แค่คนหนึ่งคน..บนโลกใบนี้
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

ว่าด้วยอาการท่อน้ำเหลืองอุดตัน






ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณหลาย ๆ คนที่ทำให้มี Group blog นี้ขึ้นมา

ขอบคุณคุณโจ้ คุณโหน่ง คุณ ต้อย เพื่อนร่วมงาน และที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นลูกศิษย์ของเราชั่วคราว

ขอบคุณโต้ สำหรับแรงบันดาลใจ

ขอบคุณเจิน อาร์ท อุ๋ม ฝน ขิง พะโล้ ที่เป็นกองหนุนที่ดี ทำให้มีหน้านี้ขึ้นมา

ใน Group นี้ คงได้เขียนอะไรที่เป็นสาระบ้าง ตามที่ความสามารถจะมี และหวังว่า ผู้อ่านคงได้ประโยชน์กลับไปบ้าง หากเพื่อน ๆ ที่ผ่านมาอ่าน อยากแสดงความเห็นเพิ่มเติม ก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ



เริ่มด้วยเรื่องใกล้ตัวก่อน....คือเรื่องโรคประจำตัวของเราเอง

เมื่อปี 2544 เราได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว) ให้ทำวิจัยเรื่องสถานการณ์การใช้สื่อเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตอนนั้น ต้องเดินทางเก็บข้อมูลไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ใน 5 จังหวัดหลัก คือ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชสีมา เป็นเวลาเกือบครึ่งปีกว่าจะเสร็จสำหรับการเก็บข้อมูล

ระหว่างนั้น ก็เริ่มมีอาการปวดขาขึ้นมาบ้าง และเริ่มสังเกตว่าขาตัวเองบวม แต่บวมข้างเดียว คือ ข้างซ้าย บวมตั้งแต่น่องลงไปถึงปลายเท้า ระยะแรก ๆ บวมไม่มากนัก แต่พอสังเกตได้ว่า มีอาการบวม และเมื่อเดินทางไกล ๆ หรือนั่งนาน ๆ อาการบวมจะมากขึ้น แต่ไม่เจ็บ ไม่ปวด เวลากด จะบุ๋มลงไปนิดเดียว และจะค่อย ๆ กลับคืนสภาพเดิม

ช่วงที่เดินทางบ่อย ๆ อาการบวมมากขึ้นจนคนรอบข้างสังเกตได้ และเริ่มรู้สึกว่าคงไม่ไหวแล้ว เลยไปเช็คดู ซึ่งหมอก็วินิจฉัยตามอาการ คือ คิดว่า เกิดจากกล้ามเนื้อ แต่เมื่อเช็คดูปรากฏว่าไม่ใช่ ข้อสันนิษฐานต่อมา คือ เส้นเลือดดำ ก็เลยต้องมีการเอ็กซเรย์ดูการไหลเวียนของเลือด โดยหมอจะผ่าเส้นเลือดที่ข้อเท้า และสอดสายเข้าไปเพื่อเอ็กซเรย์ ก็ปรากฏว่าปกติ ต่อมา ก็มีการทำอัลตราซาวน์ ตรวจดูเส้นเลือดที่โคนขา ก็ปรากฏว่าไหลเวียนปกติ ปัญหาเรื่องเส้นเลือดเลยถูกตัดไป

ช่วงนั้น เราเข้า ๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายรอบ แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็หาสาเหตุไม่เจอ จนมีคนทักว่าเป็นโรคเท้าช้างหรือเปล่า และเขาแนะนำให้ไปที่สถาบันเวชศาสตร์เขตร้อน ซึ่งเราก็ไปเช็ค หมอก็ซักถามอาการและเช็คดู ก็ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะเราไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง คือ ภาคใต้ (โรคเท้าช้างมีพาหะคือยุงก้นป่องค่ะ)


