จิงโจ้ กระโดดกันย๋องๆ เดินมาถ่ายรูปตอนขากลับ ตอนแรก กระโดดย๋องๆ หนีเข้าไปข้างไหน
ก่อนมาถึงจิงโจ้ ไปดูอย่างอื่นกันด้วย แต่เขาห้ามถ่ายรูป แล้วก็มีจุดนึง ลูกไม่กล้าเข้า เพราะไม่มีคนเข้า ส่วนอีกจุดน่าจะมีจระเข้ ก็ไม่กล้าเข้า
นั่งโมโนเรลกลับไปที่จุดเดิม ตะแรกไม่มีเศษตังค์กัน เดินไปเดินมา เจอร้านขายของว่าง ลูกชายสอย hotdog มากิน ได้ตังค์ค่ารถกันแล้ว
มานั่งพักให้ลูกชายกินอะไรให้เรียบร้อย เห็นคุณครูพาเด็กน้อยๆ มาทำกิจกรรมดูสัตว์กันที่สวนสัตว์ พี่ๆ มัธยมก็มากันนะ มากันเป็นกลุ่ม ดูเขาสนุกสนานกันดี
ระหว่างเดินออกจากสวน Ueno ยังฉ่ำๆ ชื้นๆ ฝนตกเมื่อคืน
ดอกไม้ระหว่างทางออก
หมดรูปแล้วล่ะ
พอออกมาแล้วก็กินกลางวันกันร้านเดิม ลูกชายไม่ยอมเปลี่ยน ส่วนเราเหรอ หึ หึ กินป๊อปคอร์นที่เหลือจาก Disney Sea เมื่อวาน มันก็จะชืดๆ นิ่มๆ แล้วล่ะ แต่จะทิ้งก็เสียดายตังค์ เอาฟ่ะ นั่งกินไป ก็หมดนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไปเดินดูของกันค่ะ
เสร็จแล้วข้ามฝั่งไป เพิ่งรู้ว่าห้างตรงกันข้าม คือ Yodobashi ตู้หมุนยาวเป็นแนว มีรึจะรอดลูกชายเรา หมุนไปจ้า
ดูผังแล้ว เราชวนไปดูของเล่นในห้าง ยังพอมีเวลา ลูกชายอยากได้ nintendo รุ่นเก่า แต่ไปถาม พนง. เขาบอกว่าไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ราคาน่าโดนมากเลยอ่ะ 6 พันกว่าบาท (พอเรากลับมา มีวันนึงไปเซ็นฯ ลาดฯ ร้านเกมฯ ด้านนอก ไปถามราคาเขาบอก 8 พันกว่าบาท ไปดูที่พารากอนหมื่นสองนิดๆ โอ๊ว รอไปก่อนล่ะกันลูกเอ๊ย)
ปลอบใจกันไปด้วยเลโก้ เช็คราคาแล้ว เอ้ย ถูกกว่าเมืองไทย ขนาดกล่องพอจัดการเอาลงกระเป๋าได้ ยังมีที่ให้ใส่ของได้อีก ตะแรก อยากได้กล่องใหญ่กว่านี้ เราบอกไม่ได้ ถ้าจะใหญ่เบอร์นี้ ต้องมีเวลาในการแยกส่วนกล่องที่มากกว่าพับกล่องเฟ้ย ลูกเราก็เลยยอมเอากล่องย่อมๆ มา ราคาถูกกว่าบ้านเรานะ
ต้องเอาของให้ก่อน เพราะจะเดินไปตึก Takeya จิ้ม google map จากมือถือเลย เดินจากตรงจุดตรงข้ามสวน Ueno ไปพอควร เกือบ 10 นาทีได้ ก็พากันเดินไปแหละ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตึก Takeya และตลาด Ameyoko
มาถึงแล้ว เดินผ่านตลาด Ameyoko แต่ลูกชายเราเฉยๆ นะ ไม่ได้ว้าวอะไร เราก็เฉยๆ นะ แต่หลายๆ คนน่าจะชอบ
ของขายเยอะมาก เดินกันไปได้ยาวๆ เลยอ่ะ ร้านค้าสารพัดมากมาย เยอะมาก เราว่าใช้เวลาเดินได้เป็นวันๆ เลยล่ะกับที่นี่ คงได้ของกันเยอะแยะเลยล่ะ
