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ต้องเริ่มต้นจากการสะสมคุณงามความดี ประกอบแต่กุศลกรรม
สุดท้ายนี้ขอเชิญบรรดาสาธุชนผู้ใฝ่ใจในการปฏิบัติธรรมจงเริ่มใช้วิจารณญาณ แยกแยะเหตุและผลที่ได้เรียนรู้มาแล้วจนมโนธรรมสำนึกที่แท้จริงปรากฎชัดเจน ออกมาจะได้ดำเนินชีวิตไปบนหนทางที่ถูกต้องดีงามเสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ตัวดิฉันเองก็ขอตั้งจิตอธิฐานทานมังสวิรัติ 10 วัน ช่วงเทศกาลกินเจนี้ ขอให้อานิสงส์ผลบุญเผื่อแพร่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ญาติสนิทมิตรสหาย ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ เจ้ากรรมนายเวร ขอให้ท่านอโหสิ และช่วยให้พ่อลูกหยุดเหล้าด้วยเถิด...

ที่มา : //www.96rangjai.com/board/index.php?topic=2.0


Create Date : 08 ตุลาคม 2553
Last Update : 8 ตุลาคม 2553 12:53:11 น. 36 comments
Counter : 998 Pageviews.

 



แวะเอาขนมมาเสริฟ์หลังอาหารกลางวันจ๊ะ..



โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:13:08:42 น.  

 
แวะมาอนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ ขอให้กุศลผลบุญที่คุณทำช่วยให้คุณมีความสุขสบายผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปด้วยดีนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:13:33:09 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ

กินเจ .. ดี.ก็อยากทำนะคะ
แต่การดำเนินชีวิตไม่เอื้อเลย
แต่ถ้ามีโอกาส .. บางมื้อ
ดี.ยังพอทำได้บ้างค่ะ


โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:6:11:35 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ

ผมไม่ค่อยเห็นหมิงหมิงเดินเลยครับ
หนักไปทางวิ่งซะเป็นส่วนใหญ่ครับ 555









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:6:38:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ดีจังเลย ค่ะ เข้ากับเทศกาลกินเจพอดี

แฟนหายปวดฟันหรือยังคะ

แม่หมูเพิ่ง Up Blog ว่างๆก็เชิญไปเยี่ยมนะคะ



โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:8:36:48 น.  

 
อนุโมทนากับจิตที่คิดในทางดี ในเทศกาลกินเจ นี้ด้วยนะคะ
ป้าแอ๊ดอยากจะทำ แต่คนรอบข้างยังรับประทานเป้นปกติอยู่
ก็เลยขอแค่ อยู่ในศีล 5 ก็พอแล้วค่ะ



โดย: addsiripun วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:10:47:56 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณ tonkra 49 เพิ่งว่างเข้าเน็ตค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมแต่เช้า พอดีวันเสาร์-อาทิตย์มีภาระกิจต้องไปรับใช้หลวงพ่อที่วัดค่ะ กลับก็เย็นมากแล้ว วันนี้คงดีขึ้นทุกอย่างแล้วนะคะ ขอให้มีความสุขนะคะบุญกุศลที่คุณทานเจจะช่วยคุณได้ค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:19:02:52 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ
ดี.มารับไป ..
มองเรา .. มองโลกค่ะ


โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:4:49:41 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:5:21:46 น.  

 
รูปสวย glitter emoticon comment glitter.mthai.com

สวัสดียามเช้าค่ะคุณต้นกล้า


โดย: เรือนเรไร วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:8:24:19 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ กินเจเหมือนกันค่ะ
แวะมาทักทาย ขอให้มีความสุขนะค่ะ:))


โดย: ดับเบิ้ลเจ วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:9:56:42 น.  

 

ขออนุญาต add เป็นเพื่อนนะคะ


โดย: kru.ang วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:9:59:46 น.  

 
ผมก้กินเจทุกปีคราฟฟ ตัวเบาดี สุขภาพดีคราฟฟ
แวะมาส่งเข้านอนคราฟฟ


พระจันทร์สัญจร


โดย: พระจันทร์สัญจร วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:23:34:24 น.  

