..Don't find love, let love find you. That's why..it's called..falling in love..because you don't force yourself to fall..you just fall..
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 
Charlie and The Chocolate Factory



ในบรรดาภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดทั้งหมด ราวๆครึ่งหนึ่งที่สร้างขึ้นจากบทภาพยนตร์ที่มีการประพันธ์ขึ้นใหม่
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือนั้น สร้างขึ้นจากหนังสือนวนิยาย หรือวรรณกรรมที่โด่งดังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
วรรณกรรมเยาวชนเป็นหนังสืออีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกฮอลลีวู้ดหยิบยกมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง
เนื่องจากมีเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ และความใฝ่ฝัน อันเป็นสิ่งซึ่งสามารถสื่อถึงผู้ชม
โดยเฉพาะเด็กๆ (หรือผู้ใหญ่ที่มีหัวใจเด็ก)ได้ หนังสือวรรณกรรมเยาวชนหลายเรื่อง
และที่สำคัญวรรณกรรมเยาวชนเหล่านี้ยังสอดแทรกคติสอนใจดีๆให้แก่เด็กๆที่ได้อ่านอีกด้วย

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 อย่างในตอนนี้ คงจะมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักวรรณกรรมเยาวชน
อันเป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดน้อย แฮรี่ พอตเตอร์และผองเพื่อน
ผลงานของนักเขียน เจ เค โรว์ลิ่ง เรื่องนี้ได้รับความนิยม โด่งดังไปทั่วโลก
จนได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอื่นๆนอกเหนือจากภาษาต้นฉบับ อีกมากมาย
แต่ถ้าถามถึงวรรณกรรมเยาวชนยอดนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีไม่แพ้กับแฮรี่ พอตเตอร์ในสมัยนี้ คงจะหนีไม่พ้น
ผลงานเขียนของนักประพันธ์วรรณกรรมเยาวชนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า โรอัล ดาห์ล (1916-1990)
ผู้ฝากผลงานอันสุดประทับใจ อย่างที่ใครๆหลายคนเคยผ่านตามาบ้างแล้ว
ทั้งในรูปแบบหนังสือ หรือแม้แต่ภาพยนตร์ก็ตาม อย่าง James and The Giant Peach
และ Matilda และล่าสุด ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งจินตนาการของวงการฮอลลีวู้ด อย่าง
ทิม เบอร์ตัน (Beetle juice, Batman, Nightmare Before Christmas)
ได้นำบทประพันธ์ของโรอัล ดาห์ล อีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาสร้างเป็นภาพยนตร์
(หลังจากที่ไม่มีใครนำบทประพันธ์เรื่องนี้กลับมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งเลย
นับตั้งแต่งานต้นฉบับในปี 1971 โดยใช่ชื่อว่า Willy Wonka and The Chocolate Factory
อาจเนื่องด้วยความเลิศเลอไร้ที่ติของงานต้นฉบับในครั้งนั้น จึงทำให้ยังไม่มีใครกล้านำกลับมาทำซ้ำก็เป็นได้)
นั่นคือ Charlie and The Chocolate Factory

ชาร์ลี บัคเก็ต หนุ่มน้อยผู้มีจิตใจดีงาม อาศัยอยู่กับครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่
อันประกอบด้วย พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
ครอบครัวของชาร์ลีนั้นมีฐานะยากจน ซ้ำร้ายคุณพ่อของชาร์ลีผู้รับภาระในการหาเลี้ยงครอบครัว
ยังต้องมาถูกไล่ออก เพราะบริษัทเอาเครื่องจักรมาทำงานแทน ถึงแม้ว่าชีวิตของชาร์ลีดูจะค่อนข้างมืดมน
ไม่สว่างสดใสเหมือนเด็กมีฐานะคนอื่นๆ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่พอจะเป็นความสุขและหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา
ก็คือ ความชื่นชอบที่มีต่อช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด
และเป็นเจ้าของผลงานช็อกโกแลตและของหวานอันลือลั่นอย่างเช่น หมากฝรั่งเคี้ยวไม่มีวันหมด
หมากฝรั่งลูกโป่งใหญ่ ลูกอมรสอมตะ ช็อกโกแลตนกบินได้ ไอศกรีมไม่มีวันละลาย
ชาร์ลีมักจะเดินผ่านและแวะมองโรงงานช็อกโกแลต และสร้างแบบจำลองโรงงานด้วยฝาหลอดยาสีฟัน
ถึงแม้ว่าชาร์ลีจะชื่นชอบรสอันละมุนละไมของช็อกโกแลตเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากฐานะทางบ้าน
ทำให้ชาร์ลีมีโอกาสซื้อช็อกโกแลตได้เพียงปีละ 1 แท่งในโอกาสวันเกิดเท่านั้น

