<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
22 มีนาคม 2551

ติดแกส LPG แรงขึ้น หรือ แรงลง !!!???

ยกมาจากกระทู้
//www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6399082/V6399082.html

คำถามนี้อาจจะแปลกสำหรับหลายๆท่าน
แต่ไม่แปลกสำหรับพวกผม เพราะพวกผมที่ติดแกส
ก็หวังในใจว่ามันจะแรงขึ้นจากเดิมไปอีกนิด
ที่หวังว่าแรงขึ้นก็ไม่ใช่เพราะค่า Octane
แต่หวังแรงขึ้นจากการจูนตารางฉีดเชื้อเพลิง

โครงงานนี้ผมตั้งใจเก็บผลเอาไว้มานาน
วันนี้ผมว่าพอได้ข้อสรุปแล้วจึงเอามาเผยแพร่ให้ชมกัน
เวลาตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลจนถึงสรุป ก็กินเวลาถึง 3 เดือนครึ่งเลยทีเดียว

ก่อนอื่นต้องเข้าใจกติกาทดสอบของผมก่อน
เพราะผมไม่มีเครื่องไดโนส่วนตัว และก็คงไม่ทุ่มทุนหลายๆหมื่นเพื่อขึ้นไดโนวัดแรงม้า
ที่ทำได้จึงแค่ จับเวลาวิ่งจริงบนถนน
ตัวแปรที่ทำให้ตัวเลขที่ได้ ก็จะได้แก่ ความร้อน ความชื้น กระแสลม เชื่อเพลิง
และที่ส่งผลมากก็คือ อาการสะดุดตอนเริ่มเร่ง
ส่วนเรื่องการกดนาฬิกาจับเวลานั้น ผมลองทดสอบกับตัวเอง
ก็พบว่ามีค่าความคาดเคลื่อนอยู่ไม่เกิน 0.1S หรือ +/- 0.5S

การวัดก็ได้ใช้ถนนที่ไม่มีใครเขาใช้กันเส้นหนึ่ง
จับเวลาวิ่งเกียร์2 จาก 2000-7000rpm (30-100km)
ที่วัดแค่นี้ก็เพื่อตัดปัญหาเรื่องการเปลี่ยนเกียร์
ช่วงรอบเครื่อง 2000-7000rpm ก็น่าจะเพียบพอ
ที่จะใช้ครอบคลุมการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งหมดได้
เครื่องตัวนี้ มีขีดแดงอยู่ที่ 6800rpm


ขั้นที่ 1
จับเวลาก่อนติดแกส

รอบ1 8.16 S
รอบ2 8.11 S
รอบ3 8.09 S
รอบ4 8.00 S
รอบ5 8.09 S
เฉลี่ย 8.08 S


ขั้นที่ 2
จับเวลาหลังติดแกส
ตอนนี้รถจะมีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากมีถังแกสมาถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ตารางจูนได้มีแก้ไขเล็กน้อยจากของเดิมที่ร้านติดตั้งได้จูนเอาไว้
ในการจับเวลาจะเปรียบเทียบ ระหว่างตอนที่ใช้น้ำมันกับแกส

น้ำมัน
รอบ1 8.34 S
รอบ2 8.13 S
รอบ3 8.32 S
รอบ4 7.99 S
เฉลี่ย 8.20 S

แกส
รอบ1 8.41 S
รอบ2 8.45 S
รอบ3 8.38 S
รอบ4 8.41 S
เฉลี่ย 8.41 S


ขั้นที่ 3
reset กล่องใหม่
เนื่องจากมีความรู้สึกว่าหลังจากใช้มาสักพัก รถมีอาการอืดลง

