๕ ชอบ ๕ ไม่ชอบ (ครึ่งหลัง)
๒๙ ส.ค. ๒๕๕๐
จาก แท็ก ๕ ชอบ ๕ ไม่ชอบ ที่ได้รับจากคุณ ฟ้าดิน คราวที่แล้วผมเขียน ๕ ไม่ชอบ ไปแล้ว คราวนี้มาต่อกันที่ ๕ ชอบ กันบ้าง
๕ ชอบ
๑) การจัดโต้วาทีประชันความคิดขององค์กรกลาง
ผมว่ากลุ่มเจ้าภาพที่จัดงานนี้ขึ้นมาสามารถทำให้เห็นได้ว่า ท่ามกลางความขัดแย้งกันทางความคิด ก็ยังสามารถถกเถียงกันอย่างมีเหตุผลได้ ไม่จำเป็นจะต้องทะเลาะเบาะแว้งกันจนอาจเลยเถิดไปถึงการลงไม้ลงมือกันเสมอไป
จะมีก็เพียงคนเดียวกระมังครับที่ทำให้บรรยากาศเสียไปไม่มากก็น้อย คนนี้เวลาไปพูดที่ไหน ก็ฟังดูเหมือนจะยกตนข่มท่าน ข้าแน่ ข้าดี ข้าถูก ข้าเจ๋ง อยู่เพียงผู้เดียว คนอื่นนั้นแย่กว่าตัวหมด
คงพอเดาออกนะครับว่าใคร มีคนที่ถูกโห่ไล่อยู่เพียงคนเดียวแหละครับ
แต่ก็ช่างเขาเถอะ บรรยากาศโดยรวมนั้นผมว่าดีครับ
ในช่วงก่อนวันลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฯ นั้น ทางการน่าจะนำเอาเทปบันทึกการโต้วาทีประชันความคิดครั้งนี้มาฉายซ้ำให้ชาวบ้านดูบ่อยๆ ชาวบ้านเขาจะได้มองเห็นข้อดีและข้อเสียของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในแง่ของเนื้อหา ไม่ใช่วันๆ ได้ยินแต่คำเชิญชวนกรอกหูให้ออกไปใช้สิทธิกันมากๆ แต่ไม่รู้เลยว่า เพราะเนื้อหาส่วนไหนจึงควรรับ เพราะเนื้อหาส่วนไหนจึงไม่ควรรับ
การฉายซ้ำบ่อยๆ น่าจะมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นตัวอย่างของการถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล มากกว่าการใช้อารมณ์และอคติส่วนตัวเข้าห้ำหั่นกัน สภากาแฟทั่วประเทศก็จะได้เห็นตัวอย่างที่ดี ระดับของข้อมูล-เนื้อหาที่คุยกัน และระดับของสติปัญญาและวิจารณญาณของคนที่คุยกันก็จะถูกยกขึ้น พอชาวบ้านทั่วประเทศฉลาดขึ้น การปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็จะได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่นำออกมาเผยแพร่ซ้ำ
หรือกลัวว่าพื้นที่สีแดงมันจะมากกว่าสีเขียว
ถ้าของมันดีจริง จะไปกลัวขายไม่ออกทำไม
๒) ฟอร์มการเล่นของทีมฟุตบอลไทยในเอเชียนคัพ
เรื่องนี้เป็นความชอบส่วนตัวครับ ได้เห็นทีมชาติไทยเล่นกับทีมที่มีระดับเหนือกว่าอย่างสูสี ผมก็ดีใจแล้วครับ เล่นกันแบบมีความคิด มีระบบแบบแผน ไม่ใช่เล่นกันมั่วๆ ความมุ่งมั่นก็ดี สภาพจิตใจก็ดี เรี่ยวแรงก็ใช้ได้ ไม่หมดก่อนเวลาอันควร
เสียอย่างเดียวว่าระบบลีกอาชีพยังไม่แข็งแรง ยังไม่สามารถเป็นธุรกิจที่เลี้ยงตัวเองได้
แค่ทีมชาติไทยเล่นดีเพียงอย่างเดียวมันไม่พอหรอกครับ ดีเป็นพักๆ แบบนี้มันไม่ยั่งยืน
