..Don't find love, let love find you. That's why..it's called..falling in love..because you don't force yourself to fall..you just fall..
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

The Upside Of Anger : เติมรักให้เต็มหัวใจ







มนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ได้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบกาย
หน่วยย่อยที่สุดของสังคมมนุษย์ที่เป็นรากฐานนำไปสู่กลุ่มสังคมที่มีขอบเขตกว้าง
ขวางขึ้นต่อๆไป นั่นคือ ครอบครัวนั่นเอง โดยพื้นฐานแล้วครอบครัวมักจะประกอบ
ด้วยสมาชิกหลักๆอยู่ 3 คน หรือมากกว่านี้ อันได้แก่ พ่อ แม่ ลูก
การดำรงชีวิตภายใต้หน่วยย่อยที่สุดของสังคม จะเป็นแนวทางให้แก่สมาชิกในครอบครัว
ในการดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมรูปแบบอื่นๆ หากขาดสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัว
ไป ย่อมทำให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อรากฐานความเป็นครอบครัวนั้นเสมอ

The upside of Anger เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของครอบครัว
อันประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูกสาวอีก 4 คน ที่จู่ๆคุณพ่อซึ่งเปรียบเสมือนหัวหน้า
และผู้นำครอบครัวก็หายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย มีเพียงข้อสันนิษฐานเดียวที่
Terry (Joan Allen) ผู้เป็นภรรยาและแม่ของลูกสาวทั้ง4 พอจะเดาได้ก็คือ
สามีของเธอได้หนีไปกับชู้รักที่ทำงาน เป็นเลขาชาวสวีเดนที่ทำงานให้สามี
ที่หายตัวไปพร้อมกันไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากวันนั้น สภาพภายในครอบครัวของ
Terry ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง Terry จากเดิมที่เคยเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ
ยิ้มแย้มแจ่มใส กลับกลายเป็นคุณแม่ที่ขี้บ่น จุกจิก ใช้เหล้าในการลืมความทุกข์
และมักจะใส่อารมณ์กับลูกๆอยู่เสมอ เพราะดูเหมือนว่าลูกๆของเธอทั้ง 4
ดูจะไม่ได้ทำให้เธอสบายใจนัก กับสภาพที่พวกเขาเป็นอยู่ในขณะนี้
แต่แล้วเมื่อ Danny (Kevin Costner) เพื่อนบ้าน ผู้ซึ่งในอดีตเคยเป็นนักเบสบอลมืออาชีพผู้โด่งดัง
แต่ผันตัวเองมาเป็นนักจัดรายการวิทยุ และหลีกหนีการเผชิญกับเบสบอล
กีฬาที่ตนเองคุ้นเคย ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของ Terry และลูกๆของเธอทั้ง 4
ด้วยความที่ Danny และ Terry มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน
อย่างเขาทั้งคู่ใช้เหล้าในการลืมความทุกข์ หรือหลีกหนีความเป็นจริง
และมีแผลใจในอดีตเช่นเดียวกันกับอีกฝ่าย ทำให้แผลในใจของทั้งสอง
ต่างได้รับการเยียวยาโดยฝ่ายตรงข้ามทีละน้อย ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะลงเอยด้วยดี
กลับมีเหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Terry และลูกๆได้พบว่า
สิ่งที่พวกเธอคิดเกี่ยวกับการหายตัวไปของพ่อว่าเป็นเพียงการหนีตามชู้รักไปนั้น
ผิดถนัด เมื่อ Terry ได้พบกับความจริงที่ว่า สามีของเธอได้เสียชีวิตลงจากการ
พลัดตกลงไปในบ่อน้ำเก่าหลังบ้าน ซึ่ง Terry ลูกๆทั้ง 4 และว่าที่สมาชิกครอบครัว
คนใหม่อย่าง Danny จะต้องร่วมพาครอบครัวนี้ฟันฝ่าความทุกข์โศกนี้ให้ผ่านไปได้
อีกครั้ง...

ประเด็นหลักของเรื่องนี้คงจะอยู่ที่ความสัมพันธ์(ภายใต้อิทธิพลแห่งอารมณ์โกรธ)
ของคนในครอบครัวอย่าง Terry และลูกๆทั้ง 4 คน รวมไปถึง Danny
ซึ่งจะขอหยิบยกเรื่องราวหลักๆของแต่ละคนอย่างพอสังเขป เริ่มจาก...


