การข้ามถนนมันก็ไม่ยากเท่าไหร่

วันนี้ขับรถกลับมาเข้ากรุงเทพเวลาบ่ายๆ รถไม่ติดแฮะ ดีจัง มาถึงหอก็ประมาณสี่โมงพอดี มีคนโทรมาชวนออกไปวิ่งเล่น ก็เลยออกไปกับเขาซะหน่อย ตอนแรกจะไปหามุมถ่ายรูปกัน แต่ขับรถวนเกาะรัตนโกสินทร์ก็แล้ว เดินเล่นตามแพร่ง ตรอก ซอก ซอย ก็แล้ว คนชวนออกไปถ่ายรูปก็ไม่เห็นจะได้กดชัตเตอร์ซักแชะ จนเริ่มเปลี่ยนเป็นหาของกิน ก็ไม่ค่อยมีดวง เพราะคนชวนเค้าหาร้านไอติมอร่อยที่ตั้งใจจะไปกินไม่เจอ คงยังพักผ่อนสงกรานต์อยู่ล่ะ

นึกอะไรไม่ออกก็เลยเข้าสู่ย่านวัยรุ่นซะหน่อย เดินหาของกินที่สยาม แล้วไม่รู้ทำอะไร คนชวนเค้าก็ถามว่า เออ ดู My Blueberry Night รึยังล่ะ ก็ยังน่ะสิ ทำงานยุ่งๆ ตลอดเลย เค้าก็เลยถามว่าจะดูมั้ยล่ะ จะดูเป็นเพื่อน (เค้าดูแล้วแหละ แต่ก็ใจดีจะดูเป็นเพื่อนอีกรอบ ขอบคุณนะค้าบ)

หนังเรื่องนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวการเดินทางค้นหาตัวเองของผู้หญิงคนหนึ่ง หรืออีกแง่ มันคือเรื่องราวของผู้หญิงอกหักที่ออกเดินทางเพื่อเยียวยาตัวเอง เพียงเพื่อจะเรียนรู้ว่า การก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวดนั้น มันไม่ยากอย่างที่คิด เธอรำพึงไว้ตอนท้ายเรื่องว่า เธอรู้แล้วว่าการข้ามถนนนั้นมันไม่ยากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่ามีใครยืนรออยู่อีกฟากหนึ่ง

ถ้าโค้ชของเราได้ดูหนังเรื่องนี้ และได้เข้ามาอ่าน คงจะวิพากษ์ต่อนิดหน่อย ว่า ที่จริงแล้ว ไม่เกี่ยวกับว่ามีใครรออยู่อีกฟากหนึ่งหรือเปล่า มันต้องอยู่ที่ใจเราเอง อยู่ที่ตัวเราเอง หากใจเรามั่นคง มีสติ เราก็จะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ โดยไม่ต้องให้ใครมายืนรออยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งหรอก

นั่นก็จริงค่ะ แต่เราว่า สิ่งที่หนังเรื่องนี้บอก (ตามที่เรารู้สึกนะ) คือ คนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอาจอยู่คนเดียวได้ แต่ในบางครั้ง เราทุกคนล้วนต้องการใครสักคน ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเสมอ อย่างแม่สาวนักพนันในเรื่อง ถึงเธอจะเป็นสาวมั่นแค่ไหน ถึงจุดหนึ่งเธอก็ยังต้องการเพื่อนนั่งรถไปด้วยกัน ในการเดินทางที่ยาวไกลของเธอ

ครั้งหนึ่งเราเคยตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์มาก อยากเดินข้ามไปให้พ้นจากสภาพนั้น ตอนนั้นก็โชคดีพอที่จะมีใครบางคนมายืนรออยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง แต่เราเหลียวซ้ายแลขวา ลังเลเล็กน้อย เผลอแป๊บเดียว เขาก็หายไปจากตรงนั้น (ยังรอไม่ทันครบ 300 วันแบบในเรื่องเลย) เราก็เลยล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน

ต่อมาถึงได้มีโค้ชคนหนึ่ง ที่คอยตะโกนบอกมาว่า ห้ามท้อนะ ต้องข้ามมาให้ได้ เขามักจะให้เครดิตกับเรา ว่าเป็นเพราะการที่เราฝึกจิตใจฝึกให้เข้มแข็ง จึงผ่านมาได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้เราข้ามไปได้สำเร็จ ก็เพราะมีโค้ชยืนอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง เสมอ ตลอดเวลาด้วย ไม่ว่าจะผ่านไปร้อย สองร้อย สามร้อยวัน (ป่านนี้ก็ ห้าร้อยวันได้แล้วมั้ง)

เราเชื่อว่า การมีชีวิต ไม่ได้หมายถึงมีลมหายใจ กิน และนอน อยู่คนเดียวในโลก แต่การมีชีวิต หมายรวมถึงการผูกพัน ปฏิสัมพันธ์กับชีวิตอื่นๆ ด้วย ซึ่งความสัมพันธ์กับคนอื่นนี่เอง ที่ทำให้เรายืนอยู่ได้อย่างมั่นคงขึ้น ไม่ปล่อยให้ชีวิตปลิวคว้างไปง่ายๆ

เพียงแต่การผูกพันนั้นก็ต้องผูกพันแบบพอดี ไม่ใช่ยึดติดมากจนเป็นทุกข์ และย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง อย่างนางเอก ที่ต้องออกเดินทางเพื่อเยียวยาตัวเองเมื่ออกหัก คุณตำรวจที่ต้องกินเหล้าเมามาย เพราะทนไม่ได้กับความจริงที่คนรักของตัวเองต้องการจากลา แทนที่ความผูกพันจะให้คุณ กลับให้โทษ

ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากพูดถึง ไว้ต่อภาคสองวันหลังละกันค่ะ



หมายเหตุ: My Blueberry Night เป็นหนังพี่หว่อง ภาคภาษาอังกฤษค่ะ หว่อง คา ไว (หรือบางทีก็มีคนเรียกว่า หวัง เจีย เหว่ย ไม่รู้ตกลงชื่อเฮียแกออกเสียงยังไงกันแน่) เป็นผู้กำกับในดวงใจคนรักหนังอินดี้หลายๆ คน ด้วยลีลาการเล่าเรื่องและถ่ายทอดอารมณ์ที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่เราชอบในหนังพี่หว่อง คือการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง แล้วเติมแง่มุมความคิดที่น่าสนใจเข้าไป แบบที่เราดูแล้วก็จะร้องอืม... พร้อมนึกในใจว่า เออ ทำไมเราไม่เคยมองมันในแง่นี้มาก่อนเลยฟะ

แล้วพรุ่งนี้มาเล่าต่อ ว่ารายละเอียดที่ชอบในหนังเรื่องนี้คืออะไร




 

Create Date : 16 เมษายน 2551
0 comments
Last Update : 16 เมษายน 2551 23:14:07 น.
Counter : 449 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แดดอุ่น
Location :
Claremont, CA United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ความสุขไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แดดอุ่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.