... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
ตอนที่ 13 รักร้าว (Sore Love)




ภายในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งแถวชานเมือง ที่คนไม่พลุกพล่าน หญิงสาวร่างโปร่งนั่งชูคอระหงส์อยู่โต๊ะด้านในสุดของร้าน แม้แว่นตาดำอันใหญ่ที่เธอใส่จะปิดบังใบหน้าเธอไปเกือบครึ่ง แต่เคล้าความงามของรูปหน้าเธอยังเด่นเป็นสง่าเรียกความสนใจจากพนักงานและ ลูกค้าในร้านที่นั่งกันไม่กี่โต๊ะให้แอบหันมามองเป็นระยะๆ ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเปิดประตูเข้ามาในร้านแล้วเดินตรงไปยังหญิงสาวคนดัง กล่าว เขาวางซองเอกสารที่ปิดผนึกมาอย่างดีลงที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้าม เธอ

“นี่ข้อมูลที่คุณอยากได้” เขากล่าวก่อนจะยื่นซองเอกสารให้เธอ หญิงสาวยื่นมือไปคว้าซองดังกล่าวหากแต่ผู้ให้กลับไม่ปล่อยมันให้เธอ หญิงสาวจึงควักซองจดหมายซึ่งบรรจุตั๋วแลกเงินอยู่ปึกใหญ่ ชายคนดังกล่าวจึงรับมันมาแล้วปล่อยซองเอกสารให้กับเธอ เขาเปิดซองจดหมายเช็คจำนวนเงินก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ

“ขอบคุณที่ใช้บริการ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” เขาพูดกวนก่อนลุกจากไป หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างเคืองขุ่น

“ไอ้ บ้าเอ้ย โอกาสหน้าหรอ ชาติหน้านะซิ แค่ให้หาข้อมูลแค่นี้ เรียกตั้งห้าล้าน นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องของแชวอนนะ ฉันไม่มีวันจ้างแกแน่” หญิงสาวบ่นเป็นวรรคเป็นเวร ก่อนจะหันไปสนใจยังซองเอกสารในมือ เธอไม่รอช้ารีบแกะซองทันที หากแต่มือถือเจ้ากรรมดันดังขึ้นขัดจังหวะ

“อะไร?....... ห่ะ? จริงหรอ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ” เธอรับสายด้วยอารมณ์ขุ่น หากแต่พอได้ยินเรื่องราวจากปลายสายก็ทำให้เธอเปลี่ยนความสนใจจากซองเอกสาร และมุ่งหน้าไปยังสนามบินอินชอนทันที เพราะเพื่อนรักของเธอกลับมาแล้ว


ณ จุดรอรับกระเป๋าหญิงสาวร่างบางที่สวมแว่นดำปิดบังใบหน้ากำลังยืนกระวนกระวายใจอยู่ไม่ไกลจากร่างเล็กนัก

“ใจเย็นๆค่ะ ไม่มีอะไรหรอก” อัญชันเอ่ยปลอบเมื่อเห็นแชวอนยืนตัวสั่น ก่อนจะเข้าไปกุมมือร่างบางไว้

“ฉัน สัญญาค่ะ ว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ร่างเล็กปลอบพร้อมรอยยิ้มเย็น ทำให้อีกคนผ่อนคลายลง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกุมมือกันไปยังทางออกผู้โดยสารขาเข้า ร่างบางเริ่มสั่นขึ้นอีกครั้งเมือเดินเข้าใกล้ประตูทางออก เธอหยุดชะงักก่อนจะถึงประตู ร่างเล็กจึงต้องหยุดตามก่อนที่จะกระชับมือคนขี้กลัวให้ฮึดสู้ ร่างบางจึงยอมเดินตามผู้นำตัวเล็กอย่างว่าง่าย เมื่อทั้งสองเดินผ่านประตูออกมาก็พบเข้ากับฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ต่างชูป้ายเป็น กำลังใจให้ดาราสาว มุนแชวอน ก่อนที่ทั้งหมดจะร้องเพลงประสานเสียงให้กำลังใจดาราสาว แชวอนรู้สึกตกใจในตอนแรกด้วยไม่คิดว่าจะมีคนทราบถึงการกลับมาของเธอ ดาราสาวมองแฟนๆของเธอที่กำลังร้องเพลงอย่างตั้งใจจึงร้องไห้ออกมาด้วยความ ซาบซึ้ง แล้วจึงหันไปมองคนตัวเล็กข้างๆ อัญชันหมายจะเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้หากแต่โดนร่างโปร่งของฮโยจูที่จู่ๆก็ฝ่า วงล้อมเข้ามากระโจนใส่ร่างบางเต็มรัก

