Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
5 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
อัตตโนประวัติหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน



หลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือ ท่านเจ้าคุณ พระราชญาณวิสุทธิโสภณ พระอริยะเจ้า ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2456 บิดาชื่อ “ ทองดี” มารดาชื่อ “ แพง” นามสกุล ” โลหิตดี” อาชีพชาวนา บ้านตาด ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี บิดา – มารดา ได้ให้มงคลนามว่า “ บัว” ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 16 คน และท่านเพียงผู้เดียวที่ดำรงตนอยู่ในสมณเพศ ที่เพรียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรอันงดงาม ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมอันประเสริฐ
เมื่ออายุครบ 20 ปี ท่านได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร อุปสมบทที่วัดโยธานิมิตร บ้านหนองขอนกว้าง อ. เมือง จ. อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2477 โดยมี ท่านเจ้าคุณ พระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌายะ และท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ( พิมพ์ ธัมมธโร ) แห่งวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กทม . เป็นพระอาจารย์สอนทางปริยัติ จนสามารถสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก่อนที่จะออกธุดงค์ ปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถร พระอรหันตเจ้าในยุคกึ่งพุทธกาล
ท่านเล่าให้ฟังว่า ที่ท่านได้มงคลนามจากบิดา – มารดา ว่า “ บัว ” นั้น ถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งเพราะ “ บัว ” นั้นคือดอกไม้ที่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถร ปรมาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานได้พรรณนาคุณชาติไว้ว่า “ ธรรมชาติของดีทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากของไม่ดี อุปมาดั่งดอกปทุมชาติอันสวย ๆ งาม ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากโคลนตมอันเป็นของสกปรกปฏิกูลน่าเกลียด แต่ว่าดอกบัวนั้นเมื่อพ้นโคลนตมแล้วย่อมเป็นสิ่งสะอาด เป็นที่ทัดทรงของพระราชา อำมาตย์ อุปราช และเสนาบดี เป็นต้น และดอกบัวนั้นก็มิได้กลับคืนไปยังโคลนตมนั้นอีกเลย ”
ก่อนออกบวช ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว บิดา – มารดา ไว้เนื้อเชื่อใจในทางการงานทั้งปวงจนฝากผีฝากไข้ ฝากเป็น ฝากตายไว้กับท่าน หลักประเพณีไทยแต่โบราณมา เมื่อลูกชายอายุครบบวชมักจะให้บวชก่อนมีเหย้ามีเรือนต่อไป ดังนั้นเมื่อท่านอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์แล้ว บิดา – มารดาก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาปรารภกับท่าน โดยท่านเล่าว่า
เราไม่เคยคาดฝันในการออกบวชมาก่อน เย็นวันหนึ่งครอบครัวเรามีพ่อ – แม่ และลูกชายหญิงหลายคนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่อย่างเงียบ ๆ พ่อได้พูดขึ้นมากลางพาข้าวว่า “ มีความวิตกกังวลในเวลาจะตาย เพราะไม่มีลูกคนใดที่เป็นผู้ชายคิดบวชให้พอเราได้เห็นผ้าเหลืองก่อนตาย ได้คลายความกังวลใจในเวลานั้น แล้วตายไปอย่างเป็นสุขหายห่วง”
พ่อพูดต่อไปว่า “ ลูกเหล่านั้นก็ไม่ว่ามันแหละ หมายถึงลูกผู้ชาย ส่วนลูกผู้หญิงกูไม่เกี่ยวข้องมัน ลูกผู้ชายกูมีหลายคน แต่นอกนั้นกูก็ไม่สนใจอะไรพอจะอาศัยมันได้ แต่ไอ้บัว ( หมายถึง ” หลวงตาบัว ”) นี่ซิที่กูอาศัยมันได้นะ ” ปกติพ่อไม่เคยชมเรานะ อะไร ๆ ก็ไม่เคยชมมีแต่กดลงเรื่อย ๆ นิสัยพ่อ – แม่เราเป็นอย่างนั้น “ ไอ้นี่ลงมันทำการทำงานอะไรแล้วกูไว้ใจมันทุกอย่าง กูทำยังสู้มันไม่ได้ ลูกคนนี้กูไว้ใจที่สุด ” พ่อชมเราให้เราแปลกใจ แล้วพ่อเราก็ว่าต่อไปอีก
