... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
ตอนที่ 8 คือรัก? (May be Love)



ฮโยจูและแชวอนมุ่งหน้าไปยังสปาวัลเล่ย์ที่ที่ทั้งสามตกลงกันว่าจะไปต่อหลังจากเล่นเครื่องเล่นเสร็จ

“เชื่อฉันเถอะ ฉันว่ายัยนั่นคงไปรอที่สปารวัลเลย์แล้วล่ะ” ฮโยจูกล่าวปลอบใจเพื่อนเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ถ้าหาคุณอัญชันไม่เจอนะน่าดู” แชวอนคาดโทษ เมื่อรถจอดยังลานจอดรถร่างบางก็รีบลงจากรถทันที

“อ้าวนี่รอด้วยซิแชวอน!” ร่างโปร่งร้องเรียกเพื่อนหากแต่ตอนนี้เธอเดินตัวปลิวเข้าประตูไปแล้ว ร่างบางรีบเดินเข้าไปภายในและกวาดสายตามองหาร่างเล็ก ก่อนจะพบเข้ากับร่างคุ้นตาซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงบริเวณจำหน่ายตั๋วทางเข้า ที่นี่เหมือนดั่งสวนน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งให้บริการทั้ง ซาวน่า สวนน้ำ เครื่องเล่น และบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง รวมถึงการแสดงต่างๆที่จะสับเปลี่ยนเวียนมาไม่ซ้ำกัน เมื่อร่างบางเห็นอัญชันจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าร่างเล็กนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว หากแต่ยังมีร่างสูงของจินโฮยืนอยู่เคียงข้าง

“ที่ผมมาที่นี่ เพราะผมมีบางอย่างจะบอกกับคุณ” จินโฮพูดกับอัญชันด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมรักคุณ” เขากล่าวอย่างหนักแน่น ทำให้คนฟังถึงกับตกตะลึง รวมถึงดาราสาวที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ด้วย ร่างบางถึงกับใจเสียที่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้กับอัญชัน เธอแทบไม่อยากจะรอฟังคำตอบของอีกฝ่าย หากแต่ขาเจ้ากรรมก็ไม่ยอมขยับไปไหน

“คุณจินโฮ คือฉัน........” อัญชันเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ

“ผมทราบครับ ว่าคุณมีใครในใจแล้ว ที่ผมบอกนี่ไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแต่อยากให้คุณรู้ไว้เท่านั้น และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ........ก็แค่ เท่านั้นละครับ” จินโฮอธิบาย หากแต่อัญชันก็ยังรู้สึกลำบากใจอยู่ดี ผิดกับคนที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ที่ตอนนี้ยิ้มแก้มปริเพราะร่างเล็กไม่ได้ตอบรับความรู้สึกของจินโฮ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเป็นกังวลเรื่องใครในใจของอัญชันที่ร่างสูงพูดถึง

“เขาเป็นใครกันนะ?” ร่างบางนึกในใจ

“แชวอนทำอะไรของเธอนะ? ทำไมไม่เข้าไปข้างในละ?” ร่างโปร่งร้องถามเมื่อเข้าเดินมาเห็นท่าทางลับๆล่อๆของเพื่อน เสียงของฮโยจูทำให้จินโฮและอัญชันหันมาทางทั้งสอง

“คุณแชวอน?” อัญชันเอ่ยด้วยความแปลกใจ

“พี่จินโฮ!?” ฮโยจูเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เห็นจินโฮที่นี่


“ให้ตายเถอะทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบแย่” ฮโยจูเอ่ยขึ้นหลังจากที่อัญชันเล่าเหตุการณ์ระทึกที่เธอไปเจอมา

“นี่เธอมีสิทธิ์พูดแบบนั้นด้วยหรอ” จินโฮท้วงขึ้นอย่างประชดประชัน

“ทำไมละ ฉันก็แค่หยอกเล่นเฉยๆ ใครจะไปคิดล่ะว่ายัยนี่จะโง่เดินมาคนเดียว” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่หยี่ละ

“ฮโยจู!” จินโฮเอ็ดเสียงเขียว ในขณะที่ร่างบางเอาแต่นิ่งเงียบ จนร่างเล็กสังเกตอาการของเธอได้

“คุณแชวอนเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?” อัญชันถามกับร่างบาง

“.....เปล่าค่ะ” แชวอนตอบสั้นๆด้วยใบหน้าครุ่นคิด ตอนนี้ในสมองเธอเต็มไปด้วยคำถามซ้ำๆดังก้องอยู่

“เขาคนนั้นเป็นใครกัน?”