“ยัยเพื่อนบ้าหายไปไหนมา รู้ไหมฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน?” ฮโยจูบ่นใส่เพื่อนสาวทั้งน้ำตา ทั้งสองต่างกอดกันด้วยความคิดถึง ก่อนที่ร่างสูงของจินโฮจะปรากฏตัวขึ้นและมอบช่อดอกไม้รับขวัญดาราของเขา แชวอนรับมันและกล่าวขอบคุณ พร้อมทั้งโค้งขอบคุณแฟนๆไปรอบทิศโดยที่น้ำตาแห่งความปิติยังคงรินไหล

“ขอบคุณนะค่ะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” อัญชันกระซิบบอกจินโฮ

“พูด อะไรอย่างงั้นละครับ ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นได้เพราะฝีมือคุณ ผมแค่ช่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น” ร่างสูงตอบ ร่างเล็กได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มและมองดูผลงานตัวเองอย่างชื่นใจ


หลัง กลับจากสนามบินอัญชันและแชวอนแยกกันกลับด้วยเพราะฮโยจูอยากจะอยู่กับเพื่อน สาวของตนหลังจากที่จากกันนาน จินโฮจึงอาสามาส่งอัญชันที่บ้าน เมื่อร่างเล็กก้าวลงจากรถก็วิ่งเข้าไปกอดเพื่อนรักของตนที่ยืนรออยู่หน้า บ้านอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว

“นี่แกอ้วนขึ้นหรือเปล่า คงมีความสุขจนจุกอกเลยซินะ” เอื้อเฟื้อทักทายเพื่อนด้วยคำเหน็บแนบ

“แกนี่นะ ไม่เจอฉันตั้งนาน จะทักทายกันดีๆไม่มีเลย” ร่างเล็กเอ็ดใส่เพื่อนปากกล้าทันที

“พวกคุณนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ” จินโฮกล่าวขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองหยอกล้อกัน

“ฉันว่าในเมื่ออยู่พร้อมหน้ากันสามคนแบบนี้ พวกเราไปหาอะไรทานกันหน่อยไหมค่ะ”อัญชันเสนอพลางทำมือกระดกเหล้า

“เป็น ความคิดที่ดีมาก หลังจากที่พวกฉันทำงานให้แกมาอย่างยากลำบาก แกควรจะเลี้ยงตอบแทนพวกเราอย่างดีนะ” เอื้อเฟื้อบอก อัญชันยิ้มรับอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่นานทั้งสามก็มานั่งยังโต๊ะตัวเก่าที่ร้านป้าเจ้าประจำ

“นี่หรอเลี้ยงอย่างดี!” เอื้อเฟื้อบ่นอุบ

“แล้วนี่มันไม่ดีตรงไหน ไม่ดีก็อย่ากินเอามานี่เลย” อัญชันกล่าวพลางหยิบชามจาจังมยอนของเอื้อเฟื้อหากแต่โดนเพื่อนตัวดียึดไว้แน่น

“ใคร บอกว่าไม่กินละ” เอื้อเฟื้อบอกก่อนจะรีบโซ้ยจาจังมยอนทันที อัญชันจึงหันไปสนใจยังคนตรงข้ามที่นั่งมองทั้งสองทะเลาะกันด้วยความสนุกสนาน

“คุณมั่นใจไหมค่ะว่าจะไม่เกิดปัญหาการฟ้องร้อง?” ร่างเล็กเปิดประเด็นขึ้น

“ผม มั่นใจครับ ผมได้ปรึกษากับทีมกฎหมายของบริษัทเราแล้ว พวกเขาว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ผู้เสียหายที่พอจะเป็นโจทย์ฟ้องร้องก็คือสถานี แต่ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นมันก็จะยิ่งเป็นการประจานตัวเองว่าพวกเขาช่วยผู้กำกับ ลีจริง ผมว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรปล่อยให้ข่าวซาลงและทำเหมือนเป็นผู้เสียหายถูกผู้ กำกับลีหลอกไปด้วย แบบนั้นดูท่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า” จินโฮอธิบาย

“ได้ยินคุณยืนยันแบบนี้ฉันก็สบายใจค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณหรือบริษัทต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้” อัญชันกล่าวอย่างโล่งอก