แต่ที่สำคัญตอนกูขอให้มันบวชทีไร มันไม่เคยตอบ ไม่เคยพูด เหมือนไม่มีหูไม่มีปากนั่นเอง บทเวลากูตายแล้วจะไม่มีใครลากกูขึ้นจากหม้อนรกเลยแม้แต่คนเดียว เลี้ยงลูกไว้หลายคนเท่าไหร่ กูพอจะอาศัยมันก็ไม่ได้เรื่อง ถ้ากูอาศัยไอ้บัวไม่ได้แล้ว กูก็หมดหวังเพราะลูกชายหลายคนกูไว้ใจไอ่นี้เท่านั้น ”
พอพ่อพูดถึงตรงนี้ เรามองไปเห็น พ่อน้ำตาร่วงปุบปับ ๆ แม่เห็นพ่อน้ำตาร่วง แม่ก็น้ำตาร่วงอีกคน เราเห็นอย่างนั้นก็สะเทือนจิตใจ ทนดูอยู่ไม่ได้ต้องลุกออกจากพาข้าวหนีไปเลย นั่นแหละเป็นต้นเหตุให้เราตัดสินใจบวช โดยนำไปคิดไตร่ตรองอยู่ 3 วัน ไม่ยอมมากินข้าวร่วมกับพ่อ – แม่ พี่น้อง และคิดว่า การบวชไม่ใช่ติดคุกติดตะราง เพื่อนฝูงเขาบวชก็ยังบวชได้ เขาเป็นคนเหมือนกัน ทำให้พ่อ – แม่น้ำตาร่วงเพราะเรา เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจบวชปุ๊บ ต้องบวชได้ ตายเป็นตาย
เมื่อพิจารณาเป็นที่ลงใจแล้ว จึงได้มาบอกกับแม่เราว่า “ เรื่องการบวชจะบวชให้ แต่ใครจะมาบังคับให้สึกไม่ได้นะ บวชแล้วจะสึกเมื่อไหร่ก็สึก ใครจะมาบังคับว่า ต้องเท่านั้นปี เท่านั้นเดือนไม่ได้นะ มันหาทางออกไว้แล้วนั่น ดูซิทิฐิมานะของมันน่ะ แต่แม่กลับฉลาดกว่าลูกนี่ “ โถ แม่ไม่ว่าหรอก ขอให้ลูกไปบวชให้แม่เห็นต่อหน้าต่อตาแม่ทีเถอะ แล้วสึกออกมาทั้ง ๆ ที่คนบวชยังไม่กลับบ้านก็ตาม แม่ก็ไม่ว่า ” แม่ใส่เราเข้าไปอย่างนี้เลย ก็ใครจะเป็นพระหน้าด้านมาสึกต่อหน้าคนมาก ๆ ที่ไปบวชเราได้ ไม่บวชเสียดีกว่า เมื่อบวชแล้วมาสึกต่อหน้าต่อตาคน มันยิ่งขายหน้ากว่าอะไรเสียอีก นั่นเมื่อติดปัญหาแม่ก็เลยไปบวช
สมัยก่อนบ้านตาด แห่งนี้เป็นป่าดงดิบมีทั้งต้นยาง ตะเคียนทอง ประดู่ และต้นไม้อื่น ๆ หลากหลายพันธุ์ มากทั้งปริมาณและขนาด สัตว์ป่ามีชุกชุม ไม่ว่าเป็นเป็น หมูป่า เสือ ช้าง กวาง เป็นต้น การทำนาถือเป็นอาชีพหลักของครอบครัว และเมื่อยามว่างจากนา โยมพ่อก็จะออกล่าสัตว์เป็นประจำ ธรรมดานายพรานย่อมชำนาญในการแกะรอยสัตว์ การแกะรอยสัตว์ของโยมพ่อในสมัยนั้นขึ้นชื่อลือชามาก รวมทั้งแกะรอยคนด้วยนิสัยท่านเป็นคนช่างสังเกตพินิจพิจารณา ได้ถูกถ่ายทอดมาให้ “ หลวงตาบัว ” ไม่มากก็น้อย
สิ่งแวดล้อมของบ้านตาด เป็นสิ่งหล่อหลอมให้ “ หลวงตาบัว ” ท่านอยู่ด้วยความไม่ประมาท จิตใจ เด็ดเดี่ยว อาจหาญ อดทนเป็นเลิศ ซึ่งโยมมารดาท่านเล่าให้ฟังบรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านฟังเสมอว่า “ ตอนอยู่ในครรภ์โยมแม่ท่าน ธรรมดาทารกในครรภ์จะต้องดิ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่สำหรับ ” หลวงตาบัว ” แล้ว ท่านกลับนอนนิ่งเฉยคล้ายไม่มีลมหายใจ นานนับเดือนจึงขยับตัวทีหนึ่ง ทำให้โยมแม่คลางแคลงใจว่า ตายแล้วอยู่เรื่อย ๆ ก็โล่งไปทีหนึ่ง โยมแม่กับโยมพ่อได้ทำนาย ทารกในครรภ์ว่า เวลาเติบใหญ่ขึ้น ถ้าไปทางดีจะดีสุดโต่ง ถ้าไปในทางไม่ดีก็จะสุดโต่งเช่นกัน ”
เดชะกรรมในอดีตที่เคยสั่งสมมาหนักไปในทางดี จึงดึงดูดให้ท่านยินดีในการประพฤติปฏิบัติธรรม มากกว่าการครองฆราวาสวิสัย สมกับที่ท่านเคยเทศน์อบรมว่า “ คนที่ทำความชั่ว ไม่ได้ทำมันอยู่ไม่ได้ต้องให้ได้ทำในวันหนึ่ง ๆ นิสัยมันเป็นอย่างนั้น มีแต่สั่งสมความชั่วเข้าสู่ใจแล้วก็จมลง ๆ ช่วยกันดันลง ๆ นี่ละ ความชั่วก็มีอำนาจเป็นเครื่องดึงดูด เมื่อมากเข้าก็ยิ่งดึงเจ้าของให้จมลง ๆ หาเวลาฟื้นไม่ได้ ” ดังนี้
ตรงข้ามกับความดีมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงเจ้าของขึ้นโดยลำดับ คิดดูแล้วให้อยู่กับอะไร ๆ อยู่ไม่ได้ ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาเลย มีแต่ให้ออกหาที่วิเวก สลัดจากความยุ่งเหยิง วุ่นวาย ถ่ายเดียวเท่านั้น นั่น ฟังซิทางนี้ไม่วุ่นวาย ทางนี้พอเสาะแสวงหา แต่ทางนั้นเกลื่อนกล่นวุ่นวายไม่สะดวกสบาย นั่น ดึงดูดออกแล้วเวลาฟังธรรมก็เพราะพร้อมแล้ว ๆ นี่ประเภทบัวพ้นน้ำแล้ว พอฟังแล้วก็ดีดผึง ๆ เรื่อยไปเลย