หลังจากสงครามน้ำลายระหว่างฮโยจูและจินโฮสงบลงทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปใช้บริการของสปาวัลเลย์แห่งนี้ จินโฮซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวก็แยกออกไปใช้บริการบ่อน้ำร้อนในส่วนของผู้ชาย อัญชันเองที่เพิ่งเผชิญอาการหนาวข้างถนนก็รีบตรงเข้าบ่อน้ำร้อนหญิงทันที ส่วนฮโยจูและแชวอนขอตัวไปซื้อของฝากและเสื้อผ้าก่อนจึงจะตามเข้าบ่อน้ำร้อนไปทีหลัง เมื่อร่างเล็กเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็รู้สึกขัดเขินกับการเปลื้องผ้าที่ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวของสาวๆแต่ละคน ก่อนที่จะทำใจกล้าถอดเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็วและรีบใส่ผ้าขนหนูกระโจมอกทันที ร่างเล็กมุ่งตรงไปยังบ่อน้ำร้อน เมื่อเข้ามาภายในก็ต้องตื่นตากับขนาดของบ่อที่หลากหลายและใหญ่โต รวมถึงผิวขาวๆของสาวเกาหลีซึ่งใจกล้ากันน่าดู พวกหล่อนเดินโทงๆอย่างไม่อายฟ้าดิน ทำให้สาวไทยใจป๊อดอย่างอัญชันต้องเดินตัวหลีบไปยังบ่อซึ่งอยู่ในสุดและไม่ค่อยมีคน เมื่อถึงบ่อที่หมายอัญชันก็รีบดึงผ้าขนหนูออกและลงไปแช่ในบ่อทันที ด้วยกลัวว่าจะมีใครดวงตกหันมาเห็นร่างเปลือยเปล่าซึ่งดูไม่ต่างจากเด็กอนุบาลของเธอเข้า ได้แช่ในน้ำร้อนแบบนี้อุณหภูมิในร่างเธอจึงค่อยๆสูงขึ้นหลังจากติดลบอยู่นาน ร่างเล็กถึงกับครางออกมาด้วยความพอใจพร้อมหลับตาพริ้ม เมื่อแช่ไปได้สักพักร่างเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง

“แบบนี้ คุณแชวอนก็ต้อง...........” อัญชันจินตนาการถึงดาราสาวเมื่อหล่อนเข้ามาในบ่อน้ำร้อนนี้

“อยู่นั่นไงแชวอน ทางนี้ๆ ยัยเตี้ยนั่นอยู่นี่” เสียงฮโยจูร้องเรียกเพื่อนสาวให้เดินมายังตำแหน่งที่ร่างเล็กอยู่ อัญชันได้ยินดังนั้นก็มองไปยังต้นเสียงก่อนจะปรากฏร่างบางของดาราสาว เธอเดินเข้ามาด้วยผ้าขนหนูกระโจมอกผืนน้อย และค่อยๆถอดออกช้าๆ อัญชันมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ก่อนที่เลือดจะไหลออกมาจากจมูกพร้อมๆกับสติที่ค่อยๆลางเลือน

“คุณอัญชัน ๆๆ” เสียงนุ่มน่าฟังเรียกชื่อร่างเล็กด้วยความห่วงใย อัญชันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

“เป็นยังไงบ้างค่ะ?” แชวอนถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่คนที่เพิ่งได้สติถึงกับตกใจรีบลุกพรวดทันที หลังจากร่างเล็กหมดสติไปทั้งสองก็พามายังห้องแต่งตัว พร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วย