ในอดีต วิลลี่ วองก้าเป็นเจ้าของสูตรต้นตำรับช็อกโกแลตที่ครองใจเด็ก ๆ ทั่วโลก
แต่ก็ถูกคู่แข่งทางธุรกิจขโมยสูตรลับของตน นำไปใช้ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทตกลงอย่างฮวบฮาบ
ทำให้ต้องปิดบริษัทลง และไล่ลูกจ้างทั้งหมดออกไป ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคุณปู่ของชาร์ลีที่เป็นลูกจ้าง
ในขณะนั้นรวมอยู่ด้วย ทำให้วิลลี่ไม่ไว้ใจผู้คนอีกต่อไป แต่ในวันนี้โรงงานช็อกโกแลตของวิลลี่
เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมด้วยยอดขายถล่มทลาย ส่งขายไปทั่วโลก
โดยที่น่าแปลกใจว่าโรงงานนี้ไม่มีลูกจ้างเพียงสักคนเดียว สร้างความน่าสงสัยให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
และแล้ววิลลี่ วองก้าได้ประกาศการแจกตั๋วทอง เพื่อให้ผู้โชคดีที่ได้รับตั๋ว และผู้ติดตามอีกหนึ่งคน
ได้เยี่ยมชมโรงงาน โดยตั๋วทองนี้มีจำนวนทั้งหมด 5 ใบ โดยจะแทรกอยู่ในห่อแท่งช็อกโกแลตยี่ห้อวองก้า
ซึ่ง 1 ใน 5 ของผู้โชคดีจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่แบบไม่คาดคิดมาก่อนจากวิลลี่
ข่าวนี้ทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวของประชาชนทั่วโลกที่อยากได้ตั๋วทองนี้เอาไว้ในครอบครอง

ผู้โชคดีทั้งห้าได้แก่ ออกัสตัส กลู๊ป หมูอ้วนจอมตะกละ,เวรูก้า ซอล์ท สาวน้อยสุดสปอยล์,
ไวโอเลต โบร์การ์ด, สาวน้อยสุดเซลฟ์, ไมค์ ทีวี อัจฉริยะหน้าทีวี
และสุดท้ายตามที่คาดไว้คือหนุ่มน้อยชาร์ลีของเรานั่นเอง
ทั้ง 5 ได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงงานของวิลลี่ โดยทั้ง 5 คนจะรับการทดสอบ
จนเหลือคนสุดท้ายที่ได้รับรางวัลใหญ่นั้นไป

ออกัสตัส กลู๊ป เด็กชายผู้คลั่งไคล้ในอาหารการกินทุกชนิด มีความตะกละตะกลามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยความตะกละและความโลภทำให้ออกัสตัสอยากกินช็อกโกแลตจำนวนมหาศาล
ที่มาจากบ่อน้ำตกช็อกโกแลต จนทำให้เขาร่วงลงไปในบ่อ และไม่สามารถเข้าร่วมการเดินทางต่อไปได้อีก
ความโลภ หรือความตะกละที่ไม่มีที่สิ้นสุด อาจส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมา
หากเราสามารถควบคุมความโลภนั้นไม่ให้มีมากเกินไป หรือเปลี่ยนเป็นแรงขับ
หรือ motivation ที่เหมาะสม ก็จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และความกระตือลือร้นในการทำสิ่งต่างๆที่ดีต่อไป