ถ้าจะให้ยั่งยืน ระบบลีกอาชีพมันต้องแข็งแรงทั้งระบบ จะได้มีตัวตายตัวแทนขึ้นมาเล่นทีมชาติได้อย่างไม่ขาดสาย
เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่การมี ดรีมทีม เกิดขึ้นทุกสิบปี จะพาให้ฟุตบอลไทยไปโลดแล่นในเวทีระดับเอเชียหรือในระดับโลกได้
แต่ก็เอาเถอะครับ ขอให้ทีมชาติไทยเล่นได้แบบในเอเชียนคัพที่ผ่านมาให้ได้เรื่อยๆ คนดูอย่างผมก็มีความสุขที่จะติดตามเป็นกำลังใจให้แล้วครับ
เมื่อไรกินกันอิ่มแล้ว ก็ช่วยสร้างลีกอาชีพให้แข็งแรงด้วยก็แล้วกัน ลูกหลานจะได้ยกย่องสรรเสริญท่านในภายภาคหน้า
๓) คนไทยได้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลอังกฤษ
ตัดเรื่องการเมืองทิ้งไปก่อนนะครับ (ถึงแม้ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งในการซื้อจะเป็นเหตุผลทางการเมืองก็เถอะ)
ไม่ว่าคนไทยคนไหน จะไปเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลสโมสรไหน ในลีกระดับโลกประเทศใดก็ตาม ผมก็จะดีใจและภูมิใจไปกับเขาด้วย
แค่ยี่ห้อ เบียร์ช้าง ไปปะอยู่บนหน้าอกเสื้อทีม เอฟเวอร์ตัน ผมก็ดีใจกับเขาไปด้วยแล้ว นับประสาอะไรกับการที่คุณ ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งสโมสร ไม่ใช่แค่เป็นสปอนเซอร์ติดหน้าอกเสื้อเท่านั้น จะไม่ให้ดีใจอย่างไรไหว
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง บ้านเขาเป็นตัวแทนจำหน่ายเหล้า-เบียร์รายใหญ่ของกลุ่มไทยเบฟ (เจ้าของเบียร์ช้าง) ที่ต่างจังหวัด เมื่อสักสองปีก่อน เขามีโอกาสได้ร่วมคณะของเบียร์ช้างไปดูทีมเอฟเวอร์ตันแข่งถึงประเทศอังกฤษ เขาเล่าให้ฟังว่าแฟนบอลเอฟเวอร์ตันทั้งเมืองลิเวอร์พูล กินกันแต่เบียร์ช้าง!
เขาบ้าทีมรักของเขาถึงขนาดนั้น เลิกกินเบียร์ยี่ห้ออื่น หันมากินเบียร์ช้างที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมของเขา
ดังนั้น การที่คนไทยได้เป็นเจ้าของสโมสรทั้งสโมสรนั้น จะส่งผลดีให้กับประเทศไทยด้วยอย่างแน่นอน (ถ้าเขามีความจริงใจต่อประเทศจริงดั่งว่า) เราสามารถเอาสินค้าหรือบริการที่เป็นของไทยพ่วงเข้าไปขายได้ด้วย เริ่มต้นจากเมืองแมนเชสเตอร์ เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ขยายออกไปยังเมืองอื่นๆ บนเกาะอังกฤษ แล้วก็ขยายผลต่อไปยังภาคพื้นยุโรป ส่วนภาคพื้นเอเชียหรือทวีปอื่นๆ ก็อาศัยดาวเทียมเป็นสะพาน
คิดเลยเถิดไปได้ถึงไหนต่อไหน
เอาอย่างแค่ตอนนี้ นักเตะไทยสามคนก็มีโอกาสได้ไปฝึกซ้อมร่วมกับทีมแมนฯ ซิตี้ อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน โค้ชหรั่งของทีมชาติไทยก็มีโอกาสได้ไปสังเกตการณ์การทำงานของโค้ชฟุตบอลระดับโลกอย่าง สเวน โกรัน อีริคสัน
