Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เอ่อ .. ผิดไหม? .. ถ้าถ่ายภาพด้วยโหมด P ..

เคยอ่านความเห็นมากมายจากเวบบอร์ดหลายๆ ที่มาแล้ว เรื่องของการใช้โหมดถ่ายภาพของกล้อง เค้าว่ากันว่าอุตส่าห์ซื้อ DSLR ทั้งที หัดใช้โหมด M สิ โหมด P น่ะเค้าไว้ให้เด็กๆ มือใหม่หัดถ่ายเค้าใช้กัน

อยากรู้จริงว่าใครเป็นคนริเริ่มความคิดแบบนี้ แถมยังเผยแพร่เป็นเหมือนลัทธิโหมด M อีกด้วยนะ สังเกตได้ตามเวบบอร์ดหลายๆ แห่งที่แวะเวียนเข้าไปดูอยู่บ่อยๆ เคยเจอประเภทคุยกันอยู่ดีๆ ถามเราว่าใช้โหมดไหนถ่ายล่ะ พอเราบอกว่าโหมด P บ๊ะ .. มันกลับมองเราแบบเย้ยหยันหน่อยๆ แบบว่าแกมันคนละระดับกับชั้น

แล้วก็เริ่มสาธยายว่ามันต้องโหมด M สิ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างเค้าเนี่ยถ่ายโหมด M มาตลอด เห็นไม๊? ได้แสงได้ภาพที่สวยกว่า(ของแก)เยอะแยะ เค้าเนี่ยระดับโปรนะ เราก็ครับๆๆ เพราะผมมันก็มือใหม่จริงๆ นี่นา

ก็เลยสงสัยว่าโหมด P วัดแสงได้ผลออกมาเหมือนๆ โหมด M หรือเปล่า? ถ้าอยู่ในสภาพแสงเดียวกัน จะได้ค่าพารามิเตอร์ที่เท่าๆ กันหรือเปล่า? ถ้า fix ค่าพารามิเตอร์อื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น WB, ISO อื่นๆ ให้เป็นค่า default ทั้งหมด อยากรู้จริงหนอว่าไอ่โหมด M มันให้ภาพต่างจากโหมด P แบบทิ้งกันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?

ก็เลยลองหยิบเอาน้อง D5000 ตัวเก่งออกมาทดลองถ่ายภาพด้วยโหมดต่างๆ ไล่กันไปตั้งแต่โหมด AUTO, P, S, A, M แล้วลองสังเกตว่ากล้องจะวัดแสงออกให้เป็นอย่างไร? และให้ภาพต่างกันอย่างไร? ก็ได้ผลปรากฎออกมาเป็นดังภาพต่อไปนี้ ที่ระยะ 29 mm., ISO 200, WB-Auto

 
อันนี้โหมด P กับ S ได้ค่า F8 และ 1/250 ทั้งสองภาพ

 
ส่วนอันนี้โหมด A กับ M ได้ค่า F8 และ 1/250 อีกเช่นกัน

อธิบายรายละเอียดนิดนึงจะได้เข้าใจตรงกัน ทั้งหมดผมใช้ระบบวัดแสงแบบ Center Weight Average และไม่มีการชดเชยแสงแต่อย่างใด ทั้ง 4 ภาพถ่ายในเวลารวมกันไม่เกิน 10 วินาทีเพื่อให้สภาพแสงเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ผมถ่ายที่ระยะ 29 mm., ISO 200, WB-Auto

ภาพแรกผมใช้โหมด P* (P-Shift) โดยครั้งแรกกล้องพยายามใช้รูรับแสงกว้างสุดเท่าที่ทำได้ในระยะที่ใช้ถ่ายภาพนี้ แต่ผม shift ให้แคบลงมาเป็น F8 เพื่อหวังผลเรื่องระยะชัดที่เพิ่มขึ้นไม่เช่นนั้นอาจจะเก็บวัตถุที่จะถ่ายได้ชัดไม่เพียงพอ

ส่วนภาพถัดมาก็หมุนวงแหวนเปลี่ยนโหมดไปสู่โหมด S โดยที่ผมเลือก shutter speed ให้เท่ากับภาพแรกคือ 1/250 กล้องก็วัดแสงได้ F8 อีกเหมือนกับโหมด P จากนั้นก็หมุนไปสู่โหมด A ผมปรับ Aperture ให้เป็น F8 กล้องก็วัดแสงได้ที่ 1/250 เช่นเดียวกัน

และสุดท้ายที่โหมด M ผมตั้ง shutter speed ที่ 1/250 และ Aperture ที่ F8 สเกลวัดแสงในกล้องแสดงค่าที่ 0 ไม่ + หรือ - ทั้งหมดก็ได้มา 4 ภาพตามที่เห็นนี่แหละครับ เรามาลองดูภาพในมุมอื่นๆ บ้าง แต่การถ่ายก็จะใช้วิธีเดียวกัน บนเงื่อนไขดังที่กล่าวไว้แล้ว

อันนี้ถ่ายที่ระยะ 29 mm. เช่นเดิม ISO 200, WB-Auto, Aperture F5, Shutter Speed 1/800 sec.