ไวโอเลต โบร์การ์ด เด็กสาวผู้ที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอคือการแข่งขัน
และเธอต้องเอาชนะมันให้ได้ เช่นการแข่งขันเคี้ยวหมากฝรั่งได้นานที่สุด
(ล่าสุดทำลายสถิติโดยเคี้ยวหมากฝรั่งอันเดียวนานติดต่อกัน 3 เดือน)
และแชมป์กีฬาอีกหลายประเภท หลายสมัย ซึ่งตัวเธอก็ได้รับการปลูกฝั่งจากผู้เป็นแม่ว่า
ต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ ด้วยความอยากเอาชนะนี้ ทำให้เธอเผลอหยิบเอาหมากฝรั่งชนิดใหม่
รสอาหาร 3 อย่างในชิ้นเดียว(ซุปมะเขือ สเต็ก และไอศกรีม)
โดยไม่ฟังคำเตือนของวิลลี่ วองก้า เจ้าของสูตรเด็ด เพราะความอยากลองของใหม่เป็นคนแรก
ซึ่งผลข้างเคียงของหมากฝรั่งนี้ ส่งผลให้ร่างกายของเธอขยายขึ้น ทำให้เธอกลายเป็นบลูเบอร์รี่ยักษ์
และต้องถูกส่งไปยังห้องคั้นน้ำผลไม้
ไวโอเลตผู้ถูกเลี้ยงและปลูกฝังความคิดในเรื่องของการเอาชนะมาตั้งแต่เด็ก
จากผู้เป็นแม่ (ที่เป็นแบบอย่างของความเป็นที่หนึ่งในรายการแข่งขันต่าง ๆ )
ส่งผลให้เธอมีบุคลิกลักษณะนิสัยที่ชอบเอาชนะและไม่สนใจ คำเตือนหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ
ทำให้เกิดผลเสียตามมา การพยายามเอาชนะอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ
รวมถึงการแสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานนั้นเป็นสิ่งที่ดี หากแต่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบ
กฎเกณฑ์ที่สังคมวางไว้ ไม่กระทำเกินกว่าเหตุ หรือเบียดเบียนผู้อื่น
ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่ไม่มีความกระตือรือล้น หรือมีความกระตือรือล้นมากเกินไป
โดยคิดอย่างรอบคอบและไม่ใส่ใจคนรอบข้าง

เวอรูก้า ซอล์ท สาวน้อยสุดยอดแห่งความเอาแต่ใจ ลูกสาวประธานบริษัทถั่ว
ที่ได้ตั๋วทองมาจากการกว้านซื้อช็อกโกแลตจำนวนมาก
ถึงขนาดที่ว่าต้องเอาพนักงานแกะถั่วทั้งโรงงานมาแกะช็อกโกแลตแทน
พ่อแม่ของเธอเลี้ยงดูเธอมาด้วยวัตถุและเงินตรา ตามใจลูกมากเกินไป (overindulgent)
หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Spoil ส่งผลให้ลักษณะนิสัยของเธอเป็นไปในแบบ Narcissistic คือ
ยึดความคิดของตนเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ด้วยลักษณะนิสัยนี้เอง
ทำให้เธอเข้าไปในห้องของกระรอกแกะถั่ว เนื่องจากเธออยากได้กระรอกมาไว้ในครอบครอง
และสั่งให้พ่อซื้อกระรอกตัวนั้นจากวิลลี่ วองก้า แต่วิลลี่ไม่ขาย
ทำให้เธอกระโดดข้ามรั้วลงไปเอากระรอกด้วยตัวเอง โดยไม่ฟังคำห้ามปรามของวิลลี่และพ่อ
ทำให้เธอถูกกระรอกคัดทิ้ง(เหมือนคัดถั่ว) ลงไปอยู่ในหลุมขยะ