จนสุดท้าย มาตรวจที่รามาธิบดี หลังจากเอ็กซเรย์อีกรอบ และมาเช็คอีกหลายรอบ หมอก็วินิจฉัยว่า เราเป็นโรค “ท่อน้ำเหลืองอุดตัน” ซึ่งใช้เวลาเกือบปี กว่าที่หมอจะวินิจฉัยได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินชื่อโรคนี้


แล้วโรคนี้เป็นมายังไง หลาย ๆ คนคงสงสัยเหมือนเรา ซึ่งคุณหมอก็ตอบสั้น ๆ เหมือนกันว่า เพราะระบบไหลเวียนไม่ดี เราถามต่อว่า แล้ววิธีรักษา ล่ะ ทำยังไง คุณหมอก็ตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ เช่นเดิมว่า “ไม่มีวิธีรักษา”

เพราะน้ำเหลืองกระจายอยูทั่วตัว ไม่รู้ว่ามันอุดตันตรงไหน


อาการของโรคนี้เป็นยังไงน่ะหรือคะ ไม่มีอาการอื่น นอกจากจะขาข้างนึงจะบวมกว่าอีกข้างนึง ซึ่งของเราเป็นที่ขาซ้าย ตั้งแต่โคนขาสงมาถึงปลายเท้า ช่วงที่เดินทางมาก นั่งมาก ยืนมาก จะบวมมากจนเห็นได้ชัด แต่กดไม่เจ็บ แต่จะคัน และมีแผลง่าย ติดเชื้อได้ง่าย ถ้าติดเชื้อก็จะเป็นไข้ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล (เราเคยเข้าโรงพยาบาลเพราะการติดเชื้อนี่มาแล้วสองครั้ง)


เนื้องจากโรคนี้ไม่มียารักษา วิธีการดูแลตัวเองมีวิธีเดียว คือ พยายามอย่าทำให้ขาบวมมากไปกว่านี้ โดยพยายามนอนยกขาสูง อย่านั่งหรือยืนนานๆ และหาผ้ามาพันขาไว้แน่นๆ (ที่เป็นผ้ายืดสำหรับนักกีฬานั่นละค่ะ)

จริง ๆ แล้วคุณหมอนัดให้มาติดตามอาการเป็นระยะ ๆ แต่เนื่อจากเราไม่ค่อยว่าง ก็เลยไม่ได้ไปหาบ่อย ๆ และเนื่องจากเราเป็นมานานแล้ว ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งก็จัดได้ว่าเป็นเรื้อรังแล้ว เลยมีอาการที่เพิ่มขึ้นมา คือปวด ช่วงที่บวม เราจะปวดแถวหน้าขามากเป็นพิเศษ และขาซ้ายจะไม่ค่อยมีแรง


ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย หรือเครียด แล้วต้องนั่งหรือยืนนาน ๆ อาการบวมจะเกิดมากเป็นพิเศษ เช่นช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดี ก็จะปวดบ่อย และบวมได้ง่าย


แต่น่าแปลกที่ช่วงที่ท้อง และช่วงหลังคลอด ขาซ้ายเรากลับไม่บวม และเล็กลงเกือบเท่าขาขวา ทำให้หลงดีใจอยู่พักใหญ่ แต่พอผ่านไปสองสามเดือนหลังคลอด กลับบวมขึ้นมาอีก เคยติดต่อไปที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ตามข่าวที่เอามาลงข้างล่างนี่ละค่ะ เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์บอกว่า ต้องรอคิวอีกนาน ตอนที่โทรไป เป็นเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่บอกว่า คิวคุณหมอเต็มไปถึงเดือนมีนาคมปีหน้า และคนที่มารอคิวก็อาการหนัก ๆ กว่าเราทั้งนั้น

สำหรับผู้ที่เป็นหรือมีญาติเป็นท่อน้เหลืออุดตัน วิธีการรักษาตัวมีง่าย ๆ ก็คือ เวลานอนพยายามยกขาสูง อย่ายืนหรือนั่งในท่าเดียวนาน ๆ และ ทาครีม เพราะผิวที่ขยายจะทำให้คันง่าย และเมื่อเผลอเกาก็จะเป็นแผล ดลือดออกง่าย พยายามอย่าให้ขาข้างที่บวมเป็นแผล เพราะจะง่ายต่อการติดเชื้อ

ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก//www.bangkokhealth.com/healthnews_htdoc/healthnews_detail.asp?Number=15480

หงัวว่าผู้อ่านคงได้ประโยชน์กลับไปบ้างนะคะ


หยิบมาฝากกันค่ะ เป็นข่าวเมื่อเดือนมีนาคมของปี 2007

วันนี้ (14 มี.ค.) ที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กทม. นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรคและคณะ เยี่ยมชมการรักษาภาวะบวมที่แขนขา จากท่อน้ำเหลืองอุดตันอย่างเรื้อรังด้วยวิธีการขันชะเนาะ เพื่อลดอาการบวม ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการแพทย์ของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยใช้หลักการเรียบง่าย ประหยัด สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ใช้วิธีการปฏิบัติที่ไม่ซับซ้อน ได้ผลในระยะเวลาสั้น


นพ.มงคล กล่าวว่า อาการแขนขาบวมน้ำเหลืองเป็นโรคที่พบได้ทั่วโลก เกิดจากท่อน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองไม่ดี และมีการคั่งทำให้อวัยวะส่วนนั้นบวมโต แต่ไม่มีอาการเจ็บปวด จากข้อมูลเชิงระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลกประมาณว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยแขนขาบวมจากน้ำเหลืองอุดตันมากถึง 250 ล้านคน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีประมาณ 1-2 ล้านคน


สำหรับในไทยยังไม่มีตัวเลขแน่ชัด ซึ่งในอดีตจะพบผู้ป่วยที่มีอาการบวมตามมือ เท้า เต้านม หรือที่อัณฑะ มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อจากพยาธิตัวกลมขนาดเล็กมาก ที่มีชื่อว่าฟิลาเรีย(Filariasis) ซึ่งทำให้เป็นโรคเท้าช้าง พยาธิดังกล่าวอาศัยในยุง แต่ปัจจุบันโรคดังกล่าวลดน้อยลงมาก ในไทยยังเหลือโรคเท้าช้างอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมากที่สุดที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 118 ราย เมื่อโรคทำให้เกิดอาการบวมที่แขนขาแล้ว จะรักษาไม่ได้ผล อย่างไรก็ตามขณะนี้เราสามารถกินยาป้องกันไม่ให้เกิดโรคเท้าช้างได้ ซึ่งได้ผลดีมาก จำนวนคนป่วยที่มีความพิการลดน้อยลง โดยจะนำวิธีนี้ไปใช้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่แรกด้วย


อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ทำให้เกิดอาการแขนขาบวมได้อีกในขณะนี้ มักพบในผู้ป่วยหลังทำผ่าตัดรักษามะเร็ง ที่สำคัญคือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งอัณฑะ ที่แพทย์ได้เลาะต่อมน้ำเหลืองออกไป และฉายรังสีควบคู่ด้วย เพื่อป้องกันไม่เซลล์มะเร็งลุกลามไปอวัยวะอื่น วิธีการเหล่านี้จะทำลายระบบระบายน้ำเหลืองของส่วนแขนขา ทำให้น้ำเหลืองไหลเวียนไม่ดี หลังจากนั้นอาจจะค่อยๆบวมขึ้นเป็นแบบเรื้อรัง จะรู้สึกเจ็บปวด เช่น ปวดน่อง ปวดขา ปวดสะโพก แพทย์เรียกว่าเป็นอาการของโรคเท้าช้างเทียม จากการศึกษาในต่างประเทศ พบอาการบวมในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้ร้อยละ 15 ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกพบได้ร้อยละ 25 ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมานมาก ทำงานได้ไม่สะดวก หาเสื้อผ้าใส่ยาก ขณะที่บางคนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หลายเป็นภาระให้กับครอบครัว