ถึงตึกกันแล้ว เราได้ของที่ต้องการแล้ว เช็ดเครื่องสำอาง ถูกกว่าบ้านเราพอควร ได้แค่เนี้ยะแหละ เดินมาตั้งไกล วันที่เราไป Shibuya เราหาไม่เจอ เดินวนอยู่สองร้านก็ไม่เจอ มาเจอที่ตึกนี้
ที่ตึกนี้ มิน่าถึงเป็นที่ชื่นชอบนักช๊อป ของเยอะจริงๆ เยอะมากด้วย
ถ้าว่างๆ ก็ไปกันได้ เดินเล่นๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดินทางไปสนามบินกัน
ได้ของแล้ว เราก็พากันเดินกลับไปที่สถานีตรงจุดของ Keisei ไปนั่งรถพักเมื่อยขากัน ก็นานอยู่แหละ มีเวลาได้จัดกระเป๋าอีกครั้งเอาของลง
ได้เวลารถไฟมาตรงเวลาเป๊ะ เราชอบไป Skyliner เร็วดี แต่ราคาก็สูง เหมือนเราซื้อเวลาแหละ นั่งไป 40 นาที ถึงสนามบิน Airasia X อยู่ Terminal 2
เจอตู้หมุนอีกแล้ว เสร็จลูกเราตามเคย
เราไม่เคยเข้าทางนี้ กว่าจะหาทางไป Check-in ก็ถาม จนท. ดูป้าย ก็เจอแหละ เกทยังไม่เปิด ลูกเรานั่งเล่นเกมส์ เราไปเดินเล่นดูร้านค้าด้านบน ไม่ได้ซื้ออะไร ค่อยไปซื้อด้านใน
กลับมานั่งซักพัก อ้าว เกทเปิดแล้วนิ ตะแรกว่าจะไปซื้อเครื่องดื่มมาจิบเบาๆ อ้าว เปิดแล้วก็ไปกันเล้ย
เคาน์เตอร์ N ของ AirAsiaX จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ของสายการบินอื่นๆ เข้าไปแล้ว พนง. กำลังเตรียมโน่นนี่นั่น ก็ซักพัก เราก็งงๆ ว่าเรามาต่อแถวผิดหรือเปล่า เพราะปกติเราก็มาต่อแถวนี้ คือ แถวที่เขาเขียนว่า Check-in online + Business class ทีนี้เลยไม่กล้ามีใครมาต่อเลย แต่ก่อนหน้านี้เราก็มาต่อแถวนี้ตลอดนะ พนง. ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
ก็ใช่ซิ แกมาต่อขนาดนี้ เขาจะกล้าว่าแกรึ เอ้ย แต่เราดูป้ายก็ว่าเราต่อคิวถูกนะ
อีกแถวต่อกันยาวเชียว เราก็ อ๊ะ ลองดู ถ้าผิด เขาก็บอกเราเอง
ได้เวลาแล้ว แหะๆ ขากลับเราซื้อน้ำหนัก 25 โล แต่พอชั่ง 2 ใบน้ำหนักเกินมา 2 ขีด เราซื้อน้ำหนักเฉพาะชื่อเรา ไม่ได้ซื้อให้ลูก ก็เอาฟ่ะ จ่ายก็จ่าย แต่ พนง.ใจดีปล่อยเรา 2 ขีด เฮ้อ โล่งเบย ขอบคุณ พนง. หลายๆ
เสร็จแล้วก็ไปต่อกัน เข้าไปด้านในตามปกติ ตรวจตามขั้นตอน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Shop shop @ สนามบินกัน
ลุยซื้อขนมกัน ตรงจุดแรกนี้ คนต่อคิวเยอะมากๆๆๆๆ เราให้ลูกเราไปเลือกก่อน ได้แล้วเราก็ไปเลือกต่อ ต่อคิวยาวๆ กันไป คนเยอะมากๆ