 
โหมด P กับโหมด S

 
โหมด A กับโหมด M

ลองมาดูกันอีกซักมุมนึงซิ .. ถ่ายที่ระยะ 29 mm. อีกที ISO 200, WB-Auto, Aperture F11, Shutter Speed 1/500 sec.

 
โหมด P กับโหมด S

 
โหมด A กับโหมด M

ดูภาพเปรียบเทียบมุมอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ https://plus.google.com/photos/103736898918551133698/albums/5861552022202371425

เรื่องโหมด P เนี่ยะผมว่านะ บริษัทกล้องทั้งหลายลงทุนพัฒนาฐานข้อมูลโหมดโปรแกรมนี้จากการใช้งานของช่างภาพอาชีพและผู้ใช้โดยอาศัยพื้นฐานจากพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มตัวอย่างทั่วโลกก่อนที่จะเอาข้อมูลที่ได้มาใส่ลงไปในชิพประมวลผลไม่ว่าจะเป็น EXPEED หรือ Digi IV หรือผู้ผลิตอื่นๆ ก็ตาม ผู้ใช้อย่างเราก็น่าจะเชื่อใจได้ในระดับหนึ่งเพราะเราอาจจะกำลังใช้พารามิเตอร์ของช่างภาพระดับโลกคนใดคนหนึ่งอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะครับ ..

แต่สภาพแสงจริงในสถานที่ที่เรากำลังถ่ายภาพอยู่นั้นมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นั่นยิ่งเป็นผลดีที่ชิพประมวลผลที่บริษัทกล้องชั้นนำทุ่มทุนคิดค้นด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจะได้แสดงประสิทธิภาพได้เต็มพลังจะได้เห็นกันว่าจะทำได้สมราคาหรือไม่

หากแต่ว่าสภาพแสงบางอย่างอาจจะซับซ้อนเกินกว่าความฉลาดของชิพประมวลผล เช่นสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูงมาก มีส่วนมืดและส่วนสว่างที่แตกต่างกันในภาพเยอะๆ หรือในสภาพการใช้แสงแฟลชเพื่อลบเงาในเวลากลางวันในวันที่แดดจัด ซึ่งนั่นเองที่คนหลังกล้องต้องเข้าใจเรื่องของการวัดแสง ระบบวัดแสงแบบต่างๆ การชดเชยแสงเพื่อแก้ปัญหาที่ชิพอันชาญฉลาดถูกหลอกจากสภาพแสงที่ซับซ้อนดังกล่าว และก็เป็นเหตุให้ต้องมีโหมด M ให้คุณๆ ได้ใช้กันนั่นเอง

 
ถ่ายภาพทะเลวันที่มีแดด ถ้าให้กล้องวัดแสงเองจะได้ภาพ under (ซ้าย) ต้องชดเชยแสงเพื่อให้ภาพที่ถูกต้อง (ขวา)

ส่วนโหมด P สมัยนี้มันฉลาดขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงค่าที่กล้องเลือกให้เรา เพื่อหวังผลที่จะให้ได้ภาพตามจินตนาการที่เราต้องการ ที่เรียกกันว่า P-Shift มีสัญญลักษณ์เป็น P* ที่อนุญาตให้เราเปลี่ยนค่าพารามิเตอร์หลักๆ ในการถ่ายภาพได้ตามต้องการโดยที่ค่าการวัดแสงยังคงถูกต้องพอดีอยู่ เป็นโหมดที่ให้ความสะดวกสบายมากกับการใช้งานถ่ายภาพทั่วไป ครอบคลุมแทบจะทุกสถานการณ์


P-Shift (P*) เปลี่ยนค่าจากที่กล้องตั้งไว้ .. ให้เป็นค่าที่เราต้องการ ..