“ผม บอกแล้วไงละครับ ว่ามันก็เป็นหน้าที่ของผมเหมือนกัน” จินโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เอื้อเฟื้อที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่สงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี่เหลือ เกิน หลังจากทานเสร็จอัญชันและเอื้อเฟื้อจึงกลับมายังบ้านของตน ก่อนที่ร่างเล็กจะได้เดินเข้าห้องของตัวเองก็โดนเอื้อเฟื้อจับลากมานั่งคุย

“เล่า มาให้หมดเลย ไปเมืองไทยทำอะไรมั่ง แล้วเรื่องของแกกับคุณแชวอนไปถึงไหนแล้ว แล้วกับคุณจินโฮนี่มันยังไงกันแน่?” เอื้อเฟื้อรัวถามเป็นชุด

“นี่แกจะให้ฉันตอบอันไหนก่อนเนี่ย?” อัญชันถามกลับ

“ก็ตอบมาสักอย่างเหอะน่า” เอื้อเฟื้อเหวี่ยง

“โอเค ฉันกลับเมืองไทย พาคุณแชวอนไปเที่ยวหลายที่เลย จากนั้นก็ไปบ้าน....” อัญชันเล่าแต่ไม่ทันจบเอื้อเฟื้อก็สวนขึ้น

“บ้าน! บ้านสวนนะหรอ? แล้วลุง...เอ่อ พ่อนะ พ่อเขาไม่ถามอะไรหรอ?” เอื้อเฟื้อลนลานถามถึงพ่อบุญธรรมที่เขาไม่คุ้นที่จะเรียกว่า พ่อ

“ลุงพวงหรอ ก็ไม่นี่ ฉันอยู่เป็นอาทิตย์ไม่เห็นถามอะไรเลย” อัญชันตอบ นั่นยิ่งทำให้เอื้อเฟื้อหน้าซีด

“เป็นอาทิตย์! เวรแล้วไง ชอบหาเรื่องให้ฉันจริงๆเลย ไหนแกบอกว่าจะแค่แวะไปไง!” เขาโวยวายยกใหญ่

“อะไรของแกเนี่ย แกเองไม่ใช่หรอที่บอกให้ฉันกลับบ้านนะ” อัญชันสวนกลับ

“ฉันบอกให้แกกลับไปไหว้แม่ไม่ใช่ไปอยู่เป็นอาทิตย์ ยัยบ้าเอ้ย...... แล้วเรื่องแกกับคุณแชวอนล่ะ” เขายังคงถามต่อ

“......เธอบอกเธอรักฉัน” อัญชันตอบหน้าบาน

“เฮอะๆ แล้วแกบอกเขาเรื่องนั้นแล้วหรอ?” เอื้อเฟื้อขัดคอขึ้น

“.......ยัง” ร่างเล็กตอบหน้าหงอย

“งั้นก็เตรียมใจไว้แล้วกัน แล้วเรื่องคุณจินโฮละจะเอาไง?” เอื้อเฟื้อถามต่อ

“ยังไงอะไร? คุณจินโฮกับฉันก็ไม่มีอะไรไง เข้าใจกันดีแล้ว” ร่างเล็กตอบอย่างไม่ยี่หละ

“นี่แกบอกเขาหรอว่าแกชอบคุณแชวอน?” เอื้อเฟื้อฉงน

“เปล่า! แต่ดูเหมือนเขาจะรู้นะ” ร่างเล็กตอบเสียงอ่อน

“เชื่อ เขาเลยว่ะ นี่เขาคงชอบแกมากนะเนี่ย คนอย่างแกนี่มัน....ไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้นละ!” เอื้อเฟื้อกล่าวอย่างหมันไส้และดีดนิ้วไปกลางหน้าผากร่างเล็กก่อนจะวิ่งเข้า ห้องตัวเอง ร่างเล็กได้แต่ตะโกนด่าไล่หลัง

เอื้อเฟื้อเข้ามานั่งถอน หายใจอยู่ในห้องคนเดียวพักใหญ่ ก่อนจะกดโทรศัพท์ต่อสายไปยังผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ หากแต่เพียงรับเลี้ยงเขาไว้เพียงเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นและคนดูแลอัญชันกับ ครอบครัวต่อไปในภายภาคหน้าต่อจากตน เอื้อเฟื้อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ลุงพวงหรือพ่อของตนฟัง หากแต่เสียงที่ตอบกลับมีเพียงประโยคสั้นๆและเรียบเฉย

