นอนเร็วต้องตื่นเช้ากลับไฟล์ทเช้ามาก ไม่เคยกลับแบบนี้ เช็คจาก hyperdia
รถไฟรอบแรกตีห้าครึ่ง วางแผนจากสถานีที่พัก Sengakuji ไปสถานี Shinagawa แล้วไปต่อที่สถานี Nippori ไปสนามบิน เมื่อวานเราไปจองที่นั่งล่วงหน้ากับ keisei skyliner แล้วที่สถานีนี้แล้ว
อ้าว บัตร suica มีปัญหาซะแล้ว คงเพราะเมื่อวาน เราใช้เข้าสถานี Nippori แล้วตอนออกไม่ได้แตะ เพราะ จนท. Keisei เขาเปิดให้เราออก โดยไม่ได้แตะบัตร เหมือนยังไม่ครบวงจร เลยใช้ไม่ได้
เราก็เลยใช้หยอดเหรียญเอา ดีนะเผื่อเวลาเดินทางไว้
ลงมาที่สถานี มีคนมารอบ้าง เจอวัยรุ่นกลุ่มนึง ได้ยินเสียงเป็นคนไทย เราก็ว่า เอ้อ เก่งอ่ะ วัยรุ่น แต่มาเที่ยวกันเอง ท่าทางเหมือนยังไม่ได้นอน ง่วงๆ กันทุกคน ถ้าเทียบแล้ว เวลาตี 5 ก็เท่ากับตี 3 มันก็น่าง่วงอ่ะ
เด็กๆ วัยรุ่น เดินมาหาเราถามทางที่จะไปสนามบิน ไฟล์ทเดียวกัน ที่เด็กๆ เขารู้ว่าเราเป็นคนไทย เพราะเราใส่เสื้อ Bangkok เราก็ให้มากับเรา เพราะเราก็ไป แต่เด็กๆ ยังไม่ได้จองตั๋วรถไฟจาก Nippori ไปสนามบิน
รถไฟเที่ยวแรกมาแล้ว ไปลงสถานี Shinagawa เดิมทีเรากะว่าจะเดินจากที่พักไปสถานี Sengakuji ไป Shinagawa แต่ก่อนหน้านี้เราลองเดินดูแล้ว ไกลพอควรประมาณ 10 นาที มีกระเป๋าด้วย เราว่าโหดไป ก็เลยนั่งรถไฟดีกว่า
เรามีเวลาไม่นานมากที่จะไปต่อรถไฟ มีเวลาเพียงเสี้ยว เราต้องหยอดเงินซื้อตั๋วที่ตู้ ยอมรับว่ามือสั่นมาก คือ มันพลาดแทบจะไม่ได้ กลัวจะไม่ทัน ส่วนเด็กๆ ก็วุ่นวายเช่นกัน บางคนใช้บัตร suica ได้ บางคนไม่ได้ ก็วิ่งซื้อตั๋วกันจ้าล่ะหวั่น
ดีที่ว่ารถไฟมาช้า ไม่ได้มาตามเวลาที่กังวล รู้ว่าสายเพราะว่าเขาแจ้งระหว่างรอว่ารถไฟเข้าชานชาลาสาย พอเข้าไป เพื่อความแน่ใจ เราถามคนญี่ปุ่นก่อนว่ารถไฟนี้ไปสถานี Nippori ได้มั๊ย (เพราะเราเคยนั่งรถไฟผิดผั่งมาแล้ว) เขาบอกว่าได้ เขาลงก่อนเรา ก่อนที่เขาจะออกจากรถไฟ เขายังมาอวยพรเราให้เดินทางปลอดภัย
สถานี Nippori สำหรับเราว่าดีกว่าไปต่อรถไฟที่สถานี Ueno นะ เพราะสถานี Nippori เป็นสถานีเล็กๆ พอออกจากรถไฟปุ๊ปจะมีสติ๊กเกอร์ติดที่บันไดเลยว่าเดินไปทางนี้ไปต่อรถไฟ Keisei ได้ มันง่ายมาก และใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงสถานีที่จะไปต่อรถไฟ Keisei ส่วนเด็กๆ วัยรุ่น ก็ซื้อตั๋วกัน
เราเห็นว่าจากจุดนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ เพราะจากสถานีนี้ก็ยาวไปถึงสนามบินแล้ว เด็กๆ ก็คงไม่มีปัญหา เราก็เลยปล่อย