 
(โคลงสองปูบ้า)

ดึกดื่นดาวกระพริบล้อม...............เวหา
หรีดหริ่งเรไรเพรียก.....................เร่งร้อง
ใบไม้ร่วงลงมา..............................เรียงทั่ว ถนนแล
แล้วเมฆก็หล่นพร้อง.....................แผดด้วยเสียงดัง

คีตาหลั่งพร้อมปล่อย.....................ดอกฝน
เสียงม่านส่ายแว่ววน......................เสนาะพริ้ง
กล่อมหล้าหล่อสดับดล...................ดังทิพย์ วิมานเอย
ไม้ดอกซ่านกลิ่นทิ้ง.........................ทั่วหล้ายาวเรียง

เสียงน้ำประสานแทรกซ้อน...............คลอเพลง
ชื่นกล่อมราตรีหลับ.........................ท่ามเคลิ้ม
ลมโบยโบกดุจบรรเลง......................เข้าช่วย
หนาวลอบทำสั่นเทิ้ม........................รีบคว้าผ้าผวย

รวยรินถวิลสร้างสุข..........................แด่มิตร
ทุกใฝ่ทุกหวังเป็น..............................ดั่งห้อม
ให้หลับอย่างวิจิตร............................ถนัดฝ่าย เพลินนา
สุขร่วมรวยเข้าล้อม...........................กระทั่งหน้าจรดหลัง

ฝันดีค่ะพี่



โดย: ญามี่ วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:1:01:44 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ
วันนี้ดี.มารับไปคลายโลกร้อน .. ด้วยธรรมะนะคะ


โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:4:33:23 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:6:02:41 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดีใจด้วยนะคะ กับผลของการกินเจทำให้คุณมีความสุขและคุณพ่อคุณดีขึ้น ขอให้มีความสุขมากยิ่งขึ้นตลอดไปนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:6:39:11 น.  

 
วิสสาส ปรมา ญาติ

ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง

มีความสุขกับความคุ้นเคยในทุกสิ่งรอบตัวเรา ตลอดไป..นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:14:16:27 น.  

 
แวะมาทักทายวันจันทร์ค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ฟ้าใสใจกระจก วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:16:09:52 น.  

 


โอ้ย วันหยุดผ่านไปเร็วจัง พักผ่อนกันเต็มที่กันรึยังจร๊า~*



โดย: ป้าโบราณ วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:19:43:25 น.  

 
แวะมาทักทายและส่งข่าว

ช่วงนิยุ่งๆ กับการจะย้ายกลับไปอยู่บ้าน พ่อกับแม่


เลยไม่มีเวลาเข้ามาแวะหาเพื่อนๆ เลย

มาฝากบ้านไว้ก่อน มีเวลาเข้าไปเยี่ยมกันบ้างนะ


ไว้เสร็จภาระกิจ แล้วจะกับมานะคะ

ของทุกคนจงมีแต่ความสุข


โดย: บ้าน-หวาน-หวาน (kwan_chat ) วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:22:09:46 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:7:07:39 น.  

 
สวัสดีค่ะแวะมาเยี่ยมค่ะ กินเจได้กี่วันแล้วคะ สบายใจขึ้นแล้วนะคะ น้องต้นกล้าหายดีแล้วยังคะ คุณพ่อคงดีขึ้นแล้วนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:8:59:51 น.  

 
แวะมาเยี่ยมยามดึกค่ะ

วันนี้ ดู วนิดา รึเปล่าคะ..

ปิดเทอมต้นกล้า เรียนพิเศษมั๊ยคะ


โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:21:50:53 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:5:45:24 น.  

 







สวัสดียามเช้าค่ะ :)









โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:6:26:11 น.  

 



ทักทายกันในวันพุธจ้า..



โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:11:03:49 น.  

 
ตั้งใจว่าปีนี้จะทานเจ เสียดายลืมซะได้ ปีหน้าเอาใหม่ค่ะ


โดย: ชมชล วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:14:58:02 น.  

 
แวะมาทักทายกันค่ะ

ไปเยี่ยมชมสินค้ามาใหม่ค่ะ

//www.weloveshopping.com/template/a07/shop.php?shopid=230268

คุณแม่ลูกสอง


โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:19:50:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมก่อนนอนค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:22:29:36 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:7:03:16 น.  

 


แวะทักทายวันฟ้าครึ้ม สบายดีกันนะค่ะ ช่วงนี้ป้างานเข้า ไม่ได้แตะคอมเลย งิงิ~*



โดย: ป้าโบราณ วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:12:16:11 น.  

 
อรติ โลกนาสิกา
ความอิจฉาริษยา ทำให้โลกเสื่อม



ระยะนี้ เดินสาย..ตา..หลอด..ค่ะ
เดินสาย..หาหมอ+ทำฟัน
เดินสาย...เรื่องงานแต่งลูกสาว

แต่ก็ยังคิดถึงกันอยู่เสมอ..นะคะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:12:25:10 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

กินเจเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่เอาข้อมูลดีๆ มาฝากนะคะ


โดย: แม่ออมบุญ วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:15:47:09 น.  

 



แวะเอไอติมมาฝากจ้า



โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:15:49:35 น.  

 
วันนี้ มอบดอกไม้ ผลไม้ แถมฝนตกข้างหน้าต่าง ให้ดูก่อนเข้านอน นะคะ



โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:22:16:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ต้นกล้าต้นนี้
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่แตนกับต้นกล้า ยินดีต้อนรับค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ต้นกล้าต้นนี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.