Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
บุญกฐิน

หลังจากครั้งแรกได้ลุล่วงผ่านไปด้วยดีแล้ว..

ก็ขอมีพัฒนาการ ไม่เรียกศรีนครินทร์ กะเค้าหน่อย อิอิ คุ้นๆ มั้ยครับ....

ก็จะขอนำเรื่องบุญกฐินที่เพื่อนๆ ห้องกอล์ฟได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันในงานบุญนี้มาลงเพื่อความแช่มชื่นในใจอีกครั้งครับ...

เชิญติดตามได้ ณ บัดนี้

บุญกฐิน

จะบอกว่ากระทู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับห้องกอล์ฟก็ยังเกี่ยวข้องอยู่บ้างตรงที่มีเพื่อนนักกอล์ฟพันทิพย์เช่น ลุงที คุณหมอ papamint ป้าปู หนูชาเขียว ฯลฯ และอีกหลายท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญกฐินครั้งนี้ที่ผมและท่านเลขาฯ จิตาได้ไปร่วมงานด้วย ณ วัดจำปาทอง จ.พะเยา

แต่ก่อนที่จะกล่าวถึงงาน ขออนุญาตกล่าวถึงบุญกฐินก่อนโดยขอนำเอาเกร็ดคำสอนของพระอาจารย์แบน ธนาเกโร วัดดอยธรรมเจดีย์ ที่ได้เทศนาสั่งสอนลูกศิษย์ไว้ว่า

"การทำบุญกฐิน เป็นกิริยาของการทำบุญ ทำให้เกิดความสุขใจได้อย่างหนึ่ง

พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้ว่า การบำเพ็ญบุญกุศลด้วยการทอดกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะปีหนึ่งแต่ละวัดมีโอกาสทอดกฐินได้ครั้งเดียวเท่านั้น ทรงจำกัดกาลเวลาไว้ด้วย ซึ่งไม่มีโอกาสจะทำได้นาน


วัดจำปาทองเป็นวัดป่า แม้จะไม่ได้อยู่ในป่าดงดิบ แต่ก็เป็นป่าทีอุดมด้วยต้นไม้สูงขึ้นอย่างหนาแน่นเต็มพรืดไปหมด ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า ไม่มีอาณาเขตให้เห็นรกตาเลย แม้กระทั่งทางเข้าวัดก็ไม่มีซุ้มประตู จะมีก็แต่เพียงแผ่นป้ายเล็กๆ บอกว่านี่คือ "วัดจำปาทอง" เท่านั้น

ภาพที่เห็นนี้ ถ่ายจากด้านบนมองย้อนกลับไป บริเวณด้านล่างของภาพที่เห็นสีขาวๆ คือพื้นปูนซีเมนต์เรียบซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงดินลูกรัง จะเห็นว่าถนนทางเข้าก็ยังเป็นดินลูกรัง สองข้างทางก็เป็นป่าแล้ว


จากตำแหน่งที่ถ่ายภาพทางเข้า เมื่อมองไปทางซ้ายจะเป็นพระสถูปเจดีย์บรรจุพระธาตุ ดังที่ปรากฏในภาพ

กล่าวกันว่ามีนางฟ้า หรือนางไม้เฝ้าพระธาตุนี้อยู่ด้วย จะจริงหรือเท็จประการใดไม่ปรากฏ แต่ผมเคยได้ยินเสียงขับร้องของหญิงสาวเป็นทำนองเสนาะที่แว่วมายามค่ำคืน เสียงขับเป็นทำนองคล้ายจะสมโภชน์ในงานเทศกาลอะไรสักอย่างจากบริเวณนี้แหละ มีความหวานซึ้งยากที่จะบรรยายได้ถูกและเคยได้ยินเพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นเมื่อตอนผมไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดนี้เมื่อสองปีก่อน


ด้านตรงข้ามพระสถูปเจดีย์เป็นสถานที่ตั้งวัตถุโบราณที่ค้นพบภายในบริเวณวัดซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปและข้าวของเครื่องใช้ในยุคสมัยโบราณ
ถัดเข้ามาเป็นศาลาเอนกประสงค์ซึ่งสร้างสำเร็จก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าใดนัก ทั้งนี้ก็ด้วยจิตศรัทธาของเราที่ช่วยกัน

บริเวณชั้นล่างนั้นใช้เป็นที่ฉันภัตตาหาร ส่วนชั้นบนนั้นใช้ทำวัตรและพิธีกรรมทางศาสนาอื่นๆ บริเวณโดยรอบของชั้นบนสามารถใช้เป็นทางเดินจงกรมได้หากในช่วงนั้นมีฝนตก

ภายในศาลาฯ ไม่มีลวดลายวิจิตรใดๆ ทั้งสิ้น จะมีก็เพียงองค์พระประธาน


ด้านตรงข้ามกับศาลาเอนกประสงค์เป็นทางลาดลงต่ำ มีทางเดินซีเมนต์ที่มีตะไคร่เกาะเต็ม เวลาเดินต้องระวังเพราะลื่นหกล้มได้ง่ายๆ ที่เห็นว่ามีต้นไม้มากมายนั้น อย่าถามว่าไม่มีงูเหรอ มีครับ ผมเคยพบอยู่ตัวสองตัว ส่วนกระรอกกระแตนั้นมีอยู่ดาดดื่น