Create Date : 05 กันยายน 2550
Last Update : 8 กันยายน 2550 11:20:07 น. 5 comments
Counter : 1627 Pageviews.

 

สาธุ ... ขอบคุณค่ะ

มีแต่ความสุขนะคะ ...


โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:19:54:24 น.  

 
ตรงข้ามกับความดีมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงเจ้าของขึ้นโดยลำดับ คิดดูแล้วให้อยู่กับอะไร ๆ อยู่ไม่ได้ ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาเลย มีแต่ให้ออกหาที่วิเวก สลัดจากความยุ่งเหยิง วุ่นวาย ถ่ายเดียวเท่านั้น

สาธุค่ะ ชอบประโยคนี้มากค่ะ



โดย: เนระพูสี วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:5:15:13 น.  

 
แวะมาอ่านผ่านมาทักทายจ้า



โดย: gripenator วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:12:09:23 น.  

 
....เข้ามาอนุโมทนาครับ..ปฏิปทาของท่านผู้เป็นครูบาอาจารย์น่าเลื่อมในควรศึกษาเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับตนครับ.........ธรรมสวัสดี...



โดย: ปุญญพัฒน์ (ใจบุญ ) วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:14:04:12 น.  

 
ชอบค่ะ นับถือท่านมากมาย


โดย: หนุ่ย IP: 118.173.107.99 วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:19:40:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธิธารา
Location :
สุโขทัย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add ธิธารา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.