Group Blog
 
 
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
3 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 

ณ ที่แห่งนั้น ..

กริ๊งงงงงงง … กริ๊งงงงงงงงงงง … เจ้าเข็มยาวจอมขยันเพิ่งเดินผ่านเลข 9 บนหน้าปัทม์นาฬิกาปลุกของผมไปได้กว่าห้านาทีแล้วทั้งที่เจ้าเข็มสั้นยังเดินไปไม่ถึงเลข 6 ด้วยซ้ำ เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังยาวมาหลายนาทีแล้วก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงอย่างขี้เกียจ พร้อมกันกับที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายเพื่อจะเผยอเปลือกตาอันหนักอึ้งให้ตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยเต็มใจนักในเช้าวันที่บรรยากาศสุดแสนจะอึมครึม ท้องฟ้ายามเช้าที่เคยสดใสก็กลับกลายเป็นสีเทามืดสลัวราวกับตอนเย็น เพราะเมฆฝนสีดำทะมึนก้อนใหญ่ที่ยังคงลอยตระหง่านไร่เรี่ยกับยอดตึกที่เห็นรำไรอยู่ไกลๆ ทั้งยังทำหน้าตาถมึงทึงส่งเสียงดังครืนๆ ขู่กรรโชกคำรามกึกก้องกัมปนาทจนแสบแก้วหูชวนให้ดูน่าครั่นคร้ามเป็นยิ่งนัก ฝนเม็ดใหญ่ที่เคยฉ่ำเย็นก็พลันเหมือนจะพลอยโมโหโกรธาเกรี้ยวกราดสาดกระแทกกระทั้นใส่หลังคาบ้านประหนึ่งว่าจะทะลุผ่านเข้ามาทำลายมนุษย์ตัวเล็กทั้งหลายที่อาศัยอยู่ใต้ฟ้าให้ย่อยยับอัปราไปให้จงได้ เหมือนกับเธอคงไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมอันน่ารังเกียจมากมายของหลายคนที่เห็นแก่ตัวในสังคมทุกวันนี้

ผมเหลียวมองดูภาพเบลอๆ รอบตัวด้วยตาที่พร่ามัวจากรูม่านตาที่เพิ่งขยาย จิตใต้สำนึกที่เริ่มตื่นตัวสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเงียบเชียบ เวิ้งว้าง เย็นยะเยือกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก ระงมหูกับเสียงห่าฝนนับล้านเม็ดที่สาดกระแทกหลังคาดังโครมๆ ประสาทสัมผัสบอกกับตัวผมว่ากำลังถูกดวงตาของปีศาจภูตทมิฬจับจ้องมองอย่างอาฆาตมาดร้ายอยู่ทุกย่างก้าว สภาพภายในห้องนอนก็ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย นี่ผมอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?

หลังจากขยี้ตาสลัดความขุ่นมัวของสติสัมปชัญญะที่ระคนกับความงุนงงสงสัยถึงเคหาสถ์นิวาสถานที่ผมอาศัยพักพิงหลับนอนเมื่อคืน นี่มันไม่ใช่ห้องนอนที่แสนอบอุ่นของผมนี่นา!!! มันเป็นเพียงแค่ศาลาเพิงพักเล็กๆ ริมถนนบนหนทางสายเปลี่ยวเส้นหนึ่ง ที่ทอดยาวมุ่งหน้าตรงผ่านสู่ทุ่งหญ้าสีซีดเหลืองยืนแห้งตายเกลื่อนกราดบนพื้นดินที่แตกระแหงเป็นร่องลึก อันอาจเกิดจากเพราะต้องกับพลังแสงแห่งตะวันอันร้อนแรงที่แผดเผาเสียจนไม่หลงเหลือธารน้ำแห่งชีวิตซักหยดบนผืนดินแห่งนี้อีกต่อไป