“คะ คะ...คุณแชวอน” ร่างเล็กติดอ่างและรีบเอามือปิดจมูกตัวเองไว้ด้วยกลัวเลือดมันจะไหลพรวดออกมา พร้อมมองดาราสาวอย่างสำรวจ หากแต่ตอนนี้แชวอนใส่ผ้าขนหนูกระโจมอกอยู่

“ยัยโรคจิต” เสียงฮโยจูดังขึ้นที่ข้างหนูร่างเล็ก

“ฮโยจู!” แชวอนเอ็ดใส่เพื่อน

“ก็จริงนี่ แค่เธอถอดผ้าขนหนูยัยนี่ก็ถึงกับเลือดกำเดาไหล ถ้าไม่ใช่โรคจิตแล้วจะเป็นอะไร” ร่างโปร่งอธิบาย อัญชันได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ

“เลือดกำเดาไหลมันมีตั้งหลายสาเหตุ น้ำอาจจะร้อนเกินไปก็ได้” แชวอนแย้ง ร่างเล็กจึงพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ

“งั้นหรอ” ฮโยจูกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปดึงผ้าขนหนูของเพื่อนออก เผยให้เห็นบิกินี่ตัวน้อยที่เธอเพิ่งไปซื้อกับร่างโปร่งมาก่อนจะเข้าไปในบ่อน้ำร้อน หากแต่นั่นก็ทำให้ร่างเล็กตกตะลึงตาค้างอยู่ดี
แหมะๆๆ เสียงเลือดสีข้นจากจมูกของอัญชันค่อยๆหยดลงพื้น

“ว้าย! เห็นไหม ยัยนี่โรคจิตจริงๆ” ฮโยจูร้อง

“รีบๆเอาผ้ามาซับเลือดก่อนเถอะ” แชวอนบอกเพื่อน ก่อนจะเข้าไปปฐมพยาบาลร่างเล็ก

เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายจบลงทั้งสามก็ออกไปยังห้องซาวน่า ที่ที่นัดกับจินโฮไว้ ร่างเล็กเดินตามหลังมาคอตกพลางซับเลือดกำเดาที่ยังคงไหลอยู่เล็กน้อยของตนตลอดทาง จินโฮมองเห็นอาการดังกล่าวก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง

“เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย?” จินโฮถามด้วยความสงสัย

“จะเกิดอะไรล่ะ ก็ยัยนี่หื่นแตกนะซิ” ฮโยจูตอบ จินโฮได้แต่ทำหน้างง

“ฮโยจู! คุณอัญชันเลือดกำเดาไหลนะค่ะ” แชวอนเอ็ดเพื่อนก่อนจะหันไปตอบจินโฮ

“เป็นอะไรมากไหมครับ ไปหาหมอดีไหม?” จินโฮถามร่างเล็กอย่างโอนโยนพร้อมก้มมองด้วยความเป็นห่วง สร้างความขุ่นใจให้สองสาวเพื่อนซี้ที่ยืนมองตาร้อนอยู่ข้างๆ

“แค่นี้เอาถุงเย็นประคบก็หายแล้ว มานี่ยัยเตี้ย” ฮโยจูหมันไส้จึงเข้าไปลากร่างเล็กให้เดินไปหาพนักงานกับเธอ ก่อนจะได้รับถุงเย็นมาประคบ จากนั้นทั้งสี่ก็นั่งเล่นกันในห้องซาวน่าสักพักจนรู้สึกสบายตัว แล้วจึงแยกย้ายไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับ หากแต่ร่างเล็กพบว่าที่อาบน้ำนั้นเป็นแค่ฝักบัวที่อยู่ติดกันเป็นพืดโดยไม่มีผนังหรือประตูใดๆ

“คุณอัญชันไม่ไปอาบน้ำหรือค่ะ?” แชวอนเอ่ยถามขึ้นเมื่อยังเห็นร่างเล็กยืนทื่ออยู่

“คือฉัน....ฉันยังไม่อยากอาบนะค่ะ เดี๋ยวค่อยกลับไปอาบที่บ้านก็ได้” อัญชันตอบหน้าเจื่อน