Hadley (Alicia Witt) ลูกสาวคนโตที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาขุ่นข้องหมองใจกับ
Terry อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว กลับเพิ่มความโกรธให้กับแม่ด้วยการเปิดตัวแฟนหนุ่ม
ให้พบกับคุณแม่เป็นครั้งแรกในวันรับปริญญาอันแสนน่าจะยินดี พร้อมๆกับบอกข่าว
เรื่องการตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานของเธอ ทำให้บรรยากาศแห่งความยินดีในวันนั้น
กลับกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับตัว Terry ที่เธอเองก็มีอารมณ์ขุ่นหมองอยู่แล้วจาก
เหตุการณ์ในตอนต้นของเรื่อง ทวีความโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก

Andy (Erika Christensen) ลูกสาวคนที่ 2 ที่อยากศึกษาต่อเกี่ยวกับการเต้นรำ
ซึ่งเป็นวิชาที่เธออยากเรียนในวิทยาลัยศิลป์ อีกทั้งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก
ผู้เป็นบิดา แต่ Terry ผู้เป็นแม่กลับมองว่าการเรียนอยู่ในวิทยาลัยศิลป์นั้น
อาจได้รับความรู้ในภาคทฤษฎีเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเธอเคยเรียนในวิทยาลัยศิลป์
มาก่อน และไม่ประทับใจในการเรียนแบบนั้นเลย
และเมื่อ Andy ได้รับจดหมายตอบรับการเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยศิลป์
Terry กลับไม่สนใจใยดีและไม่สนับสนุนให้
Andy ก้าวไปตามความฝันของเธอ จนทำให้ Andy อยู่ในภาวะเครียด
ทานอาหารไม่ได้ จนทำให้มีอาการปวดแสบท้องอย่างรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาล

Emily (Keri Russell) ลูกสาวคนที่ 3 ที่อยากทำงานหาประสบการณ์มากกว่าเรียน
ต่อ ซึ่งขัดกับความตั้งใจของ Terry ที่อยากให้ลูกสาวคนนี้เรียนจบมหาวิทยาลัย
ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน อีกทั้ง Emily ยังคบหาอยู่กับ Chep ชายอายุอานามรุ่นราว
คราวพ่อ ที่เป็นเพื่อนกับ Danny และด้วยความที่นาย Chep คนนี้
มีพื้นเพลักษณะนิสัยที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ไม่เป็นที่ประทับใจต่อ Terry
และมีปากเสียงกันกับนาย Chep นี่อยู่หลายครั้ง สร้างความปวดหัวให้กับ Terry เป็นอย่างมาก
(ถ้าใครอยากเห็นหน้าตาของผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดูหน้านาย Chep นี้ไว้ล่ะ
ครับ เขานี่แหละผู้กำกับและเขียนบทที่แอบโดดลงมามีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ด้วย)

ส่วน Popeye ลูกสาวคนสุดท้องที่ตกหลุมรักเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะพื้นฐานทางครอบครัวๆคล้ายๆกับ Popeye เอง
ที่เธอเพิ่งมารู้ที่หลังว่า "เขาเป็นเกย์"

Terry ผู้เป็นแม่ของลูกๆทั้ง 4 ต้องเผชิญหน้ากับจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
ครอบครัว ทำให้ต้องเปลี่ยนบทบาทจากแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง
มาสู่การเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลลูกๆทั้ง 4 ตามลำพัง
รวมไปถึงการรับภาระหน้าที่ในการตัดสินใจทุกๆอย่างในบ้าน
ชีวิตคู่ที่สุขสมหวังกลับกลายเป็นความโดดเดี่ยวของ Terry
ภายในระยะเวลาอันสั้นเกินกว่าจะรับได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นำพา Terry ไปสู่ห้วง
อารมณ์แห่งความโกรธ ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินปัญหา และใช้สุราเป็นเครื่องดับทุกข์

Danny นักเบสบอลชื่อดังที่มีเรื่องราวฝังใจในอดีตเกี่ยวกับกีฬาเบสบอลสุดโปรด
ของเขา ทำให้เขาพลิกผันอาชีพของตัวเองมาเป็นนักจัดรายการวิทยุช่องกีฬา
แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องราวของเบสบอลที่เขาถนัดเลย และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด
ถึงอยู่ตลอดเวลา Danny ในสภาพปัจจุบันนี้ที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีครอบครัว
ทำให้ขาดบุคคลรอบข้างที่คอยทำหน้าที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือในยามที่มี
ปัญหา ทำให้เขาต้องแสวงหาเพื่อนผู้คอยให้กำลังใจ ซึ่งแตกต่างจาก Terry ที่มี
ลูกๆทั้ง 4 คนคอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอมา แต่ Terry กลับมองข้าม
ลูกๆทุกคนไป เพราะอารมณ์โกรธของเธอเอง บวกกับการมองทุกอย่างในแง่ลบอยู่
เสมอ หลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้น

Terry และ Danny ต่างก็ใช้สุราเป็นเครื่องดับทุกข์ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่จริงๆ
แล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ใดเลย เพราะนอกจากต้นเหตุของปัญหานั้นยัง
ไม่ถูกแก้ไขแล้ว ฤทธิ์ของสุราเองยังส่งผลเสียอื่นๆต่อสุขภาพ รวมถึงมีผลต่อสติ
สัมปชัญญะและการตัดสินใจของผู้ดื่ม จนอาจทำให้เกิดเหตุอันไม่คาดฝันขึ้นได้
อันจะพบได้บ่อยตามข่าวอุบัติเหตุตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไป ดังนั้นการหา
ทางออกให้กับความโกรธในรูปแบบของสิ่งที่สร้างสรรค์
หรือการเข้าไปแก้ไขกับปัญหานั้นๆโดยตรง จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