สิ่งที่ต้องฝึกควบคู่ไปกับการใช้โหมด P-Shift ก็คือ การชดเชยแสง (Compensation) เพื่อแก้ไขความผิดพลาดจากการที่กล้องถูกหลอกจากสภาพแสงที่กล่าวด้านบนนั่นแหละ หากเราฝึกใช้ให้คล่องแคล่วแล้วโอกาสที่จะได้ภาพสำคัญๆ ในเสี้ยววินาทีจะมีมากกว่าโหมด M เพราะไม่ต้องวัดแสงเอง ไม่ต้องเสียเวลามาตั้งค่ารูรับแสง หรือค่าความเร็วชัตเตอร์อีก เพียงแค่ยกขึ้นแล้วเล็ง โฟกัสเข้าก็กดชัตเตอร์ได้ทันที

ส่วนโหมด M กรุณาศึกษาวิธีการใช้ให้ถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้รีดเอาประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาจากสภาพแสงต่างๆ ได้อย่างชำนาญ มิใช่ว่า ข้าใช้โหมด M (ว๊อย) แสดงว่าข้าเป็นโปร ส่วนแกใช้โหมด P (เมิง) เป็นมือใหม่อ่อนหัด ถ่ายรูปสู้(กรู)ไม่ได้หรอก(เว๊ย) เจอคนแบบนี้ .. วัยรุ่น(ตอนปลาย)อย่างผมก็เซ็งอ่ะดิ ..

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 เวลา 02:16 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 28 เมษายน 2556 2:34:07 น. 12 comments
Counter : 1502 Pageviews.

 
ผมก็ชอบใช้ MODE P ถ่ายรูป ก่อนหน้านี้ เคยใช้กล้อง Flilm ถ่าย manual มาก่อน ไม่เห็นข้อแตกต่าง ของ M และ P นอกจากความ
สะดวก และถ่ายได้เร็วขึ้น ขอให้เข้าใจพืนฐาน และ การทำงาน จะ mode ไหน ก็แล้วแต่ ที่ทำให้ภาพสวย สื่อความต้องการ และมีองค์ประกอบที่ดี ก็ทำไปตามสะดวก
ผมเคยมีประสพการณ์ ในการเดินทาง ผู้รวม เดิมทาง ฐานะดี ใช้
Leica รุ่น M ยอมรับว่ากล้องดีมีสกุล Lens ก็แพงสะบัด แต่เวลา
จะถ่ายทีต้องเงือง่าราคาแพง กว่าจะถ่ายได้
ในเมื่อ Technology มันถึงแล้ว เรา จะไปงมโข่งอยู่ทำไม เวลาจะให้
คนอื่นถ่ายให้ เขาก็ถ่ายให้ไม่ได้
สู็กล้อง Canon ญี่ป่น ของผมก็ไม่ได้
แมวจะสีอะไร ก็ช่าง ขอให้จับหนูได้ กล้องจะถ่าย Mode ไหน ก็ช่าง
ไม่ได้วัดความแน่ของคนถ่าย แต่อยู่ที่คุณภาพของงานต่างหาก


โดย: akatuck (tsipouro ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:53:14 น.  

 
P = professional
M = Moron

พูดจริง ไม่ได้ล้อเล่น


โดย: แมวเหมียวพุงป่อง IP: 58.8.138.47 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:55:02 น.  

 
ไม่รู้ใครเป็นต้นคิด เรื่องซื้อ DSLR แล้วต้องถ่าย M เท่านั้น
ผมเห็นโปรตัวจริงเค้าใช้ทุกโหมดนั่นแหละ


โดย: อะธีลาส วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:52:17 น.  

 


มันไม่ควรมาเป็นประเด็นแม้แต่น้อย
อ่านแล้วของขึ้นว่ะ


โดย: Ingrid IP: 58.8.229.113 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:29:44 น.  

 
โหมด P ก็คือ โหมด M ที่ผมให้คนอื่นปรับค่าให้ผมแทน เพราะผมขี้เกียจ ปรับเสร็จ ผมก็ยกแล้วยิง

ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้โหมด M นะ เพราะมันต้องกด +/- เวลาจะปรับช่องรับแสง นิ้วก็ใหญ่ กดกันมือหงิกเลย กว่าจะได้ ก็เลยใช้แต่ S กับ P นั่นแหละ


โดย: นายตัวเล็กจัง IP: 202.28.45.25 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:46:48 น.  

 

ผมใช้ AV ตลอดครับ สะดวก ควบคุมระยะชัดได้ตามใจ
รวดเร็ว และ ทันเหตุการณ์


โดย: ครูศิลปะ50 IP: 61.19.114.246 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:22:48 น.  