น้ำมัน
รอบ1 8.13 S
รอบ2 8.01 S
รอบ3 8.18 S
เฉลี่ย 8.11 S

แกส
รอบ1 8.26 S
รอบ2 8.21 S
รอบ3 8.21 S
เฉลี่ย 8.23 S


ขั้นที่ 4
หลังจากขั้นที่ 3 แล้ว ก็มีการจูนแก้ไขอยู่เรื่อยๆ
เนื่องจากหลังจากติดตั้งมาได้สักพัก ตารางจูนที่เคยจูนไว้พอดี
มันก็จะกลายเป็นบางลงไปเรื่อยๆ ต้องมาคอยจูนเพิ่มเพื่อให้มันพอดี
สาเหตุตรงนี้ยังหาเหตุผลแบบเจาะจงไปที่ตัวอุปกรณ์ใดยังไม่ได้
จึงขอเหมาสรุปว่าเป็นเพราะยังอยู่ในช่วง run in อยู่
หลังจากตารางจูนที่จูนไว้ ไม่มีการขยับอีกแล้ว
จึงมาเริ่มขั้นตอนใหม่ ที่เรียกว่า การดันไฟ
ก่อนหน้านี้ได้ตั้งไฟเอาไว้ให้แก่สุดที่ยังใช้ RON95 แล้วยังไม่น็อค
แต่ทุกท่านๆคงรู้กันดีกว่า LPG มีค่า RON สูงประมาณ 105
ดังนั้นจึงต้องดันไฟเพิ่มเพื่อรับกับค่า RON ที่สูงขึ้นด้วย

คราวนี้จะจับเวลาแกสอย่างเดียว เนื่องจากต้องการหวังผลเรื่องแกสอย่างเดียว
และเมื่อตั้งไฟเพิ่มขึ้น ก็ไม่สามารถกดคันเร่งได้เต็มที่เมื่อตอนที่ใช้น้ำมันได้อีกแล้ว
เพราะว่าเครื่องจะน็อค

ก่อนตั้งไฟ
รอบ1 8.53 S
รอบ2 8.34 S
รอบ3 8.38 S
เฉลี่ย 8.42 S

ตั้งไฟแก่เพิ่มจนได้จุดที่ดีที่สุด
รอบ1 8.52 S
รอบ2 8.19 S
รอบ3 8.38 S
รอบ4 8.54 S
รอบ5 8.28 S
เฉลี่ย 8.38 S


ขั้นที่ 5
ใช้บริการ Tuner จูนด้วย O2 Wide Band
เพื่อให้ได้ค่า Lamda ที่สวยที่สุด

รอบ1 8.35 S
รอบ2 8.27 S
รอบ3 8.45 S
รอบ4 8.42 S
เฉลี่ย 8.37 S


ขั้นที่ 6
หลังจากจูนด้วย O2 Wide Band แล้ว
ก็ยังเกิดอาการคันไม้คันมืออีก
เลยต้องขอจูนแก้ไขในช่วงรอบต่ำ เนื่องจากมีความรู้สึกว่าน่าจะต้องแก้

ของเดิมตามที่ Tuner จูนเอาไว้ ก่อนจูนแก้ไขใหม่
รอบ1 8.26 S
รอบ2 8.31 S
รอบ3 8.40 S
รอบ4 8.44 S
เฉลี่ย 8.35 S

จูนแก้ไข open loop ช่วงรอบต่ำกว่า 4500 ตามสไตล์ชาวบางวัว
ย่านรอบสูงยังคงใช้ของเดิมที่ Tuner จูนเอาไว้
รอบ1 8.13 S
รอบ2 8.26 S
รอบ3 8.06 S
เฉลี่ย 8.15 S


สรุปจากเวลาสุดท้ายล่าสุด
ถ้าจับเอาไปเทียบดื้อๆกับตัวเลขของน้ำมันที่วิ่งได้ตอนก่อนติดแกส
ก็ยังคงยังด้อยกว่า 0.07 S
ถ้าเทียบกับตอนที่หลังติดแกส ก็ยังคงด้อยกว่า 0.04 S
สำหรับผม ผมว่ามันถือว่าแทบไม่ต่าง เพราะว่ามันต่างกันน้อยมาก
ส่วนจากความรู้สึก โดยไม่ได้ใช้ไดโนวัด
ตอนที่ใช้แกส ช่วงรอบต่ำๆ เช่นตอนที่เริ่มเร่ง ยังทำได้ไม่ดีเท่าน้ำมัน
ถ้ากดเบาๆจะต้องรออยู่นิดนึง ถ้ากระแทกจมก็จะมีอาการสะดุดที่รุนแรงกว่า
แต่ในช่วงรอบสูงเกิน 4000rpm เรี่ยวแรงที่ได้จะไหลลื่นดีกว่า
อีกเรื่องนึงสำหรับแกส LPG ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน
แต่เป็นเรื่องที่พวกผมเจอกันก็คือ เรื่องความยืดหยุ่นของกำลังที่ได้
ตอนที่ใช้ LPG กำลังสำรองมันไม่ดีเหมือนน้ำมัน
ถ้ามีอะไรไปขัดขวางแรงของมัน มันจะมีแรงฮึดสู้น้อยกว่าน้ำมัน

อีกเรื่องที่ทำให้รถคันนี้ติดแกสแล้วไปไม่ได้ถึงที่หวังไว้
ก็เป็นเพราะกล่องเดิมของโรงงาน ได้จูนน้ำมันมาเอาไว้ค่อนข้างดี
ไม่ได้ท่วมน้ำมันหนาเพื่อตอนแรงเอาไว้เหมือนรถอีกหลายๆรุ่น
ตรงนี้ผมไม่ได้พูดเองลอยๆ แต่ Tuner คนที่มาจูนให้
เขาขอเช็คโปรแกรมเดิมของน้ำมันเพื่อดูค่า Lamda เอาไว้ด้วย
แต่ถ้าเป็นรถที่ได้โปรแกรมท่วมน้ำมันตอนแรงเอาไว้
ก็จะมีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้ตามที่หวัง



====================



ความคิดเห็นที่ 15

จขกท ช่างขยันจริงๆ ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ยินดีด้วย
สงสัยจะชอบงานวิจัยเป็นแน่

***
แต่เป็นเรื่องที่พวกผมเจอกันก็คือ เรื่องความยืดหยุ่นของกำลังที่ได้
ตอนที่ใช้ LPG กำลังสำรองมันไม่ดีเหมือนน้ำมัน
ถ้ามีอะไรไปขัดขวางแรงของมัน มันจะมีแรงฮึดสู้น้อยกว่าน้ำมัน
>>>>>>>>

พอขับช้าลงจวนจะหยุด แทนที่จะใช้เกียร์ 2 หรือ 3 ไปต่อได้ ก็ต้องลงเกียร์ต่ำอีกเกียร์ ใช่ไหม ?

อาการนี้เกิดจากความเร็วไอดีลด แรงดูดแก็สก็ไม่ดี
ผมแก้โดยลดขนาดรู mixer ให้เล็กลงช่วยได้มาก

ที่กดคันเร่งเร็วๆแล้ว รถมีอาการรีรอ
ผมใช้ตัวช่วยฉีดแก็สเพิ่ม ทำนองเดียวกับ "ปั้มเร่ง" ของคาร์บู

การ on/off ของหัวฉีดตัวนี้ ใช้ vacuum ในท่อไอดี
vacuum ทำงานไวมาก
พอขยับลิ้นผีเสื้อเปิดเพิ่มเพียงนิดเดียว มันก็ on แล้ว
ตัวนี้จะช่วยเพิ่มค่า A/F

ผมคิดว่า
หัวฉีดแก็ส ที่ใช้ Load/map จาก ECU เบนซิน
มันอาจจะเพิ่ม A/F ไม่พอ ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 มี.ค. 51 12:48:58 ]






ความคิดเห็นที่ 16

ตอนที่ใช้แกส ช่วงรอบต่ำๆ เช่นตอนที่เริ่มเร่ง ยังทำได้ไม่ดีเท่าน้ำมัน
ถ้ากดเบาๆจะต้องรออยู่นิดนึง ถ้ากระแทกจมก็จะมีอาการสะดุดที่รุนแรงกว่า
แต่ในช่วงรอบสูงเกิน 4000rpm เรี่ยวแรงที่ได้จะไหลลื่นดีกว่า
>>>>>>>>

อาการนี้ ใช่เลย มีอาการ รอ-รอบ แสดงว่า ... ขาดแก็ส
ใช้วิธีฉีดเพิ่ม ทำหน้าที่เป็น "ปั้มเร่ง" ช่วยได้

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 มี.ค. 51 12:58:53 ]