Terry ยังคงติดอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความโกรธ
จนกระทั่ง Andy ลูกสาวคนที่ 2 ของเธอที่ได้มีปากเสียงกันในเรื่องของการเรียนต่อในวิทยาลัยศิลป์
จนทำให้เกิดความเครียด ทานอาหารไม่ได้ จนเกิดอาการปวดแสบท้องอย่างรุนแรง
จนต้องเข้าโรงพยาบาล ถึงตรงนี้ Terry เริ่มรับรู้แล้วว่าความโกรธที่มีอยู่ในตนเองนั้น
ส่งผลต่อทั้งตนเองในรูปแบบของการมองโลกในแง่ร้าย และส่งผลต่อคนรอบข้างอย่างลูกๆ
ทั้ง 4 คนของเธอ ทำให้ Terry ย้อนกลับมาคิดตรึกตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจาก
อารมณ์โกรธของเธอ ว่าจริงๆแล้ว อารมณ์ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้
แต่กลับเป็นความรักและความเข้าใจในครอบครัวและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันต่างหาก
ที่จะนำพาทุกคนในครอบครัวผ่านพ้นจากปัญหาต่างๆไปได้

อารมณ์โกรธก็เป็นรูปแบบหนึ่งของอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคนเราต้องเผชิญกับปัญหา
หรือข่าวร้ายต่างๆ บางคนอาจปฏิเสธ บางคนอาจรู้สึกเศร้าเสียใจ บางคนอาจยอม
รับได้ ซึ่งอารมณ์โกรธนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เกิดผลเสียที่ตามมาต่างๆมากมาย
แต่ถ้าหากว่าเราไม่ปล่อยให้ความโกรธเข้ามาเป็นตัวชี้นำการกระทำของเรา
เรียนรู้และเข้าใจถึงอารมณ์โกรธของตนเองและจัดการกับอารมณ์โกรธนั้นได้
จะทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมาได้อย่างดี

หากคุณกำลังรู้สึกว่าถูกปัญหารุมเร้า โปรดลองนั่งคิดไตร่ตรองดูว่า จริงๆแล้วยังมี
ทางออกที่ดีอีกหลายทางที่คุณสามารถทำได้ ยังมีสิ่งๆดีและบุคคลรอบข้างกาย
คุณที่จะคอยปลอบประโลมและให้กำลังใจคุณอยู่เสมอ...

"วันนี้คุณจัดการกับความโกรธของคุณหรือยัง...">




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2548
2 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2548 0:45:54 น.
Counter : 1175 Pageviews.

 

อืมมม...ลืมบอกข้อมูลมาจาก thaimental.com นะคะ...เผื่อใครจะแวะไปดูค่ะ....

 

โดย: VSr. 29 ตุลาคม 2548 18:48:01 น.  

 

... ตอนดูเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนดูในโรง เข้าใจว่าเข้าอย่างเงียบๆแล้วจากไปอย่างเงียบๆน่าเสียดาย หนังดูสนุกดีไม่น้อย

... บล้อกนี้มีทั้งหนัง ทั้งครัว ทั้งยา หลากหลายมากเลยครับ บล้อกนี้ดีจังวันนี้รอดจากการถูกรีเซ็ทจำนวนผู้เข้าชม วันนี้โดนไปหลายบล้อกเลยครับ(ผมด้วย แหะๆ เหลือศูนย์เฉยเลย)

... เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ตอนดู ชวนไปอ่านครับ

The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=08-2005&date=07&group=1&blog=1


 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 29 ตุลาคม 2548 20:56:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


VSr.
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]














There are
so many stars
in the sky..
only some get noticed.
Among those....
you choose to ignore
is the one
which was
willing to shine
for you
forever
even if..
your glance
remained
elsewhere...



my comment : I'm so sorry..
I'm not good as above.










.....GuestBook.....












S w a y : Bic Runca



Don't stray, don't ever go away
I should be much too smart for this
You know it gets the better of me
Sometimes, when you and I collide
I fall into an ocean of you, pull me out in time
Don't let me drown, let me down
I say it's all because of you

● ● ●

And here I go, losing my control
I'm practising your name so I can say it to your face
It doesn't seem right, to look you in the eye
Let all the things you mean to me
Come tumbling out my mouth
Indeed it's time to tell you why
I say it's infintely true

● ● ●

Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you

● ● ●

And there's no cure,
and no way to be sure
Why everything's turned inside out
Instilling so much doubt
It makes me so tired.
I feel so uninspired
My head is battling with my heart
My logic has been torn apart
And now it all turns sour
Come sweeten every afternoon

● ● ●

Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you
Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you
It's all because of you,
it's all because of you

● ● ●

Now it all turns sour, come sweeten every afternoon
It's time to tell you why
I say it's infinitely true

● ● ●

It's all because of you,
it's all because of you
It's all because of you



Friends' blogs
[Add VSr.'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.