“อืม...ดูแลหนู ชันดีๆแล้วกัน มันเป็นหน้าที่ของแก” เสียงปลายสายจากผู้เป็นพ่อก่อนจะวางสายไป เอื้อเฟื้อได้แต่นั่งทอดถอนใจ แม้จะเป็นเรื่องปกติที่คนอย่างลุงพวงจะพูดแบบนั้นกับเขา แต่ทุกครั้งมันก็ทำให้เขารับรู้เสมอว่าไม่เคยได้รับความรักแม้แต่น้อยนิดจาก ผู้ชายเย็นชาที่ให้ความรักและความสำคัญแค่เพียงครอบครัวของอัญชันเท่านั้น แม้เขาจะเกลียดที่พ่อตนเองให้ความสำคัญต่อครอบครัวอัญชันมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาเองก็ไม่ต่างกัน เพราะครอบครัวอัญชันก็เป็นสิ่งสำคัญต่อเขาไม่แพ้กัน แต่เขาจะไม่มีวันเป็นคนอย่างลุงพวงที่ไม่สามารถสร้างและให้ความรักต่อครอบ ครัวตนเองได้ เขาจะเป็นคนที่มีความรักมากมายให้กับคนรอบข้าง และสร้างครอบครัวของตนด้วยความรักที่อบอุ่นรวมถึงไม่ลืมที่จะรักและดูแลครอบ ครัวอัญชันให้มีความสุขตลอดไป


ด้านดาราสาวสองคนหลังจากกันไป นานพวกเธอก็ใช้เวลาด้วยกันตามประสาเพื่อนสาวคนสนิท ต่างบอกเล่าเรื่องราวมากมายในช่วงที่ทั้งสองจากกันให้แก่กันฟัง

“อะไรนะ!!!!!” ฮโยจูอุทานลั่นห้องหลังได้ยินถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวของตนกับศัตรูตัวร้าย

“นี่ เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ต้องให้ฉันสาธยายไหมว่าทำไมเธอถึงรักกับยัยนั่นไม่ได้น่ะห่ะ? เธอรู้บ้างหรือเปล่าเนี่ยว่ากำลังทำอะไรอยู่?” ฮโยจูโวยวายยกใหญ่

“ฉัน รู้ๆ ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ว่าแม้จะมีเหตุผลเป็นร้อยว่าทำไมฉันถึงไม่ควรรักคุณอัญชัน แต่ว่า....มันก็ไม่สามารถสู้กับเหตุผลข้อเดียวที่ฉันมีอยู่ในใจได้” แชวอนกล่าวให้เพื่อนสาวฉงน

“ห่ะ?” ฮโยจูสงสัย ร่างบางจึงยิ้มอย่างเอียงอาย

“ก็ เพราะฉันรักเขาไงล่ะ” แชวอนตอบพลางทุบไปที่ไหล่เพื่อนสาวด้วยความเขินอาย ฮโยจูได้แต่ทำหน้ารับไม่ได้ที่ได้ยิน ร่างโปร่งทนความเลี่ยนไม่ไหวจึงต้องขอตัวไปห้องน้ำ โดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสะพายของตนติดตัวไปด้วยเพราะจะทาครีมบำรุงผิว แต่เมื่อเธอเปิดกระเป๋าก็พบกับซองเอกสารที่เปิดค้างไว้ ร่างโปร่งจึงหยิบออกมาดูให้กระจ่างใจว่าใครกันที่เป็นมือดีปล่อยภาพฉาวให้ เพื่อนสาวของเธอต้องเจอวิบากกรรม เมื่อทราบว่าเป็นหนึ่งในนักข่าวสายบันเทิงซึ่งเคยเห็นหน้าคร่าตากันมาบ้าง เธอจึงต่อสายไปยังผู้จัดการของเธอทันที

“ผู้จัดการค่ะ ฉันอยากให้สัมภาษณ์ ช่วยติดต่อนักข่าวด้วยค่ะ.....ขอเป็นนักข่าวคิมจากเอ็สนิวส์นะค่ะ” ร่างโปร่งบอกปลายสาย


ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในโรงแรมห้าดาวชื่อดัง ดาราสาวฮัน ฮโยจูที่เพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำละครพีเรียตในช่วงเช้าเดินตรงไปยังห้อง รับรองห้องหนึ่งของร้านอาหาร ที่ที่เธอนัดเจอกับนักข่าวคิมจากเอสนิวส์เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษ ผู้จัดการของเธอเปิดประตูให้ร่างโปร่งเดินเข้าไปอย่างสง่างาม เธอเหลือบตาไปมองนักข่าวคนดังกล่าวก่อนที่ประตูจะปิดลง ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ตรงเข้าจู่โจมนักข่าวคิมทันที

“แกกล้าดียังไงมาทำกับเพื่อนฉันแบบนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าใครจ้างแก บอกมาๆๆ!!!” เธอบีบคอเขาพร้อมเขย่าร่างถาม

“ฮโยจู! ใจเย็นๆ บีบคอแบบนั้นเขาก็พูดไม่ได้นะซิ” ผู้จัดการของเธอเตือนสติ เธอจึงคลายมือออกจากลำคอเขา เขาถึงกับสำลักเสียงแหบแห้ง

“อะ...อะไรกันครับเนี่ย?” นักข่าวคิมถามหลังตั้งสติได้

“อย่า มาไขสือ ฉันรู้หมดแล้ว ว่าคุณคือคนที่ปล่อยภาพของแชวอน” ร่างโปร่งเฉลยพร้อมโยนซองเอกสารข้อมูลที่เธอได้มาให้กับเขา เขาหยิบมันขึ้นมาดูก็พบข้อมูลของตนในซองนั้น นักข่าวคิมถึงกับหน้าซีด

“ตะ...แต่ ผม...ก็ให้เงินพวกคุณไปแล้วไง พวกคุณยังเซ็นสัญญาเลยว่าจะไม่ฟ้องผม แล้วนี่จะเอาอะไรอีก?” นักข่าวคิมแย้ง คำพูดของเขาสร้างความสงสัยให้ร่างโปร่งมากยิ่งขึ้น

“คุณหมายถึงใครกัน ใครที่ทำเรื่องบ้าๆนั่น?” ฮโยจูถาม

“ก็ คุณปาร์ค จินโฮ ซีโอโอของ สตาร์เคย์ ต้นสังกัดคุณแชวอนไงครับ อ้อแล้วก็เจ้านั่น มันชื่ออะไรน้า...เท็ดดี้เจ้าเท็ดดี้!” เขาตอบเสียงสั่น คำตอบของเขาทำเอาร่างโปร่งแทบล้มทั้งยืน เธอรู้สึกขาไม่มีแรงจึงนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เธอพึมพำเหมือนดั่งคนบ้า

“จริงๆนะครับ ผมมีสัญญาจะเอามาให้คุณดูก็ได้” นักข่าวคิมยืนยัน ฮโยจูถึงกับมองเขาตาขว้าง

“ไป เอามา! ไปเอามาให้ฉันดู!” เธอตะคอกใส่เขา นักข่าวคิมจึงรีบลุกออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งจึงสั่งให้ผู้จัดการของตนตามไปเอาเอกสารสัญญาดังกล่าวมา เหลือเพียงเธอที่ยังคงนั่งช็อคอยู่กับความจริงที่ตนค้นพบ เธอพยายามครุ่นคิดว่าทำไมคนที่เธอรักและศรัทธาอย่างปาร์ค จินโฮ ถึงได้อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายนี้ แล้วยังเจ้าเท็ดดี้ที่ว่านั่นอีก มันเป็นใครกัน เมื่อคิดคนเดียวไม่ออกเธอจึงโทรหาเพื่อนรักเพื่อขอคำปรึกษา

“เธอ อยู่ที่ไหนหรอ?.....เข้าใจแล้วเดี๋ยวฉันไปหาเธอที่สตูนะ” ร่างโปร่งพูดกับคนปลายสายก่อนจะตรงไปยังสตูดิโอรายการหนึ่งที่มุนแชวอนเป็น แขกรับเชิญ

“ใครหรือค่ะ?” ร่างเล็กถามหลังจากร่างบางคุยโทรศัพท์เสร็จ

“อ้อฮโยจูน่ะ เธอว่าจะมาหา” ร่างบางตอบก่อนจะหันมากดมือถือของตนเขียนอีเมลต่อจากที่ค้างไว้ เพราะโดนฮโยจูโทรมาขัดจังหวะ

“เอ่อ....คือ.....ฉันมีบางอย่างจะบอกกับคุณนะค่ะ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น นั่นเรียกความสนใจจากร่างบางได้เธอจึงหันมายังอัญชันเพื่อรอฟัง

