โอกาสที่สอง
19 มิ.ย. 2550
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา... ผมไปทำธุระที่เดอะมอลล์ บางแค ผมรีบทำธุระให้เสร็จแล้วรีบออกจากเดอะมอลล์ประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งเพื่อกลับบ้านให้ทันเที่ยง เวลาเที่ยงเป็นเวลาของหนังชุดฝรั่งที่ผมติดนักติดหนาก็คือ "CSI"
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมได้แวะเติมน้ำมันก่อน ในขณะที่เติมน้ำมันใกล้จะเสร็จ เจ้าของปั๊มก็เดินมาถามผมว่า มีสายพ่วงแบตเตอรีไหม
ผมก็อ้ำๆ อึ้งๆ ในใจคิดแต่ว่าจะรีบกลับบ้านไปให้ทันดูหนัง ถ้าบอกว่ามี สงสัยจะกลับไม่ทันแน่ๆ ผมก็เลยตอบเขาไปว่าไม่มี ทั้งที่จริงๆ แล้วผมมี !
ถึงแม้อำนาจฝ่ายต่ำในใจจะตอบว่าไม่มีไปแล้ว มันก็ยังอุตส่าห์ถามเจ้าของปั๊มต่อไปอีกว่าจะเอาสายพ่วงไปทำอะไร มันคงทำไปเพื่อสร้างภาพพจน์ให้เขาเห็นว่าผมเป็นคนดี รู้จักที่จะแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่น
เจ้าของปั๊มก็บอกว่า รถของลุงคนนั้นสตาร์ทไม่ติด เขาก็เลยอยากจะลองพ่วงแบตเตอรีดูว่าจะสตาร์ทติดหรือไม่
ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับทราบแล้วก็ขับรถกลับบ้านเพื่อไปดูหนังชุดแสนโปรดของผม
ผมกลับไปดูทันเวลาครับ หนังก็สนุกเหมือนเคย แต่จิตใจมันกังวลอย่างไรพิลึก ห่วงว่าลุงคนนั้นจะหารถมาพ่วงแบตเตอรีได้หรือยัง เพราะตอนที่เจ้าของปั๊มเล่าปัญหาของลุงให้ผมฟัง ผมเห็นลุงกำลังยืนโบกแท็กซี่อยู่หน้าปั๊ม แกคงจะพยายามหารถที่มีสายพ่วงมาลองพ่วงกับรถแก
ก็ไม่รู้ว่าผมจะห่วงแกไปทำไม ผมก็ทิ้งให้แกลำบากไปแล้วทั้งๆ ที่ผมสามารถช่วยเหลือแกได้ จะมาทำเป็นห่วงใยแล้วจะมีประโยชน์อะไร นอกจากเป็นความพยายามที่จะหาข้อแก้ตัวไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเองต่อไปด้วยการนึกพาดพิงไปถึงความลำบากที่ตัวเองเคยประสบ
ผมเคยรถดับกลางถนนแล้วต้องเข็นรถเข้าข้างทางเองคนเดียว แก้ปัญหาเองคนเดียว โดยที่คนในร้านค้าริมถนนและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่มองดูแต่ไม่มีใครเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือสักคน
รถผมเคยหม้อน้ำรั่ว ขับไปก็ต้องจอดพักไป ผมได้เข้าไปจอดพักในปั๊มแห่งหนึ่งระหว่างทางเพื่อพักเครื่องและกรอกน้ำเติมเข้าไปในหม้อน้ำ ผมเดินง่วนไปมาระหว่างรถกับห้องน้ำของปั๊มหลายรอบ ฝนก็ตกอยู่ตลอดเวลา ซ้ำยังเป็นเวลากลางคืนแล้วด้วย ทั้งที่ปั๊มนั้นก็มีรถแท็กซี่จอดพักอยู่หลายคัน มีมอเตอร์ไซคล์จอดหลบฝนก็อีกหลายคัน ผู้คนก็มากมายพอสมควร และหลายคนก็มองดูผมอยู่ว่าผมกำลังทำอะไร แต่กลับไม่มีแม้สักคนเดียวที่เอ่ยปากถามว่ารถผมเป็นอะไร
ก็ในเมื่อผมก็เคยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ลุงแกจะมาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ เหมือนผมบ้างสักครั้งก็คงจะไม่เป็นไรกระมัง...
