เที่ยว Iceland รอบสอง สมหวังซะที กับแสงเหนือ KP 8 Severe (ภาพค่อนข้างใหญ่แนะนำให้อ่านกับจอ 14" ขึ้นไป) ผมกลับไป ไอซ์แลด์ อีกครั้งหลังจากปีที่แล้ว พลาดหวัง จากเป้าหมายหลัก แสงเหนือ  ความรู้สึกกับไอซ์แลนด์ คือไม่เห็นแสงเหนือ ก็ขอให้ได้ไป ที่นี่ไม่วุ่นวาย สายตามองได้ไกลสุดขอบฟ้า ไม่มีตึกสูงบัง อากาศบริสุทธิ์ เป็นเวลาพักผ่อนที่แท้จริง ผมพบกับเรื่องราวที่ต่างไปจาก การเดินทางปีที่แล้วมากมายในสถานที่เดิม ได้คนละความรู้สึกเลยทีเดียว มีทั้งดีขึ้น และ แย่ลง ปีนี้ผมนัดกับกลุ่มน้อง ๆ ได้ หลังจากปีที่แล้วเราต่างคน ต่างไป ถึงแม้เราเดินทางมาคนละประเทศ การเลือกไฟล์ท มีโอกาสไม่มาก แต่สุดท้ายเราก็มาพบกันที่โคเปนเฮเกน  ตอนสาย ๆ วันที่ 2 ตุลา สายการบิน Wow Air พาเราสู่ Reykjavik ก่อนบินเราซื้อ Scott Pure Malt ติดตัวไป เพราะมีคนบอกว่าที่ไอซ์แลนด์ ค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งมันก็เป็นจริง  เจ้าโลว์คอส บินสายกว่าตารางบิน 2 ชั่วโมง ไปถึง สี่โมงเย็นกว่า ๆ วันสบาย ๆ กลายเป็นฉุกละหุก นิดนึง เที่ยวนี้เราเช่ารถที่สนามบินเลย ไม่ยอมเสียเวลาหนึ่งคืน ตั้งหลักใน Reykjavik ที่มีแสงไฟ เต็มฟ้า เมื่อได้รถจาก SIXTH ได้ Sim (ค่าย Siminn เหมือนเดิม) จากร้านในสนามบิน ชั้นล่าง (ตรงรอกระเป๋า ก็มีขาย)  แลกเงินเสร็จ คณะ 3 คน มุ่งตรงสู่น้ำตก Skogafoss เกือบสองร้อยกิโล ห่างออกไป และคืนนี้เราจะนอนที่โรงแรมที่อยู่ติดกับน้ำตกเลย  โรงแรม Skogafoss Hotel (โรงแรมโอเค แนะนำครับ) ฝนตกฟ้ามืดตลอดทาง คืนนี้ คิดว่าอดแสงเหนืออีกละ เราแวะซื้อสะเบียงที่ Bonus Supermarket กลางทาง ไม่ต้องใช้เงินครับ ใช้บัตรเครดิตจ่ายเลยง่ายดี ผมทำอย่างนี้ตลอดทริปเลย ไม่ต้องพกเหรียญตังค์ทอน ข้อดีของการมารอบที่สอง คือ เราจำสถานที่หลัก ๆ ได้หมด วางแผนการเดินทางง่าย มาก ๆ และ เลือกโรงแรมในทำเล ที่เคยหมายตาไว้ แต่เราก็ไปถึงโรงแรมไม่ทันครัว ครัวปิดสามทุ่ม เราถึง สามทุ่ม ห้านาที และ เค้าตรงเวลา ครับ อดชิม ปลาเทร้าท์ มื้อแรก ไป เรื่องอาหาร สำหรับคนไม่อยากใช้เวลากับมันมาก ฝากเป็นข้อมูลไว้คือมือเช้ากินที่โรงแรม มือกลางวัน กินที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งในไอซ์แลนด์มันคือศูนย์อาหารประจำเมือง  และความอร่อยก็แล้วแต่ร้าน บางร้าน อร่อยสุด ๆ ครับ (ราคาตั้งแต่ 