“คุณ แชวอน ถึงคิวแล้วนะครับ เชิญออกไปรอด้านนอกเลยครับ” ทีมงานคนหนึ่งโผล่เข้ามาในห้องและบอกคิวการแสดง ร่างบางเดินตามไปยังที่เขาบอก ร่างเล็กจึงต้องเก็บเรื่องสำคัญไว้ก่อนและเดินตามร่างบางไป ก่อนถ่ายทำแชวอนได้ฝากมือถือของตนไว้กับร่างเล็ก ซึ่งในนั้นร่างบางเขียนอีเมลถึงเท็ดดี้แบล์ค้างไว้อยู่ หากแต่ร่างเล็กเองไม่ทันได้สังเกตจึงถือมันเอาไว้อย่างนั้นตลอดการถ่ายทำ รายการ เมื่อถ่ายทำเสร็จร่างบางขอมือถือคืนจากอัญชันและเดินกดมันมาตลอดทางกลับมา ยังห้องแต่งตัว จากนั้นจึงกดส่งข้อความก่อนจะหันมาพูดกับร่างเล็ก

“ไหนคุณว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือค่ะ?” ร่างบางถามพร้อมรอยยิ้ม


ร่าง โปร่งมาถึงสตูดิโอในขณะที่ยังถ่ายทำอยู่จึงไปรอในห้องแต่งตัว เธอเฝ้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่นักข่าวคิมบอก หากแต่เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง ที่จินโฮจะเป็นคนรับเงินจากคนที่ปล่อยภาพให้แชวอนเสื่อมเสีย ทันใดนั้นเสียงริงค์โทนเตือนว่ามีข้อความเข้าจากมือถือเครื่องหนึ่งดังขึ้น ร่างโปร่งเดินไปยังมือถือเครื่องนั้นซึ่งเจ้าของวางลืมไว้หน้ากระจก เมื่อดูจากกระเป๋าที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วเธอก็พอจะเดาได้ว่าใครที่เป็นเจ้าของ มัน เธอจึงเปิดดูข้อความนั้น


ถึงเท็ดดี้แบล์ที่รัก

แม้ ในอีเมลฉบับสุดท้ายที่ฉันส่งถึงคุณจะบอกว่าฉันจะไม่ส่งมาอีกก็เถอะ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นฉันก็คิดว่าคุณคงเป็นห่วงมากแน่ๆ ฉันไม่เป็นไรแล้วนะ คนคนนั้นเขาอยู่เคียงข้างจนฉันหายดี ฉันเสียใจที่พูดตัดรอนคุณแบบนั้น แต่ฉันแค่อยากจะเด็ดขาดกับตัวเอง และตอนนั้นเป็นเพราะฉันอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ไม่ปกติ จึงได้เขียนอีเมลแย่ๆแบบนั้น โปรดเข้าใจฉันด้วย ถึงอย่างไรสำหรับฉันแล้ว คุณก็เป็นแฟนคลับคนพิเศษของฉันเสมอ หวังว่าจะได้รับการตอบรับจากคุณในเร็ววัน
มุนปงกูของคุณ


ร่าง โปร่งถึงกับมือไม้สั่นกับความจริงตรงหน้า เท็ดดี้แบล์แท้จริงแล้วคืออัญชันนั่นเอง ทันใดร่างโปร่งก็หวนคิดถึงคำพูดของนักข่าวคิม “ก็คุณปาร์ค จินโฮ ซีโอโอของ สตาร์เคย์ ต้นสังกัดคุณแชวอนไงครับ อ้อแล้วก็เจ้านั่น มันชื่ออะไรน้า...เท็ดดี้เจ้าเท็ดดี้!” ร่างโปร่งประติดประต่อเรื่องทั้งหมดก็สรุปได้ว่า เธอคิดว่าอัญชันคือคนที่ถ่ายรูปนั่นแล้วส่งให้นักข่าวคิม และอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด โดยจงใจเข้ามาตีสนิทกับแชวอนเพื่อฉวยโอกาสทำลายชื่อเสียงตั้งแต่ต้น เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอแทบอยากจะกระอักเลือดด้วยความเจ็บแค้น ทันใดร่างโปร่งก็แว่วเสียงของร่างบางที่หน้าห้อง เธอจึงเดินไปตามเสียงนั่น ก็พบอัญชันและแชวอนยืนคุยกันอยู่

