ฝนแรก กับความทรงจำอันหลากหลาย
เปาะ แปะ ครืน ครืน ซู่... มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นฝนเริ่มที่จะเพิ่มความรุนแรง ขึ้นที่ละน้อย จากชานหน้าต่างยื่นออกไปมองไปไกลเห็นฝั่งภูเขาที่มีเมฆสีเทาก้อนใหญ่ไหลลงต่ำ ทาบทับจนมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเมฆก้อนนั้นจะตกลงมาทับภูเขาได้ทั้งลูก ปรับสายตามองใกล้ๆมีแต่ความมืดครึ้มเสียงฝนเสียงลมพัดไปมา แสงจากบ้านเรือนเริ่มเปิดให้เห็นแสงลอดจากหน้าต่างบ้างแล้วเพื่อจะเตรียมพร้อมหากฟ้าฝนไม่เป็นใจจะร่วงหล่นแรงจนทำให้เมืองมืดมิด
หากถ้าวันไหนที่มีหัวใจที่ขุ่นมัวมองผ่านหน้าต่างในช่วงเวลาแบบนี้แล้ว ความรู้สึกเศร้าระคนทนทุกข์กับความเจ็บช้ำในเรื่องที่ผ่านมา ความชอกช้ำที่มีแต่เดิมในหัวใจก็คงจะผุดกันเหมือนดอกเห็นหลังฝนตกเป็นแน่แท้ ยิ่งมองยิ่งเศร้าคนเรามักจะเอาความรู้สึกต่างๆ ไปผูกติดไว้กับฤดูที่วนว่ายถ่ายเทเข้ามาในแต่ละปี ใครก็ตามที่พอเห็นฝนแล้วกลับมีความรู้สึกในด้านลบ จบไม่สมหวังหรือฝันกันแบบลมๆ แล้งๆ หวังว่าจะให้มีน้ำฝนสักหยดเข้ามาหยดลงตรงดวงใจทำให้หัวใจที่แห้งผากกลับมีชีวิตขึ้นใหม่ คงต้องทำให้ใจเอาไว้ก่อนว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วหาได้จะย้อนกลับมา แต่ความคิดย้อนกลับไปสร้างความสุขก็มีอยู่อมยิ้มน้อยใหญ่เป็นแน่
เมื่อยามฟ้าฝนเป็นใจร่วงล่นจากฟากฟ้า ก็คงได้เป็นการถือโอกาสอันดีให้คิดถือความเป็นเด็กว่าได้ทำอะไรที่สนุกไปกับช่วงฟ้าฝนเป็นใจอย่างนี้ หากฝนตกหนักมากการเล่นปั้นดินปั้นโคลน หน้าบ้านแล้วคอยมองดูสิ่งก่อสร้างค่อยๆละลายหายไปกับสายฝนและน้ำที่ชะเสียจากปราสาทกลายเป็นกองดินทรุดโทรม ไม่ก็ปั้นเสร็จเล่นเป็นยักษ์พังข้าวของก็สะใจอยู่มิใช่น้อย หรือหากฝนที่ตกเป็นฝนที่หนักนานๆ พอเริ่มฝนซาหลังคาเริ่มสะอาดก็ได้ลงถอดเสื้อผ้าวิ่งเล่นอาบน้ำฝนหน้าบ้าน อาบน้ำใต้ชายคาบ้านตัวเองด้วยน้ำที่สะอาดจากน้ำฝน (จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเอาเก้าอี้ไปไว้บนระเบี้ยงสบู่ยาสระผม ปีนี้ก็จะรอ)
เมื่อยามเศร้าแล้วไม่สามารถระบายให้ใครฟัง การเดินเล่นผ่านสายฝนคิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อย ก็ยังดีกว่าการอมทุกข์หน้านิ่วตาขวาง "เก็บดวงสีแดงใกล้จะร้องไห้ เดินฟ่าฝนไปปล่อยน้ำตาหลั่งไหลไปกับสายฝน" ก็ยังมีความรู้สึกดีที่ได้ระบาย เมื่อสบายใจแล้วกลับบ้านอาบน้ำห่มผ้ารับบรรยายกาศที่อบอุ่นอยู่ภายในห้องเชื่อได้ว่าเป็นควารู้สึกดี บรรยาการศก็สร้างความสุขที่บอกได้ว่าทุกอย่างเมื่อทุกข์ได้ผ่านพ้นความสุขก็ตามมา
เมื่อยามสนุกในช่วงฝนตกกับเพื่อนเดินฝ่าฝนฟ้าคุยเรื่องมันส์ๆ สนุกๆ ทำกิจกรรมด้วยกัน วิ่งแข่งกลางฝน เล่นบอล (อันนี้ขอเล่นครั้งเดียวในชีวิตพอ) ฝนตกก็กระโดดลงแม่น้ำ จับปลา หากบ อึ่อ่าง ก็มีเรื่องให้ทำก็มาก
บางครั้งการที่ฝนตกแบ่งความคิดออกได้เป็นสี่ช่วงในความคิดของผม อารมาณคนก็คงคิดไปได้หลากหลายเพียงแต่เท่านี้ก็จะได้เห็นความสำคัญของความรู้สึกบ้าง
1. เมื่อครี้มฟ้าลมแรงฟ้าร้อง ความเศร้า ปรากฎคิดนั้นนี่วุ่นวาย เหมือนจะคอยให้ฝนตกลงมา 2. เมื่อฝนพร่ำร่วงหล่นกระหน่ำแรง หัวใจที่อ่อล้นเต็มไปด้วยความเศร้าอยากระบายก็ร้องไห้เป็นสายดังน้ำฝนที่กระหน่ำแรง 3. เมื่อฝนเริ่มอ่อนกำลัง ใจก็เริ่มปรับความเข้าใจในโลก เปิดใจรับสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น 4. เมื่อฝนซ่าแสงเริ่มลอดจากก้อนเมฆ ก็เหมือนเป็นการเตรียมพร้อมเริ่มต้นใหม่ เพราะฝ้าหลังฝน ต้นอ่อน กล้าไม้ ก็งอกงาม ใจคนก็พร้อมที่จะก้าวไปเริ่มใหม่อีกครั้ง
"หัวใจคนเราก็เหมือนกับทุ่งราบกว้างใหญ่ หากมีน้ำฝนขังนานเปรียบเหมือนกับความเศร้า ต้นหญ้าในทุ่งก็ยังเกิดไม่ได้ หากปรับตัวปรับความเข้าใจ ก็เหมือนทุ่งราบค่อยๆ ซึมน้ำจนแห้ง ไม่นานเท่าไหร่หญ้าเขียวก็กลับมา"
Create Date : 19 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2555 21:20:41 น. |
|
24 comments
|
Counter : 926 Pageviews. |
|
|
แต่บางคน ปรับไม่ได้ ก็กลายเป็นทุ่งน้ำแทนทุ่งหญ้า ^^ ชอบมากค่ะ