ที่เห็นในภาพไกลออกไปคือกุฏิสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม ยังไม่ถึงกับลึกเข้าไปในป่า ส่วนกุฏิพระนั้นอยู่ลึกเข้าไปในป่า ต้องเดินเข้าไปประมาณ 30 เมตรเห็นจะได้ และตั้งอยู่ห่างๆ กันพอควร

ภาพที่เห็นนี้เป็นเรือนพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมเช่นกัน สภาพค่อนข้างจะชำรุดทรุดโทรมลงมากแล้ว วงกบประตูหน้าต่างปิดไม่สนิท ห่างจากพื้นเป็นนิ้ว แมลงหรือยุงเข้ามาขอเลือดเสมอๆ มุ้งลวดก็ขาดเป็นรูใหญ่ หลังคาบางส่วนถูกกิ่งไม้ใหญ่หล่นลงมาทับแตกหักเสียหายเพราะยามที่พายุมานั้นอย่าให้บรรยายเลยว่าน่าเกรงขามขนาดไหน คนประสาทอ่อนคงนอนไม่ได้แน่ คาดว่าทางวัดคงได้บูรณะให้ดีขึ้นก็คราวนี้แหละ

ที่เห็นเป็นทางยาวรูปสี่เหลี่ยมเป็นทางเดินจงกรมของผู้มาปฏิบัติธรรม ส่วนของพระก็จะอยู่ใกล้กุฏิของท่าน


นี่แหละครับคือทางเดินเข้าไปยังกุฏิพระ เวลากลางวันไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอดวงอาทิตย์ลับหายไป มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ในป่ามันมืดยิ่งกว่ามืด แม้จะมีไฟฉายก็เหอะ ผมไม่เคยเข้าไปยามค่ำคืนเลย ไม่ได้กลัวผีหรอก แต่กลัวงู



ภาพนี้ค่อนข้างจะอัศจรรย์ ดวงไฟสว่างที่เห็นไม่ทราบว่าคืออะไรเหมือนกัน ตอนที่ถ่ายภาพก็เป็นปกติดี แต่พอถ่ายเสร็จก็เป็นแบบนี้แหละ ยังมีอีกภาพหนึ่งเดี๋ยวจะลงให้ดูกัน

นี่คือภาพอัศจรรย์อีกภาพหนึ่ง

องค์พระประธานครับ ผนังภายในศาลาฯ ทั้งสี่ด้านนั้นอย่างที่เรียนแล้วว่าไม่มีลวดลายวิจิตรใดๆ เป็นเพียงผนังเรียบทาสีขาวธรรมดาๆ


ชาวบ้านทั้งที่มาจากกทม.และชาวพะเยาต่างร่วมแรงร่วมใจกันเตรียมงานกันตั้งแต่วันก่อนวันทอดกฐินและทำกันกันจนดึกดื่น ดอกไม้แต่ละแจกัน แต่ละช่อที่ประดับทั่ววัดมาจากฝีมือชาวบ้านอย่างเราๆ ทั้งสิ้น ผมทำไม่เป็นหรอกครับ แต่ช่วยลำเลียงไปวางตามตำแหน่งที่กำหนด

เหนื่อยเหมือนกันนะครับเพราะไม่ใช่ทางราบธรรมดา แต่เป็นทางลาดเอียงต้องเดินขึ้น เดินลง ไม่รู้กี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว(เดี๋ยวจะหาว่าไม่ทำอะไร อิ อิ)

สวยไหมครับ อย่างกะมืออาชีพเชียวนะ

แล้วก็ถึงเวลานับเงิน เสียบเงินเข้ากับไม้ก้านเล็กๆ เพื่อเอาไปเสียบกับต้นกล้วย ดูสิครับว่าใครเอ่ย? เหนื่อยอย่างไรก็ไม่เคยปริปากสักคำ

เอามาเสียบแบบนี้ไง

อาหารที่นำมาเลี้ยงกันก็มาจากน้ำใจชาวบ้าน ที่เห็นด้านหลังเป็นโรงครัว

ภัตตาหารที่ถวายพระมาจากครัวนี้แหละ ที่ชาวบ้านนำมากันเองก็มีเพียบพร้อมหลายหลาก

ที่สำคัญคือไม่มีสุราแน่นอน



Create Date : 06 พฤษภาคม 2549
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 19:36:39 น. 5 comments
Counter : 2250 Pageviews.

 
อยากไปอีกจังเลย


โดย: โทโมกะ วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:12:37 น.  

 
ตามมาอ่านครับ


โดย: yaipearn IP: 203.150.200.2 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:58:55 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดีๆ ที่นำมาให้ได้รู้


โดย: ทอฝัน IP: 125.26.238.236 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:23:02 น.  

 
หนูเคยไปบวชชีพราหมที่นี่กับเพื่อนๆจิตใจรู้สึกสงบฝึกความอดทน และได้อยู่กับธรรมชาติที่สงบแม่ชีที่นั่นก็ใจดีค่ะคิดถึงแม่ชีทุกๆคนค่ะ


โดย: แนน IP: 124.157.187.189 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:24:18 น.  

 
ขอบคุณคะที่โพสต์ไว้ เข้ามาอ่านแล้วหายเหนื่อย
ขอบคุณจริงๆคะ ไม่ได้ไปนานมากแต่ระลึกเสมอ


โดย: ศิษย์ขงเบ้ง สองก๊ก IP: 202.44.38.227 วันที่: 2 มีนาคม 2559 เวลา:17:48:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

thongprakai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




" ถ้าเข้าใจจะไม่เสียใจ ที่เสียใจเพราะไม่เข้าใจ " thongprakai
Friends' blogs
[Add thongprakai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.