ความคิดเห็นที่ 20

ตอบลุงช่างกล

///
พอขับช้าลงจวนจะหยุด แทนที่จะใช้เกียร์ 2 หรือ 3 ไปต่อได้ ก็ต้องลงเกียร์ต่ำอีกเกียร์ ใช่ไหม ?
///

ไม่ใช่ครับ เรื่องคาเกียร์สูง คลานรอบต่ำๆ แกส ก็ทำได้ดีกว่าน้ำมัน
เพราะว่ามันน็อคยาก เวลาใช้รอบต่ำเกินกำลัง มันเลยสะดุดหรือน็อค ได้ยากกว่า

แต่เรื่องแรงฮึดที่ผมว่า ถ้าเอาชัดๆเลย ก็เรื่องกระชากออกตัวล้อฟรี
อย่างรถผมที่เป็น mt อาจจะยังเห็นอาการไม่ชัดเท่าไหร่
แต่ถ้าเป็น at อันนี้จะเห็นชัดเลยในตอนที่เร่งและเบรคคา D เอาไว้
จังหวะที่ปล่อยเบรคพรวดทำให้ล้อฟรี
ถ้าเป็นน้ำมันมันจะฟรียาวไม่มีถอย จนกว่าความเร็วล้อกับความเร็วรถมันได้กัน
แต่พอมาเป็นแกสมันจะฟรีอยู่ช่วงนึง แล้วแรงบิดที่ส่งต่อเนื่องไปที่ล้อมันจะเหี่ยวลง
ทำให้ล้อเลิกฟรีทิ้งไป


ส่วนเรื่อง A/F ถ้าไม่ได้จูนแบบพิศดาร
เมื่อวิ่งนิ่งๆไม่ว่าแกสหรือน้ำมัน ระบบ closed loop ของรถก็จะปรับให้ Lamda กลับมาเท่ากันตลอด
แต่จุดที่มีผลคือ ช่วงเริ่มเร่ง ตรงนี้ระบบ clossed loop จะไม่สามารถ
ปรับให้ Lamda คงที่ได้แบบทันทีทันใด จะต้องใช้เวลาปรับไล่หลังอยู่ช่วงอึดใจนึง

ดังนั้นถ้าจูน offset ในตาราง น้อยไป
ตอนวิ่งนิ่งๆก็จะพอดี แต่ช่วงเริ่มเร่งจะติดบางไปอยู่แวบนึง
แต่ถ้าจูน offset ในตาราง มากไป
ตอนวิ่งนิ่งๆก็จะพอดี แต่ช่วงเริ่มเร่งจะติดหนาไปอยู่แวบนึง

จากการที่ผมได้จูนมาพักใหญ่ๆ พบว่า
ในช่วงรอบต่ำๆโหลดน้อย ให้จูน offset ขาดไปอยู่ 0.1-0.2mS
จะทำให้เร่งได้พุ่งดีติดเท้า กว่าจูนพอดี หรือจูนให้หนาไป
เรื่องตรงนี้ผมว่าน่าจะพอเอามาใช้อธิบายเหตุผลว่า ทำไม โซฮอล E5 ถึงวิ่งดีกว่า เบนซิน
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีลักษณะเดียวกัน

จากคุณ : ton99 - [ 7 มี.ค. 51 20:06:38 ]





ความคิดเห็นที่ 24

แต่จุดที่มีผลคือ ช่วงเริ่มเร่ง ตรงนี้ระบบ clossed loop จะไม่สามารถ
ปรับให้ Lamda คงที่ได้แบบทันทีทันใด จะต้องใช้เวลาปรับไล่หลังอยู่ช่วงอึดใจนึง
>>>>>>>>

ช่วงกดคันเร่งเร็วนี้ ไม่ได้ควบคุมด้วย closed loop เพราะ feed back จาก closed loop ทำงานไม่ทันครับ
มันตัดวงจร close loop ไปใช้ Load-map แทนครับ

วงจร Load-map นี่เองที่ผมพูดถึงใน คห 15
//...
หัวฉีดแก็ส ที่ใช้ Load/map จาก ECU เบนซิน
มันอาจจะเพิ่ม A/F ไม่พอ ครับ ..//