เมื่อสักสามทุ่มกว่าที่ผ่านมา... เพื่อนผมที่พักอยู่ใกล้ๆ กันโทรศัพท์มาเรียกผมให้ออกไปช่วยพ่วงแบตเตอรีรถเขาให้หน่อยเพราะรถเขาสตาร์ทไม่ติด
ผลกรรมช่างรวดเร็วอะไรปานนี้ ! ผมคิด
ห้วงความคิดต่อมา แทนที่จะรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ทำความดีชดเชยกับการไม่ยอมช่วยเหลือลุงคนนั้นเมื่อวันอาทิตย์ กลับเป็นอำนาจฝ่ายต่ำที่พาให้ผมคิดถึงแต่ความลำบากของตัวเองอีกครั้ง
ผมคิดถึงความเหนื่อยล้าของตัวเองหลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน น้ำท่าผมก็อาบแล้ว ถ้าออกไปก็ต้องกลับมาอาบน้ำใหม่อีก เสียเวลาพักผ่อน ไหนฟ้าฝนก็กำลังจะตก ถ้ารถเลอะก็ต้องเสียเวลาล้างเสียเวลาพักผ่อนของตัวเองในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อีก นี่อีกประเดี๋ยวหนึ่งรายการ "คนค้นคน" ก็จะมาแล้ว กลับมาดูไม่ทันแหงๆ ฯลฯ
โชคยังดีที่อำนาจฝ่ายสูงในจิตใจยังทำให้ผมคิดได้ว่า นี่คือ โอกาสที่สอง จะทิ้งไปไม่ได้อีกแล้ว ผมก็เลยออกไปช่วยเพื่อนผมได้อย่างยินดีและเต็มใจ คำขอบอกขอบใจของเพื่อนผมยิ่งทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและลืมเรื่องความลำบากของตัวเองที่เคยคิดก่อนหน้านี้ไปเสียสิ้น...
คิดไปแล้วก็น่าแปลก... ที่เหตุการณ์เดียวกันมาเกิดขึ้นกับผมในชั่วระยะเว้นแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น ต้องถือว่าผมยังโชคดีที่บุญเก่ายังคงมีมากพอ จึงทำให้ผมมีโอกาสได้แก้ตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ผมได้ข้อคิดที่ชัดเจนจากเหตุการณ์เล็กๆ สองเหตุการณ์นี้ข้อหนึ่ง คือ
อย่าลืมตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรีรถยนต์เป็นประจำทุกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ !
Create Date : 20 มิถุนายน 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 9:03:19 น. |
Counter : 1058 Pageviews. |
|
|
|
ปอชอบคำคม วันนี้มากเลยค่ะ
ช่วงนี้ปอบ่ามากเลยค่ะ แลปเจ๊งทุกวัน วันนร่มีคุยกับซุปด้วย ม่มีอะรคืบหน่าจะรายงานเลยค่ะ ก้วยความบ่าเลยไปดูดวงแบบกราฟชีวิต ได้ความว่า ปีนี้นังกุสุมาตกนรกภูมิ เลข 3 (จริงๆ มันตกมาได้3 ปี แล้ว นับตั้งกะมาเรียนปริญญาเอกนี่ล่ะค่ะ) และมันเป็นจุดต่ำสุดในนรกที่ปรากฏในกราฟของปอ 55555 ตอนนี้เลยคิดว่าเป็นเพราะดวงตก แลปเลยเจ๊ง จะไปแก้เคล็ดที่ไหนในเยอรมันล่ะค่ะนี่
ปอได้ข้อสรุปทำนองธรรมะนิดหน่อยว่า ดวงมันตกต่ำ ก็ต้องทำความดีเสริมดวงค่ะ สอดคล้องกับข้อคิดอาจารย์วันนี้ เลยค่ะ