พายุฝนที่สาดกระเซ็นอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่ บัดนี้ได้หยุดตกไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ราวกับไม่เคยมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นมาก่อน พื้นดินที่ได้ชุ่มฉ่ำกับเม็ดฝนที่โหมกระหน่ำพรั่งพรูนั้น เพียงชั่วครู่นั้นก็พลันต้องกลับมาเผชิญกับแสงแดดที่เริ่มร้อนแรงขึ้นอีกเรื่อยๆ เป็นเท่าทวีคูณจากดวงอาทิตย์ดวงใหญ่โตมโหฬารกว่าที่ผมเคยพบเจอ มันอยู่ใกล้กับผมมากๆ มากเสียจนสามารถมองเข้าไปเห็นถึงพื้นผิวได้ หินลาวาหลอมเหลวสีแดงเพลิงดังเลือดสดๆ ที่กำลังเดือดพล่านไหลทะลักพุ่งกระฉอกไปทั่วทั้งดวง

รอบตัวผมขณะนี้มีเพียงต้นไม้ใหญ่สูงชะลูดยืนตายซาก กิ่งก้านที่แห้งแข็งหงิกงอแผ่ซ่านไปรอบทิศชวนให้คิดพลันคอยยื้อยุดฉุดกระชากจินตนาการให้เตลิดเปิดเปิงเห็นเหมือนดังมืออันเหี่ยวย่นเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของดวงวิญญาณอันชั่วช้าที่คอยไขว่คว้ามุ่งจับเอาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ผ่านไปมา พื้นดินทุกระแหงที่ร้อนระอุคุกรุ่นไปด้วยไอแดดที่ระเหยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทุกย่างก้าวที่ผมข้ามผ่านไปนั้นมันช่างร้อนรุ่มไปทั่วสรรพางค์กายดั่งเหยียบย่างไปบนกองเพลิงแห่งนรกที่รุมแผดเผาร่างกายอันอ่อนล้าของผมราวกับจะให้มอดไหม้มลายสลายหายกลายเป็นฝุ่นผงธุลีเสียในบัดดล ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นแม้เงาของอะไรอีกเลย นอกเสียจากเส้นขอบฟ้าสีแดงเพลิงยาวสุดลูกหูลูกตาราวกับว่าที่แห่งนี้มันไม่มีจุดสิ้นสุดและดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่พร้อมจะแผ่รังสีความร้อนมหากาฬลงมาเผาผลาญคร่าทุกชีวิตบนโลกนี้ให้ดับสิ้นสูญเพียงชั่วพริบตา

ถนนที่ผมเดินมาเมื่อสักครู่ตอนนี้ก็หายไปแล้ว ไม่รู้ทิศ ไม่รู้ทาง นี่ผมอยู่ที่ไหนกันแน่? ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วผมมาทำอะไรที่นี่และกำลังจะไปไหน? ทำไม? ทำไม? แล้วก็ทำไม? หลากหลายคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบต่างผุดขึ้นมาในสมองอย่างไม่ขาดสาย

ผมรีบออกก้าวเดินอย่างเร็วจนแทบจะวิ่งไปอย่างไร้ทิศทางไร้จุดหมาย พร้อมกับสวดอ้อนวอนให้พระเจ้าองค์ไหน ทวยเทพองค์ใดหรือใครก็ได้มาช่วยผมด้วย โปรดช่วยบอกทางให้ผมที จะเป็นเส้นทางไหนก็ได้ขอเพียงแค่ออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้เสียที แต่ยิ่งวิ่งไปก็ยิ่งดูเหมือนจะถลำลึกเข้าไปสู่หุบเหวแห่งนรกโลกันต์ลงสู่อเวจีอันลึกสุดใต้โลกภูมิ ผมเริ่มอ่อนล้าหมดแรง คอแห้งผาก ไม่มีน้ำแม้สักหยดให้ได้ชื่นใจ เหงื่อไคลไหลย้อยไปทั่วทั้งตัว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อผสมปนเปกับฝุ่นผงดินแห้งที่คละคลุ้งไปทั่วในอากาศอันอบอ้าวร้อนระอุนั้น มันได้ฝังรอยทิ้งคราบโคลนอันสกปรกโสโครกติดตรึงเอาไว้ในเนื้อหนังบนตัวผม ประหนึ่งว่าท่านได้ตีตราความชั่วที่ผมได้เคยทำไว้ให้เผยกระจ่างออกมาเมื่อวันเวลาแห่งการพิพากษาดำเนินมาถึง