“ยี้สกปรก ไปกันเถอะแชวอน” ฮโยจูที่ได้ยินก็ทำท่ารังเกียจและรีบลากเพื่อนสาวไปอาบน้ำกับเธอทันที เมื่อสองสาวเดินไปพ้นแล้วร่างเล็กก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก หากเธอต้องไปอาบน้ำร่วมกับแชวอนมีหวังเลือดเธอคงไหลหมดตัวแน่ เพราะไม่รู้แน่ว่าที่เลือดกำเดาไหลเป็นเพราะอากาศหนาวๆร้อนๆ ที่เจอมาหรือเพราะดาราสาวกันแน่ เพราะฉะนั้นป้องกันตัวไว้ก่อนดีกว่า อัญชันคิด

หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทุกคนก็ออกมาพบกันที่หน้าประตูทางเข้าสปาวัลเลย์

“โอ้ยหิวจังเลยอ่ะ แชวอน” ฮโยจูคร่ำครวญขึ้น

“งั้นก็รีบกลับเถอะ ป่านนี้คุณแม่คงทำอาหารไว้เลี้ยงมื้อใหญ่แล้วล่ะ” แชวอนตอบ

“เลิศ! พี่จินโฮไปทานด้วยกันนะค่ะ” ฮโยจูเข้าไปคล้องแขนออดอ้อนร่างสูงทันที

“เจ้าบ้านเขายังไม่เชิญเลย จะให้พี่ไปได้ยังไง” จินโฮเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองที่แชวอนเป็นตาเดียว

“เอ่อ...เชิญค่ะ ยินดีต้อนรับ ทานกันเยอะๆน่าสนุกดีออกค่ะ” แชวอนตอบอย่างเจ้าบ้านที่ดี หากแต่ใจจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขาไปด้วยเลย เพราะไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใครบางคน

“งั้นไปกันเถอะค่ะ” ฮโยจูรีบลากแขนร่างสูงเดินไปทันที

“เอ้าเดี๋ยวซิแล้วคุณอึนชัน...” จินโฮท้วงขึ้นหากแต่ไม่เป็นผลร่างโปร่งไม่ฟังเสียงดึงรั้งเขาลูกเดียว จนจินโฮต้องเดินตามอย่างจำใจ เหลือเพียงอัญชันและแชวอนที่ยืนมองพวกเขาเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากัน

“เอ่อ...งั้นเราก็ไปกันเถอะค่ะ” แชวอนเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำร่างเล็กไป


เมื่อมาถึงบ้านคุณและคุณนายมุนก็ต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี คุณนายมุนเตรียมหม้อไฟหม้อใหญ่ไว้ให้ทุกคนทานกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมทั้งสนทนากันอย่างถูกคอ หลังจากทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาที่จินโฮต้องขอตัวกลับ เพราะเขาจองโรงแรมเอาไว้ในตัวเมืองก่อนแล้ว และคงไม่เหมาะที่จะค้างบ้านของแชวอน

“พรุ่งนี้เราจะไปวัดแฮอินซากันนะค่ะ พี่ต้องไปให้ได้นะ” ฮโยจูบอกเสียงใสขณะออกมาส่งจินโฮที่หน้าบ้าน

“อืม....ผมกลับก่อนนะครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับคุณอึนชัน แล้วเจอกันครับ” หากแต่จินโฮกลับตอบร่างโปร่งเพียงสั้นๆก่อนจะหันไปกล่าวลากับอัญชันอย่างอ่อนโยน แล้วจึงแล่นรถออกไป ฮโยจูจึงหันกลับไปมองอัญชันตาเขียว

“ยัยโรคจิต” ฮโยจูพูดใส่ด้วยน้ำเสียงรังเกียจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปและเบียดร่างเล็กจนล้ม ร่างโปร่งไม่แม้จะหันกลับมามอง อัญชันได้แต่มองฮโยจูอย่างอ่อนใจ นี่เธอคงจะโดนล้อว่าโรคจิตยันลูกบวชแน่ๆ