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มี.ค. 51 21:15:39 ]






ความคิดเห็นที่ 25

ถ้าหาวิธีปรับ load-map ให้มันจ่ายเชื้อเพลิงให้พอ
จะกดคันเร่งแรงๆ เร่งลื่น ไม่ฟอด ครับ

ECU ผมไม่เคยเล่น ผมทำแต่ fix mixer
ของผมใช้วิธีเพิ่มหัวฉีดทำหน้าเพิ่มแก็ส หรือ ปั้มเร่ง

ตอนนั้นผมมีแต่เครื่องวัด CO ก็หรูแล้ว แต่มันวัดไม่ได้เรื่อง
ผมเลยใช้วิธีลูกทุ่ง ค่อยๆลองเร่งดู ถ้ายังไม่ได้ ก็ค่อยๆปรับจนได้ที่
เร่งออกตัวแรงๆ ได้ดี เร่งลื่น ความรู้สึกผมว่าเร่งได้ดีกว่าเบนซิน

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มี.ค. 51 21:23:58 ]






ความคิดเห็นที่ 26

ตอนเริ่มเร่ง ค่าฉีดแกส มันจะวิ่งนำหน้าตามคันเร่งไปครับ
ช่วงตรงนี้ถ้าเอา O2 มาจับมันจะได้ค่าออกไปทางหนาหน่อยๆ
จะหนามากหนาน้อย ก็จะขึ้นอยู่กับความลึกของคันเร่ง

ถ้าเร่งเบาๆตามปกติ แกสจะไหลลื่นดี ผมว่าดีกว่าน้ำมันเสียด้วย
แต่อย่าให้มีอะไรไปขัดจังหวะมัน
ถ้าโดนขัดจังหวะไปหน่อย แกสจะเสียจังหวะง่ายกว่า
ช่วงอัดเต็มๆอันนี้จะขึ้นกับการจูน
ถ้าน้ำมันจูนห่วย แกสจูนดี แกสกินน้ำมัน
แต่ถ้าจูนมาเต็มเหนี่ยวทั้งคู่ แกสก็จะเป็นรองนิดๆตามที่มันควรจะเป็น


เรื่องความยืดหยุ่นนี่ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน
แต่เรื่องที่ชัดๆคือ ผมหมดปัญญาจูนให้รถติดแกสเกียร์ออโต้
ออกตัวล้อฟรี ให้ได้ยาวเท่าน้ำมัน
ไล่ตารางจูน สารพัดแบบแล้ว ยังไงๆตอนใช้แกสก็ฟรีทิ้งน้อยกว่า

จากคุณ : ton99 - [ 9 มี.ค. 51 01:28:48 ]






ความคิดเห็นที่ 27

คุณต้นขยันทดลองจริงๆ เรื่องเกียร์ออโต้ออกตัวล้อฟรี นี่ผมก็ไม่เคยเปรียบเทียบแก็สกับเบนซิน
พูดถึงออกตัวล้อฟรี ผมนึกรถอเมริกัน Oldsmobil คันหนึ่งที่มาติดแก็สที่อู่เพื่อน ผมลองขับครั้งแรก(น้ำมัน) เหยียบหนักเพียงนิดเดียวล้อฟรีเลย เครื่องมันมีแรงบิดเยอะ พร้อมที่จะกระโจนออกไปล้อฟรีได้ง่ายๆ แต่มันกินน้ำมันมาก กินจุหายห่วง หลังติดแก็สแล้วก็ไม่ทันคิดจะเปรียบเทียบเรื่องนี้

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 มี.ค. 51 04:27:40 ]






ความคิดเห็นที่ 28

//www.gits.kmitnb.ac.th/ethesis/data/4710085343.pdf

จากคุณ : ป๋า - [ 10 มี.ค. 51 23:38:55 A:125.24.155.203 X: TicketID:110672 ]


Create Date : 22 มีนาคม 2551
Last Update : 22 มีนาคม 2551 18:44:28 น. 2 comments
Counter : 2052 Pageviews.  

 


โดย: CrackyDong วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:19:01:05 น.  

 




โดย: maxpal วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:0:18:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ton99
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




[Add ton99's blog to your web]