งานมั่นคง ไม่มีจริง
ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนที่สุดฉันใด งานที่มั่นคงเพียงใดก็พังทลายลงในพริบตาได้ฉันนั้น แรกเริ่มแต่เรียนจบออกมาใหม่ๆ โจทย์ของมนุษย์ทั่วไปรวมถึงผมก็คือ ทำยังไงก็ได้ให้ได้งานไวที่สุด เรียนจบแล้วจะไปขอเงินบ้านก็กระดาก จะไม่มีก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น คำตอบสุดท้ายเมื่อรู้ตัวว่าจบแล้วคือหว่านหางานมันเข้าไปซะ... ภาพตัดมาที่ ... จะว่าไม่นานก็ไม่ใช่ จะว่านานก็ไม่เต็มปาก ... เวลาต่อมา เมื่อ "เด็กจบใหม่" กายเป็นอดีตกาลโดยสมบูรณ์ จากงานที่ล้มบ้าง เลิกบ้าง ลาออกบ้าง ก็ถึงเวลาที่จะหาสักงานไว้ทำมาหารับประทานในเวลาสิบสิบปีที่ยังเหลืออยู่ เรื่องของผลตอบแทนไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง แต่เรื่องของความสุข หรืออย่างน้อยถ้าจะทุกข์ก็ให้มันน้อยหน่อย ผม เมื่อพิจารณาตัวเองแบบอคติ free แล้วพบว่า ตนเองน่าจะเป็นนักอยากเขียน มากกว่าเป็นนักอยากแปล เพราะนอกจากวันที่เงินเดือนออก ผมเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ทำงานไปตามโปรแกรมตั้งเซทอัตโนมัติ ที่บางวันขยันบ้าง ขี้เกียจซะเยอะ รึไม่ก็พาลกวนประสาทเจ้านายลูกค้าเพื่อนร่วมงานมันซะเลย ในวันที่ energy low ซะเต็มประดา ใช่ว่าอาชีพนักอยากเขียนมันจะโดยด้วยกลีบกุหลาบเคลือบทองคำอะไรนัก บ้างหาไอเดียแทบไม่มี ต้นฉบับส่งสายก็มีอยู่เป็นระยะ แต่ไอ้ที่ไม่เคยคิด ก็คือเบื่อยากออกจังวุ้ย ซึ่งเกิดขึ้นกับอาชีพนักอยากแปลมานับครั้งไม่ถ้วนในระยะเวลาราว ๆ 1200 วันที่ประกอบอาชีพมา ที่ยังไม่ออก เพราะเหตุผลทางบ้านไม่ใช่อะไรอื่น
แน่นอนครับ ในอาชีพนักอยากเขียนนั้นผมมีสถานภาพเป็นมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีความสบายในแบบของมัน แม้ตังค์จากมันเดียว ๆ จะพอแค่ค่าเนตค่าโทรศัพท์ และด้วยเพราะมันเป็นผลผลิตจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ผมดำดิ่งกับมันมาเป็นปี ที่เรียกว่ามือถือ ซึ่งถ้าจะให้ผมไปเขียนเรื่องแฟชั่นความงามอะไรพวกนี้ ผมคงตายตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นอสุชิ อะไรแถว ๆ นั้น
ยังไม่ได้ไปเดินบนเส้นทางสายนั้นนะครับ แค่คิดว่า อยากไปเดินดูซักกะตั้งนึง ถ้ามีคนเรียกไปสัมภาษณ์ ถึงไม่ได้งานอย่างน้อยก็ได้ลาเที่ยวสักครึ่งวันแหละน่า
Create Date : 11 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 9:27:08 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1602 Pageviews. |
|
|
555555555555555555
อ่าจ๊ะ ก็ต้องหาสิ่งที่รักจะทำ และทำแล้วให้มีเงินพอเลี้ยงชีพด้วยจึงจะเจ๋ง
ชีวิตจะมีความสุขเหมือนไม่ได้ทำงานเลย-----