ไมค์ ทีวี หนุ่มน้อยอัจฉริยะแต่ค่อนข้างที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของวัน อยู่หน้าจอทีวี
โดยไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ทำให้มุมมองต่าง ๆ ต่อโลกภายนอกแคบ
และได้รับพฤติกรรมก้าวร้าวจากอิทธิพลของสื่อ และการเล่นเกมส์
ด้วยเหตุนี้ไมค์ จึงเป็นคนสุดท้ายที่ตกรอบไป ในห้องเคลื่อนย้ายมวลสารต่าง ๆ ไปยังทีวี
(วิลลี่ต้องการส่งช็อกโกแลตไปทั่วโลกผ่านสัญญาณโทรทัศน์ แต่ของที่ส่งจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก ๆ)
แต่ไมค์เห็นว่าเครื่องส่งนี้น่าจะนำไปใช้ในการขนส่งมนุษย์ ไมค์จึงใช้ตนเองทดลองเครื่อง
โดยการกระโดดเข้าไปอยู่ในเครื่องส่ง โดยไม่ฟังคำห้ามปรามของคนอื่น
ส่งผลให้ไมค์มีขนาดตัวที่เล็กลงเท่าฝ่ามือ การเลี้ยงดูอย่างไม่เอาใจใส่
หรือปล่อยเด็กเอาไว้หน้าโทรทัศน์ตามลำพัง โดยปราศจากพ่อแม่ผู้ปกครองให้คำแนะนำ
อาจจะทำให้ได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดี ซึ่งทุกวันนี้สื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
โฆษณา ล้วนแต่มีอิทธิพลต่อผู้รับทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้ง สื่อต่าง ๆ อาจถ่ายทอดเรื่องราว
ความรุนแรง และพฤติกรรมก้าวร้าวที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครอง
ควรชี้แจง แนะนำ ให้เยาวชนมีวิจารณญาณในการรับชมสื่อ

แท้จริงแล้วรางวัลยิ่งใหญ่ที่วิลลี่ วองก้าจะมอบให้กับผู้โชคดีคนสุดท้ายก็คือ
การยกโรงงานช็อกโกแลตทั้งหมดให้ (เพราะวันหนึ่งวิลลี่บังเอิญเห็นผมหงอกชองตนเองเพียงเส้นเดียว
ทำให้ตระหนักว่า โอ้... อนิจจา สังขาร นั้นไม่เที่ยง จึงต้องสรรหาผู้สืบทอดมรดกทั้งหมด)
แต่มีข้อแม้ว่า ชาร์ลีต้องละทิ้งทุกอย่างรวมทั้งครอบครัว เพื่อมารับช่วงต่ออย่างเต็มตัว
การที่วิลลี่ วองก้าไม่เห็นความสำคัญของครอบครัวเนื่องจาก

ชีวิตในวัยเด็ก วิลลี่ วองก้าเกิดในครอบครัวที่บิดาเป็นทันตแพทย์ ที่ค่อนข้างเข้มงวด
และคาดหวังให้วิลลี่เป็นอย่างที่คนวาดฝันไว้ คือห้ามลูกกินของหวาน เพราะกลัวลูกจะฟันผุ
เสียชื่อลูกชายหมอฟัน, และมองข้ามความใฝ่ฝันของลูกที่อยากเป็นเจ้าของกิจการทำขนมหวาน
ภายใต้ความกดดันจากผู้เป็นพ่อ ทำให้วิลลี่หนีออกจากบ้าน
ถึงแม้ว่าจะได้รับคำขู่จากบิดาว่า “ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก” ทำให้วิลลี่คิดว่าบิดาไม่สนใจ
และไม่ได้กลับไปพบหน้าบิดาอีกเลย

แต่เมื่อชาร์ลีตอบปฏิเสธการรับมรดกโรงงานช็อกโกแลต เพราะต้องการอยู่กับครอบครับ
ทำให้วิลลี่ถึงกับว้าวุ่นใจ เพราะว่าตัวเองไม่เข้าใจในความหมายของคำว่าครอบครัว
วิลลี่จึงเดินทางกลับไปหาบิดาอีกครั้ง และได้พบกับความจริงที่ว่า บิดาตนเองนั้นไม่เคยลืม
ไม่เคยทอดทิ้งวิลลี่เลย ยังติดตามข่าวคราวความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาอยู่เสมอ
(แม้แต่ฟันทุกซี่ของวิลลี่ บิดายังจำได้แม่นยำ) ทำให้เข้าใจความหมายของครอบครัว
และอนุญาตให้ชาร์ลีพาครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ในโรงงานอย่างมีความสุข