300 - 800 บาท) บางร้านมีข้าวขายด้วย เพราะคนจีนมาเที่ยวเยอะจริง ๆ จ่ายด้วยบัตรเครดิต มื้อเย็นตามอารมณ์ครับ ส่วนใหญ่ที่เจอคือ ปั๊มใหญ่อย่าง N1 จะอร่อยน้อยกว่า อีกเจ้าสีเขียว Olis เก็บของในห้องไป กินสเบียงพร้อมดื่มไปเรื่อย ๆ เตรียมนอนเพื่อตื่นลุ้นแสงเหนืออีกทีตอนตีสอง ตีสาม เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่า ท้องฟ้าโปร่ง พี่ ผมไปเดินเล่นก่อนนะ (ในอากาศ 2 C ครับ) เจ้าน้องเล็กบอก  และจากนั้น ไม่เกิน อึดใจ พวกเราก็ต้องแต่งชุดกันหนาวเต็มชุด พร้อมกล้องคู่ชีพ เพราะว่า แสงเหนือ ที่ระดับ KP3 ได้ปรากฏตัว หลังจากเมฆ ที่เต็มฟ้า จู่ ๆ ก็หายไป หลังจากกลับมา ผมได้ข้อสรุปว่า แสงเหนือ ระดับ KP 3-5 เหมาะกับการถ่ายรูปมากกว่า KP 7-8 ครับ  อย่างรูปน้ำตกนี้ แสงนวลตา ความสว่างท้องฟ้า กับ ผืนดิน ใกล้เคียงกัน  บทเรียนที่บอกกับตัวเองอีกข้อก็คือ จะไม่ยอมดัน iso เกิน 800 และ ต้องใจเย็นว่าก่อนถ่ายภาพจะ Focus ที่ Foreground หรือ ท้องฟ้า พูดง่าย ๆ คือ อย่าไปตื่นเต้นมาก เมื่อเห็นแสงเหนือ ใจเย็น ๆ เพลิดเพลินได้ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง เมฆก็มา เราเข้านอน เพื่อจะตื่นตีสาม มาตามล่าแสงเหนืออีกที ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง สองภาพบนคือ หลักฐาน รูปบนนั้นเป็นรุ้งจากแสงจันทร์ครับ คืนวันที่ 2 ตุลา พระจันทร์สว่างมาก ๆ ถึงเช้าท่ามกลางความหนาวสะท้านใจ โชคดีที่แสงแดด มาก่อประกายรุ้ง ให้เราได้ตื่นเต้นอีกครั้ง วันที่สอง ต้องไปอีก เกือบสองร้อยกิโล เพื่อ ผ่านเมือง VIK ไปยัง Jokulsalon ทะเลสาบเลื่องชื่อ ที่แสดงถึงชื่อ ไอซ์แลนด์ ได้ดีที่สุด การเดินทางมาครั้งที่สอง รู้เลยว่า เสพ ความงาม ความสดชื่น ของ ไอซ์แลนด์ ลงไปน้อยมาก ปีนี้สายลมเอื่อย ๆ ไม่รุนแรง แต่เราก็แวะ Vik นิดเดียว เพราะเคยมาแล้ว ใจก็มุ่งปลายทางอย่างเดียว ผ่านทุ่งมอส ที่นุ่มเหมือนที่นอน แบบ เร็ว ๆ จอดรถถ่ายวิว แบบเร็ว ๆ แล้ว ก็ไป มาคิดได้ทีหลังว่า ควรให้เวลากับรายละเอียดมากกว่านี้  แต่งานนี้ก็คงต้องเร็ว ๆ แหละ เพราะกลัวไม่ทันอาทิตย์ตอนเย็น (ไม่เป็นไร ปีหน้าเอาใหม่ จะมาหน้าร้อน เพื่อนฝูงสนใจตามได้ครับ คร่าว ๆ เดือน กรกฏาคม) ผ่านโลเคชั่น สวย ๆ ไปเรื่อย ๆ เร็ว ๆ รูปบนนี้ ให้สังเกตรถบัสสีเหลือง เทียบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ครับ เหนือคำบรรยาย ตอนแรก น้ำตก Skatafell ก็เป็นอีกเป้าหมายนึง แต่เดินไกลพอสมควร เราก็เลยยกเลิก เพราะอยากให้ถึง Jokulsalon ยามเย็น เรามาถึง Jokulsalon แบบผิดหวังนิด ๆ เมฆมาอีกแล้วเต็มฟ้า เลย ความฝันที่จะถ่ายภาพ ก้อนน้ำแข็ง หาดสีดำ กับ ท้องฟ้ายามเย็น ก็แห้วไป เป็นสองวันสองคืน ที่อยู่กับฝน ไม่ได้ภาพ ดี ๆ เลย แต่ก็เป็นความสุขที่นั่งดู เมฆ หาของกินอร่อย ที่เมือง HOFN ที่นี่มีร้านดัง Humarhöfnin เรากิน signature dish ราคาประมาณ จานละสองพันบาทเศษ ๆ  ภาษาท้องถิ่นเรียก Langoustine  นิยามว่าเป็น Lobster แต่ผมว่าไม่ใช่ ผมคิดว่าเป็นกุ้งชนิดนึง ตัวใหญ่ มีสี่ตัวในจาน แต่ใครจะสนใจหละครับว่าเรียกว่าอะไร เพราะมันอร่อยจนต้องดูดนิ้วครับ (ใช้มือเลย) highly recommend  ร้านเปิด เที่ยงตรง เราก็ไปถึงเที่ยงตรง พอไปถึง ทัวร์จีนเต็มร้านแล้ว ปีนี้ไปที่ไหน ก็เจอแต่คนจีน ปีที่แล้ว ไปที่ไหนก็มีแต่ตัวเรา ต่างกันมากมาย คนจีนที่เจอส่วนใหญ่จะมารยาทดี Fully Equip กล้องถ่ายรูปก็คือรุ่น TOP เลนส์ รุ่น TOP gadget จัดเต็ม ฐานะดีมากแต่ส่วนน้อยก็ยังเป็นอย่างที่เราไม่ค่อยชอบกัน โวยวาย ไม่เกรงใจ (อยากต่อย เลย ในบางอารมณ์) เจ้ากุ้งที่ว่านี่เป็นจานอร่อยที่สุด จานหนึ่งที่เคยกิน ไปมาหลายทวีป หลายประเทศละ แนะนำสุดขีดครับ อ่านเรื่องราวของมันได้ที่  //www.tripadvisor.com/Restaurant_Review-g189960-d1515947-Reviews-Humarhofnin-Hofn_East_Region.html ฝรั่งเค้าไม่กินหัว Lobster แต่เราคนไทย มันคือส่วนที่อร่อยที่สุด พึ่งคิดได้ว่าต้องถ่ายรูปตอนมันเหลือสองตัวแล้วครับ เรานอนกันที่ Hali Country Hotel เป็นโรงแรมที่ประทับใจ แต่ต้องจองก่อน เป็นเดือน ๆ ที่นี่ อาหารอร่อย subject ถ่ายรูปเยอะ (ถ้าแสงดี) ห้องดี ห่างจาก Jokulsalon ในระยะไม่เกิน สิบกิโล ซึ่งถือว่าใกล้สุด ๆ  แต่ สองคืนที่นี่มีแต่ฝน เราขับรถย้อนกลับมานอนแถบ Seljigafoss waterfall ไม่ไกลจาก VIK แต่มันก็เป็นอีกคืน ที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะเมฆฝน  โรงแรม Holt Guesthouse ที่เรานอนค่อนข้างโอเค แต่ไม่แนะนำ เพราะราคาต่อคืนสูงเกินไป วันที่ ห้าในไอซ์แลนด์ เรามุ่งสู่ Geyser และ Gullfoss Waterfall แสงอาทิตย์เริ่มมีให้เห้น ให้ดีใจ และสุดท้าย เราก็ได้แสงอาทิตย์พอดี ๆ ที่ น้ำตกเลื่องชื่อ ที่สำคัญคืนนี้ฟ้าอาจเปิดที่ แสงเหนือระดับ KP6  มันเป็นอีกวันนึงที่ลุ้น มาก ๆ  และ เมื่อความมืดมาเยือน เจ้าแสงเหนือ (โคตรแสงเหนือ) ก็มาโชว์ตัว คืนนี้เห็นไม่ยากเลย ไหลข้ามขอบฟ้า เต้นระริก ๆ ออกสีฟ้าเจิดจ้า มีให้ดูหมด แตกต่างจากคืนแรกที่ต้องตั้งใจดูโดยสิ้นเชิง รูปบนนี้เป็นรูปนึงที่ชอบ ประมาณอารมณ์ว่า สวัสดีชาวโลก อะไรทำนองนี้ แสงเหนือก็มี texture ของตัวเองครับ เช้ารุ่งขึ้น ในอารมณ์ที่สดชื่น เรามุ่งหน้าสู่ Kirkjufell ที่นี้เราเจอแสงเหนือระดับ KP 8 พร้อมกับเมฆค่อนฟ้า ตื่นเต้น และ บอกกับตัวเองว่าคุ้มค่าสุด ๆ ครับ  สำหรับแผนที่การเดินทางก็เมือนตอนแรกที่เขียนไว้ใน Blog นะครับ ซ้ำเส้นทางเดิมเลย เราใช้เวลา สองวันที่พื้นที่อย่างมีความสุข ค้นพบน้ำตกนิรนามข้างทาง ถ่ายภาพวิวสวย ๆ ที่ทำยังไง ก็ไม่สวยเท่าของจริง ในที่สุดการเดินทางมัน ๆ ของเรา ก็มาถึงวันท้าย ๆ เราแวะเข้ามาทักทาย Reykjavik หาอะไรอร่อย ๆ ทาน น้อง ๆ เดินทาง ไป Austria ต่อคืนนั้น เลย ไปที่ Hallstatt ซึ่งผมพึ่งไปเยือนมา ส่วนผมมานอนที่โรงแรม Airport Hotel Smari (โรงแรมดีครับ แนะนำ) ในสนามบิน รอบินไฟล์ท เจ็ดโมงเช้า กลับมาทำงานตามชีวิตปกติต่อไป จบละครับ Blog นี้ผมเขียนขึ่นเผื่อเพื่อน ๆ จะอ่านอย่างมีความสุข ส่วนผมบันทึกการเดินทางอ้างอิง ในครั้งหน้า เพราะผมคงต้องไปที่นี่อีก หลายรอบแน่นอน ขอบคุณครับที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ 20 ตุลาคม 2558 @ Muscat   Create Date : 19 ตุลาคม 2558 6 comments Last Update : 22 ตุลาคม 2558 1:07:26 น. Counter : 7136 Pageviews. Share Tweet

คราวหน้าไม่พาไปไม่ได้แล้ว   โดย: Kaew IP: 37.59.6.32 22 ตุลาคม 2558 11:38:56 น.

สวยน่าไปมากๆ ค่ะ ดูรูปแล้วเหมือนตามไปเที่ยวด้วยเลย   โดย: Jangjoop IP: 192.99.14.36 22 ตุลาคม 2558 12:11:04 น.

สวยมากๆ คุ้มจริงๆที่ได้ไปค่ะ   โดย: New IP: 1.47.160.217 22 ตุลาคม 2558 14:49:50 น.

อยากไปมากเลยพี่กลับมาเมืองไทยแล้วจัดทริปไปกัน   โดย: Neung IP: 180.183.47.184 24 ตุลาคม 2558 8:32:46 น.

สวยมากมากมาก ถ่ายรูปได้ขั้นเทพเลยค่ะ อยากไปอยากไป   โดย: PuiPui IP: 1.46.79.77 8 มกราคม 2559 7:48:34 น.

สอบถามหน่อยครับ ช่วงที่ไปนี่ช่วงวันที่เท่าไหร่เดือนอะไรครับ   โดย: ชัยวัฒน์ IP: 1.46.44.7 1 พฤษภาคม 2561 21:58:27 น.