จากผลสำรวจ ETDA ประจำปี 2559 ที่พบว่าสมาร์ตโฟนครองอันดับ 1 ในฐานะอุปกรณ์การเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยอัตรา 85.5% และมีการใช้งานด้วยความถี่เฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งกิจกรรมหนึ่งที่ทำผ่านสมาร์ตโฟนคือการซื้อขายออนไลน์ และกลายเป็นที่มาของคำศัพท์ m-Commerce นั่นเอง

m-Commerce มีชื่อเต็มว่า Mobile Commerce หมายถึงการทำกิจการซื้อขายบนออนไลน์ผ่านอุปกรณ์มือถือ รวมถึงการทำธุรกรรมออนไลน์ด้วยโดยทั้งหมดทำผ่านอุปกรณ์มือถือหรืออุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงเนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายให้มีความเร็วสูง

m-Commerce VS e-Commerce

1.m-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ e-Commerceคือเป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์เช่นกัน
2.m-Commerce จะทำกิจกรรมบนอุปกรณ์มือถือหรืออุปกรณ์ไร้สายเท่านั้นแต่ e-Commerce คือการทำกิจกรรมบนออนไลน์ทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์PC รวมถึงการทำผ่านอุปกรณ์ทุกชนิดที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ข้อดีของ m-Commerce
1. สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาลดข้อจำกัดดั้งเดิมที่ต้องทำบนคอมพิวเตอร์เท่านั้น
2. ช่วยผลักดันให้ e-Commerce เติบโตขึ้น จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ง่ายขึ้น
3. ลดขั้นตอนความยุ่งยากในการซื้อขายออนไลน์ให้เหลือขั้นตอนน้อยลงเช่น การสั่งซื้อผ่านแอปฯ
รู้จักเทคนิคและกลยุทธ์การขายออนไลน์ให้ทันโลกกับTomorrow's e-Commerce 4.0 คลิกไปที่https://www.etda.or.th/content/tomorrows-e-commerce-4-0.html

ข้อมูลโดย believelove.exteen.com

Create Date : 20 ธันวาคม 2559
Last Update : 20 ธันวาคม 2559 9:16:30 น.		1 comments
Counter : 708 Pageviews.
Share Tweet