"คาดว่าเดือนหน้าจะสามารถเผยแพร่เทคนิควิธีนี้ในพื้นที่อื่นๆ ได้ ซึ่งสามารถทำได้เองที่บ้าน คนที่เป็นโรคเท้าช้างซึ่งเกิดความอายไม่กล้ารักษา หรือเปิดเผยตัวก็จะเข้ารับการรักษามาขึ้น ที่สำคัญทมีแผนที่จะเร่งดำเนินการตั้งมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยเท้าช้าง ช่วยให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้นในการเข้ารับบริการรักษาทั้งญาติและผู้ป่วย"นพ.มงคลกล่าว


ทางด้านนพ.วิชัย เอกทักษิณ รองคณะบดีฝ่ายเทคโนโลยีการศึกษาและสารสนเทศ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การรักษาอาการบวมจากน้ำเหลืองคั่งในอดีต แพทย์จะใช้วิธีลดความตีบตันโดยพันผ้ายืด สวมถุงผ้าตึง อัดปั๊มลมไล่น้ำเหลือง กระตุ้นด้วยไฟฟ้า หรือใช้วิธีนวดน้ำเหลืองด้วยมือ บริหารกล้ามเนื้อขา นอนยกเท้าสูง และผ่าตัดเชื่อมหลอดน้ำเหลืองเข้ากับหลอดเลือดดำเพื่อลดขนาด หรือปลูกสร้างทางเดินน้ำเหลืองใหม่ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ


นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า น้ำเหลืองในร่างกายคนเรานี้ ผลิตมาจากตับมากที่สุดและปล่อยน้ำเหลืองออกมามากที่สุดกว่าครึ่งของทั่วร่างกาย ในการแก้ปัญหาแขนขาบวมจากสาเหตุน้ำเหลืองคั่ง แพทย์ผู้เชียวชาญด้านเวชศาสตร์เขตร้อน หน่วยวิจัยตับ ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยค้นคว้าการรักษาการลดอาการบวมจากน้ำเหลืองคั่งแนวใหม่ โดยใช้วิธีการขันชะเนาะ นำวัสดุง่ายๆ หาได้ตามพื้นบ้านมาใช้ง่ายที่สุดคือ ผ้าปูที่นอนกับด้ามไม้กวาด โดยพันผ้ายึดรอบอวัยวะที่บวม จากนั้นจึงขันชะเนาะเพิ่มแรงบีบรัด เพื่อไล่น้ำเหลืองที่คั่งอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ขึ้นไปหาส่วนบนของร่างกาย ในการขันชะเนาะจะขันตึงที่บริเวณส่วนปลายของอวัยวะเพื่อให้มีแรงบีบสูงที่สุดและลดหลั่นลงมาถึงส่วนต้นของอวัยวะให้แรงบีบต่ำที่สุด โดยจะทำการขันและคลายชะเนาะสลับกันเป็นช่วงๆ อวัยวะที่บวมก็จะค่อยๆยุบลง


ทั้งนี้การรักษาอาการบวมของแขนขาจากน้ำเหลืองคั่งแบบขันชะเนาะดังกล่าว ใช้หลักการ การบีบรังผึ้งที่บานเต่งให้ค่อยๆหุบแฟบลง เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นท่อน้ำเหลืองสายใหม่ ซึ่งนักวิจัยค้นพบว่าท่อน้ำเหลืองที่เคยถูกตัดหายไปหรือเสียหายแล้วสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ในขั้นแรกแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และจัดการวางระบบการขันชะเนาะให้เหมาะสม ใช้เวลารักษาตั้งแต่ 3 วันถึง 2 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดอวัยวะที่บวม หลังจากนั้นผู้ป่วยสามารถนำไปทำเองที่บ้านได้ แต่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง วิธีการนี้จะลดวันนอนของผู้ป่วยในโรงพยาบาลให้น้อยลง ประหยัด สำหรับค่ารักษาไม่รวมห้องพักไม่ถึง 10,000 บาท


จากการรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีขันชะเนาะ ตั้งแต่ 5 มกราคม 2549 ถึงปัจจุบัน จำนวน 27 ราย เป็นชาวไทย 25 ราย ญี่ปุ่น 2 ราย อายุระหว่าง 24-79 ปี พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แขนขาของผู้ป่วยที่เคยบวมมีขนาดเล็กลงจนขนาดใกล้เคียงปกติ สุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมาก ชะเนาะที่ทำขึ้นนี้มีทั้งชะเนาะคู่ มีห่วงสอดไม้ขั้น และมีรุ่นชะเนาะร้อยเชือกคล้ายรองเท้าผ้าใบ ขณะนี้คณะเวชศาสตร์ฯได้ดำเนินการจดสิทธิบัตรในไทยแล้ว อยู่ระหว่างยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศญี่ปุ่น
________________________________________

จาก...ผู้จัดการออนไลน์3/14/2007






 

Create Date : 09 สิงหาคม 2551
25 comments
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 12:30:10 น.
Counter : 24582 Pageviews.

 



สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่แวะไปเยี่ยมชมที่บล็อคนะคะ
ส่วนของกกแต่งบล็อคก็ตามสบายค่ะ ไม่ว่ากันค่ะ

 

โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย 11 สิงหาคม 2551 11:21:19 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

เอาหนมมาฝากค่ะ

 

โดย: vanilla_ole 11 สิงหาคม 2551 18:57:16 น.  

 



สวัสดีค่ะ...เรื่องยาวมาก จะทยอยเข้ามาอ่านตอนแวะเข้ามาแต่ละครั้งนะคะ

ปอแวะมาเยี่ยมขอบคุณ พร้อมกาแฟค่ะ
Have a nice day นะคะ

^ ^

 

โดย: Butterflyblog 11 สิงหาคม 2551 20:13:56 น.  

 


สุขวันแม่นะคะ

 

โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย 12 สิงหาคม 2551 3:20:48 น.  

 

เป็นคนน้ำเหลืองไม่ดีเหมือนกัน
อยากรู้เหมือนกันว่ามีวิธีบำรุง
หรือทำตัวอย่างไรเหมือนกัน
ดูแลสุขภาพบ้างนะ

 

โดย: Naa IP: 118.173.137.211 30 กรกฎาคม 2552 23:05:09 น.  

 

พี่สาวก็เท้าบวมไม่หายเหมือนกันค่ะ
อัลตราซาวด์แล้วหมอบอกว่าท่อน้ำเหลืองอักเสบ กินยาแก้อักเสบแล้ว
ก็ไม่หาย ไม่รู้จะทำยังไงดี

 

โดย: kan IP: 172.16.244.12, 172.16.1.8, 203.113.86.139 31 กรกฎาคม 2552 10:39:08 น.  

 

+ + + ผม-ก้อ-เป็น-เหมือน-กัน-คัฟ + + +

+ + + แบบ-ที่-พี่-เขียน-ไว้-เลย + + +

+ + + แล้ว-ไอ้-ขัน-ชะ-เนาะ-ที่-ว่า + + +

+ + + มัน-อยุ่-ที่-ไหน-กัน-คัฟ + + +

+ + + อยาก-ให้-ขา-มัน-เท่า-กัน-เหมือน-เดิม-อ่ะ + + +

+ + + ทร-มาน-มาก + + +

+ + + เข้า-โรง-บาล-เป้น-ปี-ๆ + + +

+ + + หมอ-ก้อ-ยัง-วิ-นิจ-ฉัย-มั่ย-ด้าย + + +

+ + + พึ่ง-รู้-เมื่อ-2-3-เดือน-มา-เนี่ย + + +

+ + + ว่า-มั่ย-มี-วิ-ธี-รัก-ษา + + +

+ + + ทำ-งัย-ดี + + +

 

โดย: มอส IP: 124.122.133.83 23 กันยายน 2552 20:05:57 น.  

 

เพิ่งเริ่มมีอาการรรรรรรรรรรรรคะน่ารำคาญมักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆขาโตอย่างกะขาโต๊ะเลยข้า

 

โดย: porntip IP: 202.183.235.3 23 มีนาคม 2553 15:46:15 น.  