“เป็นยังไงมั่งค่ะ?” แชวอนเข้าไปช่วยพยุงอัญชัน

“ไม่เป็นไรค่ะ” ร่างเล็กตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ขอโทษแทนฮโยจูด้วยนะค่ะ วันนี้เขาทำกับคุณไว้เยอะเลย” แชวอนเอ่ยขอโทษเสียงเศร้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่า ฉันพอจะเข้าใจคุณฮันขึ้นมาบ้างแล้วล่ะค่ะ” อัญชันตอบพลางลูบศีรษะหัวเราะแฮะๆ คำพูดนั้นทำให้แชวอนทำหน้าสงสัย แต่ไม่นานก็เข้าใจคำพูดของอีกคน ว่าเพราะจินโฮที่ฮโยจูรักหนักหนาดันมาชอบร่างเล็กเข้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัญชันจะโดนฮโยจูแกล้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นแชวอนเลยเดินหนีออกมาด้วยใบหน้าเฉยชาที่ซ่อนอารมณ์ไว้ภายใน ให้ร่างเล็กมองตามด้วยความแปลกใจ


ค่ำคืนที่ดวงดาวพรางพราวเต็มฟ้า แม้อากาศจะหนาวเย็นแต่ร่างบางก็ยังพาตัวออกมาสูดอากาศของนอก เพราะทนอยู่ในห้องที่เพื่อนตัวป่วนคอยกวนใจอยู่ไม่ไหว ตอนนี้ในสมองเธอมีเรื่องวุ่นให้ครุ่นคิด ร่างบางนั่งลงไปยังเกาอี้ชิงช้าสีขาวหน้าบ้านพร้อมเหม่อมองดาวบนฟ้า

“ผมทราบครับ ว่าคุณมีใครในใจแล้ว” คำพูดของจินโฮดังขึ้นในสมองเธออีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่นึกถึง ใครกันที่ครอบครองหัวใจร่างเล็ก ใครกันที่โชคดีปานนั้น

“แล้วนี่ฉัน...ทำไม..ต้องคิดแบบนี้ด้วยเนี่ย?” ร่างบางเอ่ยขึ้นกับตัวเอง เธอสงสัยและสับสน ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องน้อยของตัวเองออกมา หวังจะได้คุยกับคนรู้ใจให้ลืมเรื่องวุ่นๆ หากแต่ใครอีกคนนั้นไม่ได้อยู่ในระบบ ร่างบางจึงต้องนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว เมื่อไม่มีสิ่งอื่นให้ทำ สมองเธอก็กลับมาครุ่นคิดเรื่องเดิมอีก

“ให้ตายเถอะ มันจะกวนใจกันมากไปแล้วนะคุณอัญชัน” ร่างบางพูดอย่างเหลืออด

“ขะ ขอโทษค่ะ!” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินออกจากบ้านมาได้ยินเสียงเอ็ดเข้า จึงกล่าวขอโทษไปอย่างตกใจ ร่างบางเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าอีกคนที่อยู่ๆ ตัวป่วนหัวใจก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกไม่กล่าว

“งั้นฉันเข้าบ้านก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กกล่าวก่อนจะหันหลังกลับ

“ไม่ต้องค่ะ ฉัน..ฉันไม่ได้ว่าคุณ” แชวอนร้องห้ามขึ้น อัญชันจึงหันกลับมาช้าๆ

“เอ่อ...งั้นฉัน ขออยู่ข้างนอกนี้ด้วยคนนะค่ะ” ร่างเล็กขออนุญาต ก่อนจะเดินออกไปยังสนามหน้าบ้าน อัญชันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีดาวอยู่พรางพราว

