บริการด้วยน้ำใจ
28 ก.ค. 2549
วันนี้ขอเขียนชื่นชมพนักงานร้านหนังสือคนหนึ่งที่ให้บริการลูกค้าเป็นอย่างดี จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหนักหนาหรอกครับ แต่บางที เรื่องเล็กๆ แบบนี้ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อสังคมที่นับวันคนจะไม่ใส่ใจต่อกันและกันมากขึ้น
เมื่อเย็นวาน ผมไปที่โลตัส สาขารังสิต เพื่อทำธุระ ก็ได้แวะเข้าไปซื้อหนังสือในร้านซีเอ็ดฯ ด้วย ผมเลือกหนังสือได้ 4 เล่มเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน พนักงานขายชายหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสท่านหนึ่งก็ทักทายผม พร้อมกับรับหนังสือไปคิดเงิน ปรากฏว่าราคารวมทั้งหมดประมาณ 700 กว่าบาท (แพงจริงๆ ครับ หนังสือสมัยนี้...)
คำถามแรกตามสูตรก็คือ ผมเป็นสมาชิกของร้านซีเอ็ดฯ หรือเปล่า ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้เป็น คุณพนักงานก็ถามต่อว่า สนใจสมัครเป็นสมาชิกหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ ถ้าซื้อครบ 1,000 บาท ก็จะสมัครสมาชิกได้ฟรี บัตรสมาชิกมีอายุ 2 ปี ใช้ได้กับร้านซีเอ็ดฯ ทุกสาขา ถ้าซื้อหนังสือบ่อยพอสมควร ได้ลด 5% หรือ 10% ไม่กี่ครั้งก็คุ้มแล้ว
ผมก็สนใจสิครับ เพราะที่ซื้อไปก็เกือบพันแล้ว (งกด้วยครับ ช่วงนี้น้ำมันแพง ประหยัดอะไรได้นิดหน่อยก็เอาทั้งนั้นแหละครับ) เพียงแต่ผมยังไม่มีหนังสือที่อยากได้ ก็เลยไม่อยากจะรีบๆ ซื้ออะไรที่ไม่ได้อยากได้จริงๆ เพียงเพื่อจะให้ได้อีก 300 บาทที่ขาดอยู่ แล้วจะได้เป็นสมาชิกฟรี (ก็อย่างที่บอกครับ ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด) ผมก็เลยบอกไปว่า ไม่สมัครดีกว่า เพราะยังไม่รู้ว่าจะซื้อหนังสืออะไร
คุณพนักงานก็เลยแนะนำให้ซื้อเป็นชุดคูปองราคา 1,000 บาทแทนก็ได้ วันนี้ผมก็ใช้คูปองไป 700 บาทก่อน เหลืออีก 300 บาทก็เก็บไว้ใช้วันหน้า เพราะกว่าคูปองจะหมดอายุก็อีกตั้งเกือบ 2 ปี จะได้เป็นสมาชิกวันนี้เลย แล้วก็จะได้ใช้บัตรเพื่อลดราคาได้ทันทีอีกด้วย
ผมก็เลยทำตามที่เขาแนะนำครับ เพราะรู้สึกว่าเขาช่วยหาทางออกให้ลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ผมก็ถามรายละเอียดค่อนข้างจู้จี้พอสมควร ยังกลัวว่าเขาจะรำคาญด้วยซ้ำไป (เพราะทำอย่างนี้ที่ไหนทีไร จะเจอใบหน้าบึ้งตึงกลับมาพร้อมคำตอบทุกที) แต่เขาก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสดี ตอบคำถามผมโดยไม่มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด แค่นี้ผมก็รู้สึกดีแล้วครับ
ผมไม่ได้คาดหวังให้พนักงานบริการจะต้องมานอบน้อมกับลูกค้าในแบบเจ้านายกับบ่าวไพร่เหมือนในละครย้อนยุคหรอกครับ เพราะคนเราทุกคนนั้นเท่ากัน เพียงแต่ต่างหน้าที่กันเท่านั้น ผมคาดหวังเพียงแค่ให้เขาพูดจากับลูกค้าดีๆ ไม่พูดจาห้วนๆ ใส่ก็เพียงพอแล้ว
แต่พนักงานท่านนี้ให้ลูกค้ามากกว่านั้นอีก เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้ประโยชน์สูงสุดจากการบริการ แน่นอนว่าร้านค้าเองก็ได้เงินมากขึ้นด้วย แต่การที่เราไม่รู้สึกว่าถูกเอารัดเปรียบ มันทำให้เราไม่รู้สึกติดใจอะไรนักหากจะต้องจ่ายเงินมากขึ้น (ทั้งๆ ที่งกขนาดนี้...) แถมยังต้องขอบคุณเขาไปอีกยกใหญ่ที่บอกเรื่องเหล่านี้ให้ทราบ
ที่ผมรู้สึกดีกับเหตุการณ์นี้ มันมีเหตุผลอีกประการหนึ่งคือว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งไปซื้อหนังสือที่ร้านซีเอ็ดฯ เหมือนกัน แต่เป็นที่สาขาเซียร์ รังสิต วันนั้น ผมหมดไป 500 กว่าบาท พนักงานที่คิดเงินก็ได้แต่ถามตามสูตรว่า ผมเป็นสมาชิกของร้านหรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ได้เป็น เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ก็คิดเงินไปตามปกติ
ผมไม่รู้ว่าโปรโมชั่นหรือการใช้คูปองนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไร (ใครทราบช่วยบอกทีก็ดีครับ) แต่พอต้องมารู้ทีหลังว่าเขามีโปรโมชั่นนี้อยู่ด้วย มันก็ให้รู้สึกเจ็บใจอยู่เหมือนกัน สงสัยว่าทำไมพนักงานเขาถึงไม่บอกเราเหมือนพนักงานท่านนี้
ผมเล่าเรื่องนี้ให้กับพนักงานขายท่านนี้ฟังด้วย เขาก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการซ้ำเติม หรือแก้ตัวแทนเพื่อนร่วมงานต่างสาขา
ร้านซีเอ็ดฯ สาขาโลตัส รังสิต นั้น มีพื้นที่เล็กนิดเดียวเอง เล็กกว่าที่สาขาเซียร์ รังสิต สัก 3 เท่าเห็นจะได้ แต่พนักงานกลับมีคุณภาพไม่เล็กไปกว่ากันเลย จริงๆ แล้วพนักงานของทั้งสองสาขาก็ยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าดีด้วยกันทั้งคู่ แต่การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าเพิ่มเติมอีกเพียงเล็กน้อย กลับทำให้ผมรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลย
ผมไม่ได้ถามชื่อพนักงานท่านนี้ไว้ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนเล่าให้ใครฟังในตอนนั้น แต่ถ้าใครมีโอกาสได้ไปอุดหนุนร้านซีเอ็ดฯ สาขาโลตัส รังสิต แล้วเห็นพนักงานขายชายที่พูดจาฉะฉาน ต้อนรับลูกค้าด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วล่ะก็ คนนั้นล่ะครับที่ผมเขียนถึง
Create Date : 09 สิงหาคม 2549 |
|
34 comments |
Last Update : 9 สิงหาคม 2549 17:22:25 น. |
Counter : 1128 Pageviews. |
|
|
|