“เอ่อ....คือฉัน.....” อัญชันกำลังจะบอกเรื่องที่ตนเป็นเท็ดดี้หากแต่โดนร่างโปร่งขัดขึ้นเสียก่อน

“มากันแล้วหรอ? รายการเป็นยังไงบ้าง?” ฮโยจูถามร่างบางหากแต่สายตากลับจ้องมองไปยังร่างเล็กอย่างดุดัน ทำให้อัญชันรู้สึกใจเสีย

“ก็ดีนะ ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะคลี่คลายได้ดีแบบนี้” แชวอนตอบอย่างชื่นบาน

“นั่น สิ ไม่คิดเลย ฉันว่าบางทีคนแถวนี้เองก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้นะ ใช่ไหม?” ร่างโปร่งหันไปถามอัญชัน ทำให้แชวอนและร่างเล็กสงสัยว่าเธอต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่

“ให้ ตายเถอะ เธอนี่มัน ดื้อตาใสจริงๆเลยนะ ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเธอก็คงจะอยู่แบบนี้ต่อไปซินะ คอยโอกาสแทงข้างหลังเพื่อนฉันอีกครั้ง!” ฮโยจูกล่าว

“คุณฮันพูดเรื่องอะไรหรือค่ะ?” ร่างเล็กถามด้วยความฉงน ก่อนที่ร่างโปร่งจะชูมือถือของอัญชันขึ้นมา

“นี่ ไงล่ะ ดูซะสิแชวอน เธอจะได้รู้ว่านางงูพิษนี่ที่จริงแล้วเป็นใคร” ฮโยจูยื่นมือถือไปให้ร่างบาง แชวอนรับมันมาและอ่านอีเมลที่เธอเพิ่งส่งให้กับเท็ดดี้แบล์ในมือถือของ อัญชัน

“นะ...นี่มันอะไรกัน คุณ....คุณคือเท็ดดี้.....” ร่างบางพูดอย่างอ่อนแรงด้วยความช็อค อัญชันได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจรีบดึงมือถือของตนกลับมาและดูอีเมลดังกล่าว ร่างเล็กหน้าซีดด้วยความหวาดหวั่น

“ทีนี้เธอรู้แล้วซินะ ว่านังนี่คือจอมหลอกลวง มันต้องการใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเธอตั้งแต่แรกแล้ว มันคือคนที่อยู่เบื้องหลังภาพหลุดนั่นทั้งหมด มันหลอกใช้เธอเข้าใจไหมแชวอน มันหลอกเธอ!” ร่างโปร่งเขย่าร่างบอกเพื่อนสาวที่กำลังอยู่ในอาการช็อค

“ไม่ใช่อย่างงั้นนะค่ะ คุณแชวอนฟังฉันนะค่ะ คือว่า....” อัญชันพยายามอธิบายหากแต่โดนร่างโปร่งผลักเธอเสียจนล้มไปกองกับพื้น

“อย่า เข้ามาใกล้เพื่อนฉันอีก!” ฮโยจูประกาศกร้าว ก่อนจากลากเพื่อนสาวไปยังรถของตน ร่างเล็กพยายามเหนี่ยวรั้งทั้งสองหากแต่ไม่สามารถทัดทานแรงฮโยจูได้ ร่างโปร่งขับรถจากไปโดยมีอัญชันวิ่งไล่ตามหลังก่อนจะเสียหลักล้มกลิ้งจนเป็น แผลถลอก


ณ คอนโดของดาราสาวมุน แชวอน สองสาวเพื่อนรักกำลังนั่งคุยกันเสียงเครียด

“เธอพูดจริงหรอ เรื่องภาพนั้นนะ?” แชวอนถามเสียงสั่น

“ใช่ ฉันสืบมาหมดแล้ว มีหลักฐานด้วยว่าพวกเขารับเงิน” ฮโยจูตอบ

“พวกเขา?” แชวอนถามด้วยความฉงน

“ไม่ ใช่แค่นังนั่น....แต่พี่จินโฮก็ร่วมด้วย.....โอ้ยฉันอยากจะบ้า! เชอะทำเป็นพูดเกาหลีไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง ที่ไหนได้ ฉันอยากจะฆ่านั่งนี่จริงๆ” ร่างโปร่งโวยวายไม่หยุด หากแต่แชวอนได้แต่นั่งนิ่ง