ใครจะว่าใช้เส้นสายก็ว่าไปเถอะครับ แล้วมันผิดอะไรตรงไหนล่ะครับ ถ้าคนไทยไม่ได้เป็นเจ้าของ เราจะมีปัญญาหาโอกาสหรือช่องทางเข้าไปดูงานอย่างใกล้ชิดอย่างนี้หรือเปล่า ฝันไปเถอะครับ
บางคนอาจจะว่า ไปอยู่แค่ไม่กี่วัน มันจะไปได้อะไร ถ้าใครเคยไปดูงานตามที่ต่างๆ (ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการไปดูงานที่ต่างประเทศ) ลองสังเกตตัวเองดูว่า ตัวเองได้ประโยชน์หรือไม่ ถ้าท่านคิดว่าท่านไปเที่ยว ท่านก็ไม่ได้อะไรกลับมา แต่ถ้าท่านคิดจะไปศึกษาหาความรู้ ไปดูกรณีตัวอย่างของจริง ไปหาประสบการณ์ ไปเปิดหูเปิดตาหามุมมองใหม่ๆ ถึงแม้ระยะเวลาจะสั้น แต่ท่านก็จะได้ประโยชน์จากการดูงานระยะสั้นๆ เหล่านั้น
นักเตะสามคนนี้เขาก็สามารถเก็บเอาประสบการณ์มาเล่าให้เพื่อนนักเตะคนอื่นๆ ฟังได้ว่า เขาได้ไปรู้ไปเห็นอะไรมาบ้าง นักเตะระดับโลกเขาฝึกซ้อมกันอย่างไร ดูแลร่างกายกันอย่างไร ทำความเข้าใจแผนการเล่นที่โค้ชสอนกันอย่างไร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสนามกันอย่างไร ฯลฯ
ส่วนอาจารย์หรั่งนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เขาเป็นประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ฝึกสอนโค้ชในประเทศไทยทั้งหมดด้วยซ้ำไป สิ่งที่อาจารย์หรั่งได้ไปเห็นมา ย่อมกระจายออกไปสู่โค้ชไทยทั่วประเทศอย่างแน่นอน สำคัญตรงที่สมาคมฟุตบอลฯ สานต่อให้แข็งแรงก็แล้วกัน
ใครจะว่าอย่างไรก็สุดแล้วแต่ครับ รู้แต่ว่าตอนนี้ ผมก็ตามเชียร์แมนฯ ซิตี้ เพิ่มไปอีกทีมหนึ่งแล้ว
เสียดายก็แต่ว่า ถ้าตอนนั้นอดีตนายกฯ ตัดสินใจซื้อสโมสรลิเวอร์พูลจริงๆ ล่ะก็ ผมก็คงจะดีใจมากกว่านี้อีก ดีไม่ดี เราอาจจะได้เห็นกล้วยตาก ทุเรียนทอด หรือผ้าไหมไทย พะยี่ห้อหงส์แดงประกบกับธงชาติไทยวางขายไปทั่วโลกแล้วก็เป็นได้
๔) The Bourne Ultimatum
เป็นหนังที่มันที่สุดในรอบปีเลยครับ
Die Hard ๔.๐ ที่ว่ามันแล้ว เรื่องนี้ยังมันกว่าอีกครับ สามารถทำให้คนดูตื่นเต้นได้ตลอดเวลา เรียกว่าแทบจะไม่มีเวลาได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว
โดยเนื้อหาก็เป็นหนังจารกรรม หนังสายลับ หักเหลี่ยมเฉือนคมกัน ซึ่งมันก็มีความมันอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นความมันในเชิงของการใช้สมองในการชิงไหวชิงพริบกัน แต่นี่ยิ่งมาเพิ่มความมันในแบบบู๊ล้างผลาญ บู๊แอ็คชั่นเข้าไปด้วยแล้ว ก็เลยยิ่งมันเข้าไปใหญ่