“สวยจังเลยนะค่ะ” ร่างเล็กเอ่ย แชวอนจึงเงยหน้ามองตาม

“นั่นสิค่ะ ดาวเต็มฟ้าเลย สวยมากๆเลยนะค่ะ” ร่างบางตอบ

“ฉันหมายถึงดวงจันทร์นะค่ะ เพราะต่อให้มีดาวเต็มฟ้าก็ไม่งดงามเท่าแสงนวลของจันทรา” ร่างเล็กอธิบาย ทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดง ก่อนที่ร่างเล็กจะรู้สึกตัวว่าพูดอะไรสองแง่สองงามออกไป เลยไม่รู้จะแก้ตัวยังไงได้แต่ยืนเกาศีรษะตนเอง ทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งด้วยไม่รู้จะพูดอะไรกัน ก่อนที่อัญชันจะสังเกตเห็นว่าร่างบางนั่งตัวสั่นอยู่ เนื่องจากเธอไม่ได้นำเสื้อโค้ทออกมาด้วย ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปหาเธอและคลุมผ้าคลุมที่ตัวเองคลุมออกมาจากบ้านให้แก่ร่างบาง แชวอนมองหน้าร่างเล็กด้วยความแปลกใจและรีบถอดผ้าคลุมคืนให้อีกคน

“คลุมไว้เถอะค่ะ กลางคืนอากาศมันเย็นมากนะค่ะ” หากแต่ร่างเล็กห้ามมือบางไว้ แชวอนจึงต้องรับไว้อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเห็นอีกคนยืนตัวสั่นแทน ทั้งที่ตัวเองใส่แค่เสื้อแขนยาวตัวเดียวแท้ๆยังเอาผ้าคลุมให้เธออีก ร่างบางถึงกับอมยิ้มให้ความใจดีนี้

“คุณอัญชันค่ะ” แชวอนเรียกเสียงหวาน

“ค่ะ?” ร่างเล็กจึงหันมาด้วยความสงสัย ร่างบางจึงตบไปที่ม้านั่งด้านข้างตัวเองเป็นสัญญาณบอกให้อีกคนมานั่งข้างๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ร่างเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่าย อัญชันเดินไปนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆแชวอน ปากก็พยายามเป่าลมร้อนใส่ฝ่ามือเพื่อคลายความหนาว ก่อนที่ร่างบางจะขยับเข้ามาใกล้ร่างเล็กและแบ่งผ้าคลุมให้อีกคน

“คลุมไว้นะค่ะ กลางคืนอากาศมันเย็นมาก” แชวอนพูดล้อคำพูดของอัญชัน ร่างเล็กที่เจอร่างบางประชิดตัวก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งแข็งทื่อในขณะที่ทั้งหูและใบหน้าแดงเถือกด้วยความเขินอาย แชวอนได้แต่หัวเราะขบขันกับท่าทางนั้น

“คุณอัญชันร้อนหรือค่ะหน้าแดงเชียว?” ร่างบางแกล้งถามขึ้น

“อ่ะ..ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ร้อนค่ะ กำลัง...กำลังดีเลยค่ะ” ร่างเล็กถึงกับตอบติดอ่าง แชวอนมองท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู เพราะคนตัวเล็กน่ารักถึงเพียงนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอจะเผลอใจรักสาวเฟอะฟ่ะคนนี้เสียแล้ว......?

“ละมั้ง อาจจะนะ” ร่างบางคิดในใจ เมื่อได้ข้อสรุปของหัวใจที่ไม่ค่อยจะแน่ชัดนักก็ทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลาย บวกกับบรรยากาศแสนสบายนี้ทำให้เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว จึงไปซบเข้ากับไหล่ของร่างเล็ก อัญชันเกือบสะดุ้งที่อยู่ๆคนข้างๆก็ซบมาที่ไหล่ ร่างเล็กค่อยๆหันไปมองคนข้างๆอย่างช้าๆ ก็พบเข้ากับใบหน้างามหลับตาพริ้ม อัญชันนิ่งมองใบหน้านั้นเนิ่นนาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ฉายแสงนวลบนท้องฟ้าอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มให้

“ราตรีสวัสดิ์นะ My Sweet Moon”



Create Date : 21 พฤษภาคม 2554
Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 15:24:01 น. 0 comments
Counter : 507 Pageviews.

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.