“ฉัน....ขอไป....ล้างหน้าล้างตาก่อนนะ” ร่างบางกล่าวก่อนจะลุกขึ้น หากแต่ขาของเธอไร้เรี่ยวแรงจึงล้มลงไม่เป็นท่า ฮโยจูจึงเข้าไปประคองเพื่อนรักไว้ ร่างบางจึงกอดเพื่อนสาวแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ทำไม? ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย? ทำไมหรอ ทำไม?” ร่างบางร่ำไห้กับอกเพื่อนสาว ฮโยจูได้แต่กอดร่างสั่นเทิ้มของแชวอนและร้องไห้ไปด้วยกัน เพราะเธอเองก็เสียใจไม่น้อยที่จินโฮร่วมมือกับคนร้ายกาจอย่างอัญชันทำร้าย เพื่อนรักของเธอ แม้ที่ผ่านมาเขาจะปฏิเสธความรู้สึกของเธอแต่เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษที่เธอ ชื่นชมเสมอ หากแต่ครั้งนี้เพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเขาถึงกับยอมทรยศต่อตนเอง นั่นทำให้ฮโยจูหมดสิ้นศรัทธาและความรู้สึกใดๆต่อเขาแล้ว เห็นทีเธอคงต้องตัดใจจากเขาให้เด็ดขาด ทันใดนั้นเสียงออดที่หน้าห้องก็ดังขึ้น สองสาวมองหน้ากันก่อนที่ฮโยจูจะเดินไปดูว่าใครกันที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ

“คุณ แชวอนค่ะ ได้โปรดฟังฉันอธิบายก่อนเถอะค่ะ ฉันอธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะค่ะ ได้โปรดฟังฉันหน่อยเถอะค่ะ” ร่างเล็กบอกผ่านอินเตอร์คอมพ์ ฮโยจูมองภาพอัญชันในจอด้วยความเครียดแค้น

“ฝันไปเถอะว่าฉันจะเปิด ประตูให้” ร่างโปร่งกล่าวกับตนเองก่อนจะหันกลับไปพบกับร่างบางที่ยืนจ้องหน้าจอน้ำตา ไหลพราก ร่างบางก้าวไปยังหน้าจออินเตอร์คอมพ์ที่ปรากฏภาพของอัญชัน เธอลูบไล้มันด้วยความรักใคร่พร้อมกับน้ำตาที่รินไหลด้วยความเจ็บปวด

“อย่านะแชวอน อย่าเปิดนะ” ฮโยจูพูดเตือนสติเพื่อน ร่างบางจึงกลั้นใจกดตอบคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู

“คุณ ยังจำที่เคยสัญญากับฉันได้ไหม ตอนนี้ฉันอยากให้คุณทำมัน ถ้าอย่างน้อยสักเรื่องหนึ่งที่คุณพูดมันจะเป็นความจริง ก็ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก” ร่างบางพยายามพูดให้น้ำเสียงราบเรียบที่สุด แต่แท้จริงแล้วเธอกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ เมื่ออัญชันได้ยินคำขอดังกล่าวก็ถึงกับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับกล้องอินเตอร์คอมพ์และเดินจากไปอย่างเงียบสงบ ร่างบางทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นร่างเล็กเดินจากไป เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หัวใจที่แหลกเหลวลงด้วยน้ำมือของคนที่รัก ความเจ็บปวดมันเป็นเช่นนี้เอง ทางด้านอัญชันเมื่อเดินพ้นประตูลิฟต์ลงมาชั้นล่างของคอนโดเธอก็ล้มลงกับพื้น เหมือนดั่งเข่าไร้เรี่ยวแรง หยดน้ำตาค่อยๆรินไหลอาบแก้ม ร่างเล็กพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นหากแต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ ยามรักษาความปลอดภัยของคอนโดจึงเข้ามาช่วยพยุงเธอ

“คุณครับเป็นยัง ไงบ้างครับ? ให้ผมเรียกรถพยาบาลไหม?” เขาถามด้วยความเป็นห่วงหากแต่ร่างเล็กกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆเพราะในหัวของ เธอนั้นดังก้องไปด้วยประโยคนั้นของร่างบาง

“ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก, ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก, ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก.........” มันดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของเธอ เมื่ออัญชันลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของยามรักษาความปลอดภัย เธอก็เดินอย่างเลื่อนลอยออกไปทันที



Create Date : 23 มกราคม 2555
Last Update : 23 มกราคม 2555 15:57:23 น. 0 comments
Counter : 441 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.