 

ลูกสาวผมก็เป็นแบบอย่างว่านี้แหละตอนนี้หมอก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ผ่านไปสี่หมอแล้วทั้งเอกวเรย์อัลตร้าซาวแล้วตรวจเลือดแล้วผลดีทุกอย่างมีอยู่อย่างเดียวหมอบอกว่าต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบก็งงมากขาข้างขวาที่น่องโตขึ้นมาขาไม่เท่ากันคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็รู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมากในเมื่อหมอโรงบาลไม่สามรถวินิจฉัยโรคได้มีอะไรที่ทำได้ก็พยายามจะทำได้ไปหาหมอไสยศาสตร์หมอเค้าบอกว่าถูกปลวกที่อยู่ข้างบ้านก็ทำพิธีปัดรังควาญแล้วแต่ไม่เห็นหายสักทีเป็นกังวลมากลูกสาวอายุ 6 ขวบหมอท่านใดรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการรักษาขอความเมตตาบอกด้วยครับผม เบอร์โทร 0819699348 สรรเสริญ

 

โดย: น้องแพน IP: 118.175.86.15 23 กรกฎาคม 2553 15:27:01 น.  

 

ไม่รู้จะเป็นเหมือนกันไหมหมอนัดตรวจอัลตร้าซาวด์ศุกษ์นี้ล่ะ

 

โดย: ponwat1@hotmail.com IP: 182.232.10.151 3 สิงหาคม 2553 5:51:57 น.  

 

เป็นอยู่ครับ4เดือนเเล้วขาบวมข้างเดียวไปหาหมอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโรคอะไรดูเเลตัวเราอย่างไรดีครับ

 

โดย: ชัช IP: 118.172.71.124 8 มิถุนายน 2554 0:08:21 น.  

 

//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312971611&grpid=&catid=19&subcatid=1904

 

โดย: เน‚เธช IP: 119.31.90.156 15 สิงหาคม 2554 14:50:26 น.  

 

บทความนี้ดีมากๆ

 

โดย: thank IP: 115.87.85.144 18 มกราคม 2555 16:26:35 น.  

 

แม่ ของหนูก็กำลังเป็นอยู่พอดีเลยค่ะ
หนูก็กะลังหาวิธีรักษาให้แม่
,,,,,,,

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ ที่แบ่งปันนะคะ

 

โดย: lalita IP: 202.29.34.253 1 สิงหาคม 2555 12:10:18 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์
คิดว่าตัวเองก็กำลังเป็นอยู่
ไป รพ.ด้วยโรคอื่น หมอ(แพทย์)เคยทักว่าเท้าบวม แต่ก็ไม่ว่าอย่างไร
ปีนี้ไปบริจาคโลหิต เจ้าหน้าที่เลือดเขายังไม่ทันเช็คอะไรเลย บอกเราว่าน้ำเหลืองไม่ดี ไม่เอา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเคยบริจาคอยู่ หลายครั้งแล้ว(คนละจังหวัด)

 

โดย: totoo IP: 27.55.132.72 11 ธันวาคม 2555 0:34:37 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นหรือมีญาติเป็นนะคะ แม่เราก็เท้าบวมยังหาสาเหตุไม่เจอเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี นะคะ เราเองก็พยายามรักษาเท่าที่จะทำได้ค่ะ

 

โดย: ลูกของแม่ IP: 124.122.124.125 6 มีนาคม 2556 22:59:25 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ แม่เราเป็นโรคนี้ค่ะ เวลาขาบวมขึ้นมา เดินไม่ได้เลย

 

โดย: อ้อม IP: 192.99.14.34 1 มีนาคม 2557 13:09:02 น.  

 

เป็นเหมือนกันเลยค่ะได้รับคำตอบเหมือนกันว่าให้นอนยกขาสูง จนตอนนี้หารองเท้าใส่ยากมาก ๆ ความยาวมีแต่ความกว้างไม่มีกลุ้มใจมาก กระโปรงก็ไม่กล้าใส่อายค่ะ

 

โดย: เดือน IP: 171.7.70.87 13 มิถุนายน 2557 11:56:44 น.  