 
ทำไมต้องมาแบ่งชั้นวรรณะกันด้วยนะ ว่ากรูโปรนะ เมิงเด็กเพิ่งเริ่มนะ
แค่ถ่ายภาพออกมาแล้วมีความสุขที่ได้ถ่าย ไม่พออีกหรอ!!!
แค่ได้บันทึกภาพที่ประทับใจ เก็บไว้ดูเวลาที่วันวานมันเปลี่ยนไป ไม่พอหรอ
พี่ๆว่ากันไหมครับ
ผมมาจับกล้อง เหตุผลเดียวที่ผมฝึกฝนกับมัน
เพราะ เวลาไปเที่ยว แล้วเจอภาพประทับใจ เจอมุมสวยๆ เจอวิวดีๆ
บรรยากาศงามๆ แต่ไม่มีกล้องบรรทึกภาพ มันหงุดหงิดพิกล
ดังนั้นผมถึงยอมเป็นหนี้เป็นสินผ่อนมาเพราะเหตุนี้เอง แค่ได้ถ่าย
แค่ได้เก็บบรรยากาศไว้ดูยามเวลาผ่านไปก็มีความสุขแล้ว


โดย: แหลมสิงห์ IP: 58.11.52.120 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:50:11 น.  

 
..สวัสดีจ้า..ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย..

..ก้นกะลาว่าอย่าไปซีเรียสอะไรกับมันนักเลย..
ก้นกะลาเองก็ไม่ได้ใช้กล้องDSLRด้วย (ใช้ โกดัก Z980..บอกก็ได้ ไม่เห็นอาย)..และก็ตั้งโหมด P ไว้เป็นหลัก
ส่วนเรื่องประสบการณ์ ก็ยอมรับว่าไม่ได้เก่งนักหนา เพียงแต่เรียนพื้นฐานมานิดหน่อยเท่านั้น
ก้นกะลาคิดว่า เรื่องโหมดของกล้องมันก็มีประโยชน์ของมันเป็นส่วนๆกันไป แล้วแต่ว่าจะใช้มันตอนไหน..และสำหรับก้นกะลาก็ใช้มันทุกโหมดนั้นแหละแล้วแต่สถานการณ์..
ความคิดของก้นกะลานะ (ย้ำนะว่าของก้นกะลาเท่านั้น)..เวลาถ่ายภาพ ก้นกะลาจะคิดก่อนว่า 1 เราต้องการอะไร..2 ต้องทำยังไง ถึงจะดีที่สุด..3 ณ เวลานั้น เราทำได้แค่ไหน .. 4 ทำไปตามที่สถานการณ์มันเอื้ออำนวย แล้วก็ถ่ายภาพออกมา..จบ

....ก้นกะลาว่า เน็ตนี่แหละ เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิด"ลัทธิ"เหล่านี้ขึ้นมา..ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกล้องนะ..ทุกวงการน่ะแหละ..!!


โดย: ก้นกะลา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:28:14 น.  

 
แอบมาเก็บความรู้ค่ะ..


โดย: opauorm วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:14:48 น.  

 
ยังเป็นมือใหม่ เลยยังไม่คุ้นกับศัพท์มากนัก แต่ขอเก็บเป็นความรู้นะคะ


โดย: Beaut วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:17:43 น.  

 
พอดีได้มาอ่านบทความดีๆ เห็นภาพเลย
อย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกแหละครับ ทุกโหมดการใช้งานแหละหลักการเหมือนกัน อยู่ที่เราวัดแสง ถ้าวัดแสงถูก ต้องค่ากล้องถูก ภาพก็จะออกมาเหมือนกันไม่ว่าจะใช้โหมดอะไร
แต่ ในแต่ละโหมด ก็ให้ความสะดวกและรวดเร็วแตกต่างกันครับ
สุดท้าย
ในโหมดเอ็ม ในความเข้าใจของผมก็คือการหลอกกล้อง เช่น การถ่ายภาพย้อนแสงแรงๆ แล้วเก็บทั้งแบบและฉากหลังให้ครบ หลอกกล้องให้ฉากหลังมืดเห็นแต่แบบที่จะถ่ายอย่างเดียว อะไรประมาณนี้ครับผม แต่ จริงแล้วโหมดเอ็มก็เป็นโหมดออโต้อีกระบบนึงนะครับ ถ้าเพื่อไม่เชื่อ ให้สังเกตุจากเข็มสเกลในช่องมองภาพครับ ยังไงลองดู


โดย: ยุทธ์ เฉลิมไทย By Gooeye.net IP: 101.51.143.82 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:19:08:23 น.  

 


โดย: amulet108 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:5:18:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.