ผมนั่งลงฟูมฟายกับตัวเอง รำพึงถึงเงินมากมายที่เฝ้าเพียรขวนขวายหามาทั้งชีวิตนั้นมันไม่สามารถช่วยให้ผมออกไปพ้นจากที่แห่งนี้ได้เลยแม้สักนิด มีคนเคยบอกว่า เมื่อชีวิตคนเริ่มสิ้นหนทาง หมดปัญญาจะแก้ไขใดๆ แล้ว ในห้วงแห่งภวังค์ ณ ช่วงเวลาสุดท้ายก็จะเริ่มคิดย้อนกลับไปหาเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยทำ เปรียบได้กับการพินิจพิเคราะห์ถึงการกระทำทั้งดี-ชั่วที่ได้ปฏิบัติมาตลอดช่วงอายุ เฉกเช่นการรู้สึกสำนึกผิด-ชอบ ชั่ว-ดีในสิ่งที่ได้ล่วงเกินต่อใครๆ ทั้งกาย วาจา ใจ และเพื่อที่จะได้ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรที่ยังคงผูกกันในภพภูมิใดๆ อีกด้วย

นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมหรือนี่? หรือนี่ผมกำลังจะตายใช่ไม๊? ถึงได้มาอยู่ในช่องว่างระหว่างภพภูมิทั้งสาม อันเป็นที่ซึ่งไม่มีกาลและเวลา ช่วงเวลาในที่แห่งนี้นั้นไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะถึงเวลาของแต่ละคน จะถอยกลับก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไม่ถึง ไร้ซึ่งจุดหมาย เคว้งคว้างไร้ทางออก ที่ซึ่งมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้น การที่เริ่มสงบใจได้ทำให้ผมมีเวลาทบทวนทุกช่วงเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่ว่าถ้าหากเป็นช่วงเวลาปกติแล้วผมไม่มีทางจะจำได้เลย แต่ในที่แห่งนี้ทุกอย่างกลับผุดขึ้นมาเหมือนกับหนังเก่าที่ฉายอดีตทุกตอนของเราให้ดูโดยไม่ขาดตกบกพร่อง

ตั้งแต่เกิด พ่อ-แม่เฝ้าทะนุถนอมดูแลอย่างอบอุ่น เมื่อโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็เริ่มไม่พอใจพ่อ-แม่ที่คอยดุด่าว่ากล่าวตักเตือนอย่างเป็นห่วงเป็นใยแต่เรากลับใช้คำพูดสบถหยาบคายทำร้ายจิตใจท่าน เป็นผู้ใหญขึ้นมาก็ไม่ได้เหลียวแลดูแลท่านอย่างที่ควรเพียงเพราะข้ออ้างเดิมๆ ที่ว่าทำงานเยอะ งานยุ่ง ต้องหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ท่านก็ไม่เคยปริปากกลัวลูกจะเสียใจ ทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ารอลูกชายกลับบ้านมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาแค่นั้น จนมาถึงวันนี้ที่เราหายไป ท่านก็คงจะกระวนกระวายร้อนใจอยู่เป็นแน่ และยังอีกหลายต่อหลายเรื่องกับอีกหลายต่อหลายคนจนผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