 

เคยมารักษาคะลดอาการบวมมากคุณหมอใช้วิธีขันชะน็อต......และใช้ผ้ายืดพันเป็นผ้ายืดนักกีฬาคะ.พันตลอดเวลาถอดตอนอาบน้ำแล้วพันต่อ. พยาพยามใช้ครีมทาที่บริเวณบวมด้วยนะคะ

 

โดย: มารีแย IP: 49.230.185.222 9 ธันวาคม 2557 6:08:18 น.  

 

เคยมารักษาคะลดอาการบวมมากคุณหมอใช้วิธีขันชะน็อต......และใช้ผ้ายืดพันเป็นผ้ายืดนักกีฬาคะ.พันตลอดเวลาถอดตอนอาบน้ำแล้วพันต่อ. พยาพยามใช้ครีมทาที่บริเวณบวมด้วยนะคะ

 

โดย: มารีแย IP: 49.230.185.222 9 ธันวาคม 2557 6:08:22 น.  

 

ดิฉันก็บวมซีกซ้ายทั้งแถบจากมือจรดเท้า อัลต้าซาวมารอบหนึ่งแล้ว เส้นเลือดดำปกติ มาอ่านเจอที่นี่แหละว่าเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตั้น ครั้งหน้าหมอนัดคงต้องวินิฉัยว่าเป็นโรคนี้แหงๆ เป็นมาเกือบ 20 ปี แล้ว

 

โดย: ปรียา IP: 202.58.126.26 18 มีนาคม 2558 13:33:47 น.  

 

เมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอาการเหมือนปวดกล้ามเนื้อ แต่พอได้สัก4-5 วันมาสังเกตุว่าขาข้างขวาที่ปวดใหญ่กว่าข้างซ้ายเกือบ นิ้วครึ่งไปหาหมอๆก็ว่ากล้ามเนื้ออักเสบ. จนพี่สาวทักมาว่าหรือจะเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เลยมาหาข้อมูล แต่จะมีอาการปวดตรงเส้นใต้ขาขวาบนเหนือเข่าประมาณ 4 นิ้วและบางครั้งก็ปวดตามเส้นมาถึงข้อพับด้วยค่ะ. อาการขาบวมๆมา4-5 วันแล้วค่ะ. และอาการปวดกล้ามเนื้อก็ยังไม่หาย เมื่อวานลองพันผ้า พอนั่งนานๆ ตอนลุกขึ้นจะปวดมาก ต้องค่อยๆยืดขาสัก 2-3 นาที จึงจะเดินได้ เมื่อวานออกจากบ้านตั้งแต่ 11 โมง กลับมาบ้าน20.00 บวมจนถึงข้อเท้าเลยค่ะ

 

โดย: ชดช้อย IP: 58.10.178.229 7 ธันวาคม 2558 7:13:32 น.  

 