ไปเจอกันอีกที่สนามบิน มาทันบางส่วน ที่เหลือมารถไฟรอบถัดไป แต่เช็คเวลาแล้วยังทันไม่ตกเครื่องแน่นอน
เราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว พริ้นท์เอกสารจากเมืองไทย สามารถเข้าเช็คอินตรง business ได้เลย ใช้เวลาไม่นานก็โหลดกระเป๋าเสร็จ ตอนชั่งเราลุ้นมาก เพราะกลัวน้ำหนักเกิน เราซื้อไว้แค่ 25 kg คือ เราไม่สามารถซื้อเพิ่มได้อีก ก่อนเดินทาง เราก็ทำใจแล้วว่าช่างมัน ถ้ามันเกินก็จ่ายตรงนี้แหละ แต่พอชั่งแล้วยังเหลือๆ ถอนหายใจเฮือกมาก ณ ตอนนั้น
เดินเข้าไปด้านในต้องนั่งรอเกทก่อน เพราะเปิดเร็วสุด 7.30 หรือ 7.45 น. เกทที่เปิดเร็วจะมีคนไปนั่งรอเยอะๆ เราถาม จนท.ในสนามบิน เราก็เดินไป เกทเปิดก่อนคนจะรอเยอะสังเกตจากจุดนี้ก็ได้
ด้านในร้านค้าเปิด 8 โมง เราก็นั่งรอ ทำอะไรไปก่อน ร้านค้าด้านในก็มีสินค้าเยอะ เครื่องสำอางค์ น้ำหอม สกินแคร์ด้านในก็มี มีหลายจุด เลือกได้ตามสะดวกเลย ขนมด้านนอกหมด เดินไปด้านในบางร้านก็ยังมีขาย ราคาเท่ากัน
เลือกซื้อขนม เยอะมากหลายถุง เพราะมา 2 ครั้ง ตอนซื้อว่าเยอะ แต่พอเข้าบ้าน อ้าว ทำไมมันน้อยจุง คราวนี้ ซื้อเยอะมากขึ้น ได้ขนมตามต้องการ ไม่ได้ช็อปอย่างอื่นเลย ขนมมากมาย
จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง คนเต็มเครื่อง เรานึกว่าเขาจะแจกอาหารที่สั่งช่วงเช้า เลยไม่ได้กินจากสนามบินทั้งที่เวลาเหลือเยอะ เศร้าแพร้บ รอไป เขาแจกตอนเที่ยง ระหว่างรอก็หลับไปยาวๆ
มีคนจะมาสั่งบนเครื่อง เราว่าไม่ควรนะ สั่งก่อนดีกว่าเพราะบนเครื่องเขาเตรียมอาหารมาไว้ขายน้อยมาก เห็นหลายๆ คนสั่งไม่ได้เลย ต้องยอมกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เราไม่รู้ว่าเป็นกลยุทธ์สายการบินรึเปล่านะ คือ บะหมี่ฯ อ่ะ มันเก็บได้นาน แต่อาหารสด หากทำมาแล้ว ขายไม่ออก อายุมันสั้นมาก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเตรียมมาน้อย แต่อาหารที่สั่งก็ใช่ว่าจะอร่อยนะ กินกันตายได้ แต่ไม่อร่อยนัก
เดินทางถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัย พร้อมก้บกองขนม รอบนี้ไม่ได้แจกใครมาก เพราะเพิ่งแจกไปเมื่อคราวที่ผ่านมา
จบทริปเจแปนครั้งที่ 3 คนเดียว สนุก ตื่นเต้น ประทับใจ
ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปอีกเมื่อไหร่ เป็นประเทศที่ปลอดภัย แต่ก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ประมาท