เสร็จแล้วเข้าไปด้านใน เจอร้านค้าอีกนะ ถ้าไม่อยากต่อคิวที่ร้านแรก เข้าไปด้านในก็ยังมีนะ หรือว่าถ้าไปแล้ว ก็ยังมีเวลาเหลือที่จะเดินกลับมาที่ร้านแรกได้ทัน และคนก็ไม่น่าจะเยอะแล้วนะ เพราะขนาดเรา ต่อคิวที่ร้านแรกซักพัก ไปร้านด้านใน กินข้าว ก็ยังมีเวลาเหลือบานเลยอ่ะ เรายังอยากเดินกลับมาช็อปปิ้งเลย 555
ซื้อเสร็จก็ไปนั่งกินข้าวกันก่อน มีเวลาเหลือเฝือเป็นชั่วโมงๆ เลยนะ สอยน้ำแร่เอเวียงขวดใหญ่มา ถูกมาก 140 เยนรูปมิกกี้เม้าส์ด้วย มีทุกตัวเลย รู้งี้สอยมาทุกตัวก็ดี มาคิดอะไรได้ตอนนี้ สายไปแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขึ้นเครื่องแล้ว Quiet Zone เงียบเจงๆ
ขากลับเราเลือกโซนเงียบ เพราะวันที่เราจอง โซนปกติไม่ได้นั่งริมหน้าต่างแล้ว ลูกเราเห็นว่าตรงนี้ยังว่างก็เลยได้มาตรงนี้ แต่จะแพงกว่าปกติ 100 บาท คือ 500 บาทต่อที่นั่ง
โซนนี้เงียบจริง คนไม่เต็มด้วย แต่เวลาขึ้นเครื่องเขาจะให้ขึ้นทีหลัง แต่ตอนลงจะได้ลงก่อน
เครื่องได้ระดับ พนง.แจกอาหาร เราก็กินให้อิ่ม หลับสบายๆ ยาวๆ มาถึงเมืองไทยตอนเที่ยงคืนกว่าๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้กลับเมืองไทยกันแล้ว
ลูกเราจะมีปัญหาขากลับ จะสแกนนิ้วไม่เคยได้เลย ต้องไปทำขั้นตอนปกติ จะใช้เวลานิดนึง
ไปรอกระเป๋านานมาก ผดส. เยอะมากๆ ด้วย หลายสายการบิน พอจะผ่านด่านศุลกากรเพื่อออกมา มี ผดส. จำนวนมาก พนง.ที่ด่านขอให้สแกนกระเป๋าใบกลาง-ใหญ่กันทุกคน ส่วนใครกระเป๋าใบเล็กเขาให้เดินออกอีกช่องไปเลย ของเราก็ถูกสแกน (กระเป๋าเราขนาดกลาง) แต่ไม่มีอะไร สแกนเสร็จก็ออกไปตามปกติ
ก่อนหน้านี้เราเดินทางมา 2 ครั้ง ผดส.ไม่เยอะ ไม่เคยถูกสแกนนะ เพิ่งมาครั้งนี้ ผดส.เยอะจริงๆ ลงมาพร้อมๆ กันหลายสายการบิน ถูกสแกน เปิดกระเป๋ากันหลายใบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เข้าบ้านกันแล้ว หลับต่อดีกว่า
ถึงบ้าน อาบน้ำ นอนแพร้บเดียว เช้าแล้วไปทำงาน ง่วงมากมาย ง่วงที่สุด แต่ต้องไปทำงาน ส่วนลูกเราก็นอนไปยาวๆ โรงเรียนยังไม่เปิดเทอม
เป็นการเดินทางที่น่าประท้บใจอีกครั้ง
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน ถ้าหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวอีกจะมาเขียนบันทึกให้อ่านกันอีกนะ
เอ้อ เราเข้าใจแหละ ภาระของคนที่ไปแล้วมีคนฝากซื้อของ พอเห็นร้านค้าก็ต้องเดินเข้าไปถามให้เขา เอารูปให้ดู ยิ่งถ้าหาไม่เจอ ยิ่งกังวล เราแหละกังวลไปเอง
ก็ต่อไป ไปเที่ยวเราว่าไม่ต้องรับฝากอะไรนะ เพราะเป็นภาระจริงๆ
บ้าย บาย