ความสัมพันธ์ระหว่างวิลลี่กับบิดา เป็นในลักษณะที่ว่าบิดารักและใส่ใจลูกของตนมากเกินไป (overinvolve)
ทำให้วิลลี่อยู่ในสภาพถูกบีบบังคับ ไม่เป็นตัวของตัวเอง และต้องหนีออกจากบ้านไป
เมื่อถูกบีบบังคับมากเกินไป การเลี้ยงดูบุตรหลาน พ่อแม่ผู้ปกครองควรดำเนินไปในทางสายกลาง
ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป ให้คำแนะนำแก่บุตรหลาน และในขณะเดียวกัน
ต้องรับฟังความคิดเห็นของบุตรหลานควบคู่ไปด้วย ดังตัวอย่างจากเด็ก ๆ ทั้ง 4 คนที่ตกรอบไป
รวมถึงตัววิลลี่ด้วย ที่การเลี้ยงดูในวัยเด็กที่ไม่พอเหมาะพอดี บางคนตึง บางคนหย่อนมากเกินไป
ทำให้เกิดผลเสียที่ตามมาต่อตัวเด็ก และครอบครัว ผิดกับชาร์ลีที่ถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะยากจน
แต่ก็เติบโตขึ้นมาจากความรักความเข้าใจ และความอบอุ่นจากครอบครัวอย่างเปี่ยมล้น
ทำให้ชาร์ลีมีจิตใจที่ดีงาม และรักครอบครัว ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้
ส่งผลให้ชาร์ลีได้รับผลตอบแทนแห่งคุณความดีในตัวเขาอย่างงดงาม...

Charlie and the chocolate factory ฉบับภาพยนตร์ 2005
ถือเป็นผลงานภาพยนตร์จากบทประพันธ์อันทรงคุณค่า
ที่ให้ทั้งความสนุกสนานที่น่าติดตาม เพลงประกอบอันแสนเร้าใจ
เนื้อหาสาระ และแง่คิดต่าง ๆ ของการเลี้ยงดูบุตรหลานและครอบครัว ที่ท่านและบุตรหลานของท่านไม่ควรพลาด





Create Date : 21 ตุลาคม 2548
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2548 20:20:03 น. 3 comments
Counter : 1423 Pageviews.

 


โดย: อืมมม....... IP: 58.10.137.228 วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:18:17:03 น.  

 
ลืมบอกค่ะ...ยืมมาจากบทความของ
นพ.พรชัย อนิวรรตธีระ
นพ.สมิทธ์ ทองประเสริฐ
ขอบคุณคุณหมอนะคะ.....



โดย: VSr. วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:18:38:17 น.  

 
นี่ก้อเหมือนกันค่ะ จาก thaimental.com ค่ะ



โดย: VSr. วันที่: 29 ตุลาคม 2548 เวลา:18:50:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

VSr.
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]














There are
so many stars
in the sky..
only some get noticed.
Among those....
you choose to ignore
is the one
which was
willing to shine
for you
forever
even if..
your glance
remained
elsewhere...



my comment : I'm so sorry..
I'm not good as above.










.....GuestBook.....












S w a y : Bic Runca



Don't stray, don't ever go away
I should be much too smart for this
You know it gets the better of me
Sometimes, when you and I collide
I fall into an ocean of you, pull me out in time
Don't let me drown, let me down
I say it's all because of you

● ● ●

And here I go, losing my control
I'm practising your name so I can say it to your face
It doesn't seem right, to look you in the eye
Let all the things you mean to me
Come tumbling out my mouth
Indeed it's time to tell you why
I say it's infintely true

● ● ●

Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you

● ● ●

And there's no cure,
and no way to be sure
Why everything's turned inside out
Instilling so much doubt
It makes me so tired.
I feel so uninspired
My head is battling with my heart
My logic has been torn apart
And now it all turns sour
Come sweeten every afternoon

● ● ●

Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you
Say you'll stay,
don't come and go like you do
Sway my way,
yeah I need to know all about you
It's all because of you,
it's all because of you

● ● ●

Now it all turns sour, come sweeten every afternoon
It's time to tell you why
I say it's infinitely true

● ● ●

It's all because of you,
it's all because of you
It's all because of you



Friends' blogs
[Add VSr.'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.