กริ๊งงงงงงงง … กริ๊งงงงงงงงงงงงง … ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกดังยาวอีกครั้ง ฟ้ายังไม่สว่างดี ตีห้าสี่สิบห้านาทีเหมือนเดิมหรือ? ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ อีกใจก็หวังว่าอยากให้เรื่องร้ายๆ ที่เจอนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ผมกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก แล้วเอามือลูบไปข้างๆ ความหาอะไรก็ได้ที่บ่งบอกว่าผมอยู่ในห้องนอน และความรู้สึกก็บอกว่านี่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงอันอ่อนนุ่มในห้องนอนที่แสนอบอุ่นของผมนี่ ผมดีใจตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน รีบวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อจะไปบอกรักพ่อกับแม่ของผมให้สมกับที่ไม่ได้บอกท่านมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่บ้านเลย พ่อ-แม่ของผมท่านออกไปไหนกันนะ?

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมอยากไปวัดแถวๆ บ้านที่ครอบครัวของเราเคยไปทำบุญกันบ่อยๆ ครั้งเมื่อสมัยผมยังเป็นเด็ก อาจจะเป็นเพราะผมเพิ่งผ่านความฝันอันน่ากลัวในคืนสยองที่เหมือนจริงมากๆ มาก็เป็นได้ เลยขับเจ้าบีเอ็มสปอร์ตคันเก่งออกไปที่วัดเพื่อที่จะไปทำบุญใส่บาตรแต่เช้ามืด แต่ตลอดทางจนถึงวัดก็ไม่มีใครออกมาขายของใส่บาตรซักเจ้าเดียว ฟ้าก็กำลังมืดลงเหมือนฝนจะตกอีกด้วย

ผมได้เจอแม่ของผมอยู่ที่วัดตามที่คาดไว้ ท่านนั่งสงบนิ่งอยู่ที่หน้าศาลาพร้อมกันกับที่ได้ยินเสียงเตรียมเคารพธงชาติลอยมาตามลมแผ่วๆ หรือว่านี่จะเป็นหกโมงเย็นล่ะมั๊ง จนไถ่ถามได้ความว่ามางานศพกัน แม่รู้สึกเมื่อยก็เลยออกมานั่งรอลูกอยู่ข้างนอกนี่แหละ ผมเห็นแล้วดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันเผานะ แขกเหรื่อของเจ้าของงานเริ่มทยอยกันกลับแล้ว แขกหลายคนผมก็รู้จักเสียด้วยสิ ดูเหมือนจะเป็นคนในหมู่บ้านที่ครอบครัวเราอยู่กันนี่แหละ แต่ไม่เห็นมีใครทักผมซักคนเลย พอเดินเข้าไปก็เจอพ่อกับน้องสาวกำลังรับแขกอยู่หน้าตาอิดโรยมากเหมือนไม่ได้พักผ่อนมาเป็นสัปดาห์

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปถามถึงเรื่องราวว่ามันเป็นมาอย่างไรกัน? ก็พลันเหลือบไปเห็นรูปถ่ายที่หน้างานทำเอาผมยืนหน้าซีดเผือดตาค้างช็อคจนแทบหยุดหายใจ ก็นั่นมันรูปแม่ของผมนี่ ผมเพิ่งเจอแม่ข้างนอกเมื่อกี้นี่เองนี่นา ส่วนรูปถัดมาข้างๆ กันนั่นแหละที่ทำให้ผมช็อคเสียยิ่งกว่า ไม่ใช่รูปของใครอื่นเลย มันก็คือรูปตัวผมเองนั่นแหละที่ตั้งอยู่ที่หน้าเมรุ พร้อมกันก็ได้ยินเสียงข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่นช่องหนึ่งรายงานว่า “ความคืบหน้าคดีหนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะพุ่งข้ามเกาะมาชนประสานงาเสียชีวิตคาที่ในรถบีเอ็มสปอร์ตคันหรู ผู้เป็นแม่ช็อคซ้ำหัวใจวายไปตามกันเมื่อสัปดาห์ก่อน  ตำรวจบอกว่า … … ”


เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2556 เวลา 22:52 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : นายเมษา




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2556
0 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2556 21:48:13 น.
Counter : 1236 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.