รออาหาร
เตรียมไปไนท์บาร์ซ่า
ได้ที่ปิดหูที่ตลาดไนท์ ราคา 100 บาท
วันที่สอง ตื่นเช้ามากินอาหารเช้า แยมที่นี่ทำเองอร่อยมาก แต่ส่วนที่ทำขายหมดเลยอดซื้อกลับบ้าน กินเสร็จเช็คเอ้าท์ก็ไปงานดอกไม้ที่แรก "สวนตุงและโคม" วนรถ 1 รอบ ในที่สุดได้จอดข้างทางแล้วเดินไปดูดอกไม้กัน ฝนหยุดแล้วแต่ข้างทางยังแฉะอยู่ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง ที่นี่จัดดอกไม้เป็นระเบียบดี แต่ทิวลิปเพิ่งเอามาลงใหม่ ยังไม่บานเลย โชคดีดอกลิลลี่บานเต็มและมีหลากสีให้เราได้ฟินแทน เดินกันชั่วโมงกว่าแล้วแวะเข้าเมืองเพื่อซื้อหมูยอฝากคุณปู่ แล้วเดินทางต่อไปกินมื้อเบรก
ระหว่างรออาหารเช้า
ถ่ายกับเรด
เดินตั้งนานเพิ่งถึงชื่อสวน
เรามาถึง Melt in your mouth ร้านสวยมาก บรรยากาศดี สั่งคาปูชิโน่มา 2 แก้ว โกโก้มา 1 ชามา 1 กับขนมเค้กอีก 2 หลังจากอิ่มก็ไปวัดร่องเสือเต้นกัน มิสกูเกิ้ลพาเรามาถึงที่หมายแบบงงๆ เพราะมาจอดด้านหลังวัด ทำให้เราไม่ค่อยเจอคนเท่าไหร่ ถ่ายรูปจนเดินไปหน้าวัดแหละถึงเจอคนกับร้านค้าเต็มไปหมด แต่ไม่เยอะมากเท่าวัดร่องขุ่น ถ่ายรูป ไหว้พระ เสร็จเราไปต่อที่งานดอกไม้อีกงาน
หน้าร้าน
ป้ายตรงทางเดิน
ภายในสวยๆ
สุดหล่อรอโกโก้เย็น (พี่เค้าลืม)
เครื่องชงราคาแพง
จัดในตู้มา 2 ชิ้น
กาแฟมาแล้ว
ก่อนกลับ
มิสกูเกิลพาเรามาที่แปลกๆ จนมาถึงทางโคลน ข้างทางเป็นแม่น้ำและรถผ่านได้ 1 คัน มีมอเตอร์ไซต์อยู่ข้างหน้าเรา เขาต้องจูงรถแทนที่จะขี่ผ่านแอ่งน้ำ ป๊าตัดสินใจไปต่อ ปรากฎว่าได้จอดข้างกำแพงซึ่งเดินทะลุไปงานได้ทันที่ เดินเข้ามาก็เจอนางเอกของงานดอกทิวลิป ที่นี่มีเยอะและบานเต็มที่แล้ว เติมเต็มจุดมุ่งหมายของทริปได้พอดี เราเดินกันชั่วโมงหนึ่ง แล้วออกไปไร่บุญรอดเพื่อทานมื้อเที่ยง ขับมา 40 นาที คนเยอะมากขนาดรถพาชมสวนยังเต็มจนถึง 4 โมงเย็น เราเลยไปที่ร้านอาหารด้านบนเนินเขาแทน รอคิวกว่า 10 คิวก็ได้กินสักที รสชาติอาหารถ้ามีดาวให้คงแค่ 1 มั๊ง รสชาติธรรมดาสุดๆ ไม่คุ้มกับการรอเลย ถ้าใครไม่มีทริปแถวนี้ข้ามไปเถอะที่อื่นๆ ดีกว่าเยอะ ถ่ายรูปกับไร่ชาเสร็จก็ออกมาทางวัดร่องขุ่น แต่คนมหาศาลและเราก็มาหลายครั้งแล้ว เลยตัดสินใจขึ้นดอยเลย ออกจากไร่ประมาณบ่ายสอง ถึงที่พักผาตั้งฮิลล์ 5 โมงเย็นพอดี วิวข้างทางสวยมากจนเด็กตื่นเต้นใหญ่เลยบอกว่าสูงกว่าเขารังหลายเท่า อากาศเย็นสบายประมาณ 18 องศา เรามาเช็คอินแล้วเดินไปที่ห้องพัก วิวสวยมาก สภาพห้องที่ผาตั้งฮิลล์ดีกว่าภูชี้ฟ้าที่เคยพัก ห้องพักสะอาด ห้องน้ำก็ใช้ได้ ม๊าขออยู่อุ่นๆ บนที่พัก แต่เราขอไปสำรวจบนผาตั้งก่อนเพราะตอนเช้าต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และเจ้าของที่พักแนะนำว่าควรขึ้นไปดูก่อน เราก็ขับรถไป 1 กิโลจากที่พักก็ถึงแล้ว มีร้านค้าสิบกว่าร้าน ได้ถุงมือมาให้น้องทัณฑ์กับม๊า ที่นี่ขายของไม่บวกราคาเลย ทุกคนอัธยาศัยดีมาก เราเดินขึ้นไปตรงเก๋งก็หมดแรง เลยเดินกลับลงไปกินโรตีแทน ระหว่างรอโรตีคุณลุงโทรมาให้ไปดูพระอาทิตย์ตกเพราะฟ้าเปิดพอดี เราก็วิ่งไปดูสวยมาก เสร็จแล้วไปกินโรตีต่อ คนขายโรตีก็บอกว่าพรุ่งนี้ต้องสวยมาก เพราะฟ้าเปิดแล้วและหลังฝนตกหมอกจะหนา เราก็ถามรายละเอียดสำหรับพรุ่งนี้เช้ากันเล็กน้อย เสร็จแล้วก็กลับไปอาบน้ำสั่งอาหารเย็นมากินกัน มีไข่เจียว แกงจืด ผัดผัก อร่อยทุกอย่าง เสร็จแล้วก็ไปนอนให้ตัวอุ่นๆ บนเตียง
แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
เรือใบมด
สวนที่แล้วทิวลิปยังตูม มาสวนนี้ถ่ายจุใจ
เพราะจุดเด่นเค้าคือทิวลิป
ดอกอื่นๆ ก็สวย
แม่ลูกคู่กัน
กับลุง 1 รูป
เหมือนสิงโต
สีม่วงสวยๆ
เพิ่งถึงป้ายงาน
สมเด็จย่ากับสวนสวยๆ
สุดหล่อ
ถ่ายป้ายงานอีกมุม
ตัดกันกับสีม่วง
สีขาวแอบในดงม่วง
ดอกส้ม
ธรรมชาติผสมให้ ม่วง-เหลือง
นาฬิกาดอกไม้ คนถ่ายตรึม
มุมไว้อาลัย
ดอกหญ้าริมทาง
เดินวนมาทางออก ถ่ายทิวลิปก่อนกลับ
สุดหล่อกับไร่ชา
ม๊าขอนอนเล่นในห้อง ให้หนุ่มๆไปกัน 3 คน
มาสำรวจก่อนตอนเย็น
พระอาทิตย์ตกพอดี
วันที่ 3 เริ่มต้นวันในเวลาตีห้าครึ่ง เราตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ขึ้นรถแล้วไปดอยผาตั้งกัน โชคดีที่มาสำรวจก่อนเพราะมืดมาก หมอกหนาอีก ก็ขับไปเช็คกระจกไปจนถึง ยังไม่มีใครมา เราก็เดินผ่านเก๋งจีน ผ่านพระพุทธรูปแล้วเดินตามราวเขียวขึ้นมายอดเนิน รู้สึกว่าวิวตรงนี้สวยมากมองเห็น 360 องศา ไม่มีใครมีแต่เรา รอพักนึงก็เริ่มมีคนทยอยเดินมา จะเห็นไฟฉายเป็นพักๆ พอพระอาทิตย์ขึ้นทุกคนก็ถ่ายรูปกันสนุก เสร็จแล้วป๊าชวนไปช่องเขาขาดต่อ แต่เลือกทางเดินทุลักทุเลทุกคนเลยเปื้อนโคลนกันหมด เดินไปถึงช่องผาขาดรอถ่ายรูป แล้วตัดสินใจขึ้นไปเนิน 102 กัน เนินนี้กับจุดที่เรายืนถ่ายรูปจุดแรก เมื่อเทียบกันแล้วเนินอันเก่าสวยกว่า คนน้อยวิวเรียบไปกับสายหมอก พอเคาะระฆังเดินกลับไปกินอาหารข้างล่าง ม๊าเลือกโจ๊กกับลุง ทัณฑ์กินมาม่า ป๊ากินข้าวผัด ต่อด้วยโรตี แล้วอาบน้ำเช็คเอาท์กัน เดินมาที่พักหน้าห้องเก้าโมงเช้าแล้วยังเป็นทะเลหมอกอยู่เลย มองดูเพลินตาสุดๆ ก็บรรลุจุดมุ่งหมายที่สองของทริปพอดี น้องทัณฑ์ชอบมาก
เห็นแสงรำไร
ด้านล่างคือทะเลหมอก
คุณลุงตั้งขากล้อง เตรียมรอพี่อาทิตย์เผยโฉม
เห็นแล้ว
มีกุหลาบหินอยู่ข้างใต้
ขอตีเอาฤกษ์ แรงจนป้าข้างๆ ตกใจ
เส้นทางทั้งหมด หลังคาเขียวคือที่จอดรถ
เกือบลืมถ่ายป้าย
จุดที่เราทุลักทุเล ลื่นลงมา
หลักฐานคือรองเท้าเปื้อนโคลน
ลงมาซัดมาม่าตรงร้านค้า
มิสกูเกิ้ลพาเรามาทางแม่สาย เรียบริมน้ำโขง เพื่อไปดอยตุง เห็นฝั่งลาวด้วย เป็นวิวอีกแบบต่างจากขาขึ้น สวยดี ขับมาสักพักก็พาไปตามทางแปลกๆ กว่าจะออกถนนใหญ่ก็ 30 กม. สุดท้าย เนื่องจากช่วงเทศกาล เจ้าหน้าที่ให้จอดรถข้างล่างแล้วขึ้นรถของดอยตุงขึ้นไปอีกที เรามาถึงก็หม่ำมื้อเที่ยงในโรงอาหาร อร่อยเหมือนเช่นเคย อิ่มเสร็จซื้อบัตรเข้าสวนกัน สภาพสวนตอนนี้เมื่อเทียบกับหลายๆ ครั้งที่เรามา ครั้งนี้สวยน้อยสุด อาจเป็นเพราะเราดูดอกไม้มาสองงานแล้วก็ได้ ถ่ายรูปเสร็จก็ขึ้นพระตำหนัก มาคราวนี้มีไกด์หูฟังส่วนตัวอธิบายทีละจุด อันนี้ดีมากเพราะมีหลายภาษา เดินจนครบรอบแวะซื้อของฝาก แล้วก็นั่งรถกลับลงดอย