ฉากที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นฉากที่ เจสัน บอร์น คอยบอกให้นักข่าวหนังสือพิมพ์หลบกล้องวงจรปิดในสถานีรถไฟวอเตอร์ลู กับฉากขับรถไล่กันบนถนน โดยเฉพาะฉากรถชน
ผมติดใจมาตั้งแต่ภาคที่แล้วแล้วครับเรื่องฉากรถชน ชนเป็นชนครับ รถพังพินาศกันเห็นๆ
สะใจท่านผู้ชมจริงๆ
พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับสำหรับคนที่ชอบดูหนัง
๕) การจัดรายการวิทยุของคุณมาโนช พุฒตาล
ถึงคุณมาโนชเขาจะจัดรายการวิทยุทางคลื่น The Radio FM ๙๙.๕ MHz ในช่วงแปดโมงเช้าถึงสิบเอ็ดโมง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ มาได้พักใหญ่แล้ว แต่ผมก็ยังชอบที่เขาตัดสินใจกลับมาทำงานเบื้องหน้าอีกครั้งหนึ่งอยู่
น่าจะเป็นผู้จัดรายการวิทยุคนเดียวกระมังครับ ที่ผมชอบฟังเขาพูดมากกว่าเปิดเพลง
เรื่องราวที่เขานำมาเล่าให้ฟังนั้น มันช่างน่าสนใจไปเสียหมด
ผมดูเขามาตั้งแต่สมัยรายการ "เที่ยงวันอาทิตย์" รายการ "บันเทิงคดี" ติดตามซื้อนิตยสารบันเทิงคดีด้วย ผลงานเพลงก็ติดตามฟังมาตลอด
จะด้วยความเป็นตัวของตัวเองสูง พอไม่อยากทำ หรืออยากทำแต่ไม่มีโอกาส หรืองานที่ทำนั้นไม่สามารถอยู่รอดได้ในเชิงธุรกิจก็สุดแล้วแต่ เขาก็ได้หายหน้าหายตาไปหลายปี
แต่วันนี้เขากลับมาจัดรายการวิทยุ ผมก็ย่อมจะต้องรู้สึกชอบใจเป็นธรรมดา
คุณมาโนชน่าจะเป็นคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง กล้าทำในสิ่งที่อยากทำ ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
เวลาออกโทรทัศน์ ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือ ผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงเหมือนไม่ได้หวี ตาปรือๆ หน้ามันๆ ที่ไม่มีเครื่องสำอางค์มาช่วยปรุงแต่ง เสื้อเชิ้ตยับๆ เหมือนไม่ได้รีด ที่แปลกก็คือ เขาชอบที่จะใส่เสื้อแขนยาว แล้วก็รูดปลายแขนเสื้อขึ้นมาไว้เหนือข้อศอก (ต้องใช้คำว่า "รูด" นี่แหละครับถูกแล้ว เพราะไม่ได้พับ) ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ใส่เสื้อแขนสั้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เรื่องเอาชายเสื้อสอดเข้าไว้ในกางเกงให้เรียบร้อยนั้นอย่าหวังครับ เขามักจะปล่อยให้ชายเสื้อรุ่มร่ามอยู่ข้างนอกอย่างนั้น
ถ้าใครอยากจะติดตามรายการวิทยุของคุณมาโนช พุฒตาล บุตรของนายเฉลียวกับนางอำไพ นอกจากจะฟังได้ทางวิทยุแล้ว ยังสามารถฟังทางอินเตอร์เน็ตได้ด้วย
เชิญมองทางขวามือของท่าน แล้วก็กดลิงค์ไปยัง The Radio ได้เลยครับ
Create Date : 29 สิงหาคม 2550 |
|
22 comments |
Last Update : 3 กันยายน 2550 8:43:01 น. |
Counter : 1413 Pageviews. |
|
|
|