เราเป็นตอนท้องลูกคนแรกครรภ์ได้ประมาณ3 เดือนค่ะ ที่แรกคิดว่าเป็นเพราะเราท้องรึป่าวขาซ้ายเลยบวม แต่ว่าบวมข้างเดียวนะค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ไปหาหมอนะค่ะเพราะเราท้องอยู่ แต่หมอที่เราฝากครรภ์ก็แนะนำว่าให้ไปหาหมอ แต่เราไม่กล้าค่ะ เรากลัว พอเราผ่าคลอกออกมา ได้ยังไม่ถึงเดือนค่ะ เราปวดเท้าที่บวมแล้วมีพิษไข้มาก จนเดินเองไม่ได้ แฟนเราต้องอุ้มไปหาคลินิคหมอท่านนึงในเมืองปราจีน พอเราไปถึงหมอตรวจดูอาการ หมอกดตรงที่ท้องแล้วดูอาการเรา ก็บอกว่าเราเป็นท่อน้ำเหลืองอุดตันในเส้นเลือดดำ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้มันคือโรคอะไร เราก็ถามหมอว่าเราจะหายมั้ยค่ะ หาหมอนานกว่า 3 เดือน ทุกอาทิตย์ที่เราไปพบหมอเราจะถามประโยคเดิมตลอด ว่าเราจะหายมั้ย แต่หมอก็บอกแค่ว่า รักษาตามอาการ เราท้อเลยค่ะ ไหนลูกของเราอีก ตอนนั้นแฟนทำงานคนเดียว ค่านมลูก คือมันหมดกำลังใจค่ะ เราก็เลิกรักษากับคุณหมอท่านนั้นทันที เพราะท้อว่าจะรักษาไปทำไม ค่ายาหมดไปหมื่นกว่าบาท ได้คำตอบเดิมๆๆ เราเหนื่อยมาก พอผ่านมา 6 เดือนได้รู้จักกับคนนึงเขาทำเกี่ยวยาหมอเส็ง เราลองทุกอย่างที่คิดว่าช่วยเราได้ แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม เราก็เลยไม่ได้รักษาค่ะ ไม่ได้หาหมอ ทุกวันนี้ผ่านมาปีกว่าเราไม่เคยหาหมอเลย เราเคยได้ยินว่า รพ. ศิริราช มีโครงการรักษาฟรี แต่พอเราติดตามข่าวมันก็นานมากแล้ว เราอยากรักษาค่ะ แต่ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยค่ะ ว่า รพ. ไหน ที่รักษาได้ตรงจุด ขอบคุณค่ะ สำหรับพื้นที่ดีๆๆ ที่ให้ฉันระบาย เพราะทุกวันนี้ฉันยังท้ออยู่ บางทีเคยคิดเสียใจว่าทำไมเราต้องเป็นอะไรแบบนี้ด้วย เมื่อไหร่เราจะหาย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

โดย: น้ำหวาน IP: 125.25.58.192 22 มกราคม 2559 17:35:48 น.  

 

ขาดิฉันบวมข้างซ้าย ต้นขาถึงปลายขาเลยค่ะ เป็นๆ หายๆ มา 3 รอบแล้วค่ะ จะทำอย่างไรดีคะ หาหมอ หมอให้ทานยาขับปัสสะวะค่ะ ตอนนี้ก็นอนยกขาสูงค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: รัตนิล แป้นสุวรรณ IP: 202.28.12.53 5 กรกฎาคม 2559 15:04:40 น.  

 

ลูกสาวดิฉันก็เป็นโรคนี้เหมือนกันคะแต่แกเป็นตั้งแต่คลอดออกมาเลยเท้าข้างขวาจะบวมๆๆเคยพาไปโรงพยาบาลศิริราชตอนเล็กๆๆคุณหมอบอกว่าเป็นโรคเนื่องอกในท่อน้ำเหลืองปัญหาก็คือผ่าตัดสองครั้งแล้วแต่ก็ยังบวมเหมือนเดิมอีกไม่ทราบว่าจะเป็นโรคเดียวกันไหมวิธีการคุณหมอก็แนะนำให้ไช้ผ้ายืดพันขาไว้นอนยกขาสูงๆๆอาการก็ยังเหมีอนเดิมตอนนี้แกอายุสิบหกแล้วไม่มีความมั่นใจกับตัวเองไปเรียนก็มีปัญหาคืออายเพื่อนอยากทราบว่าขันชะเนาะได้ผลจริงใหมอยากช่วยลูกให้แกมีความมั่นใจในตัวเอง

 

โดย: วิไลวรรณ IP: 182.232.42.232 10 สิงหาคม 2559 20:55:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แค่คนหนึ่งคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ






Google




...............................

No Me Importa Si Todos Te Miran
No Me Importa Lo Que Digan De Ti
No Me Importa Como Pasa El Tiempo
Sabiendo Yo Que Tu Me Quieres

.....................................




"ขอให้มีความสุขกับชีวิต และมีความสุขกับการ ให้ นะคะ"



















Load Counter
Friends' blogs
[Add แค่คนหนึ่งคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.