Bloggang.com : มุมมองที่สาม - Third EyeS VieW : อนาคตชาวเกย์ ขึ้นอยู่กับ "ป๋าฯ"

อนาคตชาวเกย์ ขึ้นอยู่กับ "ป๋าฯ"

โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยสนใจว่าใครจะโกหก ตอลดตอผุดซักเท่าไหร่ ตราบใดที่เรื่องพลิกลิ้นเหล่านั้น ไม่ได้มาเกี่ยวพันทำร้ายเรา ก็เลยไม่เคยสนว่า คู่รักดาราจะจับคู่กันด้วยความรัก หรือแค่โปรโมท

เข้าใจว่าคนเรามีวิธีแสดงออกเรื่องความรักต่างกันไป บางคู่อยากอยู่เงียบๆ โลกนี้มีเพียงเราสองคนรับรู้ก็พอแล้ว แต่คนอีกกลุ่มกลับยินดีมากกว่าถ้าคนแปลกหน้าจะร่วมยินดี (หรือแค่ยินร้ายไปด้วย)

สำหรับ "คู่รักฉิ่งฉับฝังเพชร" "คู่รักจอมเวอร์" "คู่รักคู่เลี่ยน" หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่สื่อก๊อปซิปจะเรียก

ในฐานะเพศที่สามด้วยกันต้องขอแสดงความนับถือ "ป๋าต๊อบ" ที่กล้าใช้ชื่อเสียง ฐานะทางสังคม เปิดตัวคู่รัก "ปีใหม่" โดยไม่สนคำครหาใดๆ

พูดกันตามตรง มีคู่หญิงรักหญิงจำนวนน้อยนักในประเทศนี้ที่กล้าเปิดตัวเปิดใจกันขนาดนี้ (โดยเฉพาะคนในวงการ)

ต้องขอขอบคุณคนกลุ่มนี้จริงๆ ที่ทำให้สังคมไทยรู้ว่า การคบกันแบบจริงๆ จังๆ มันไม่ได้มีแค่ ชาย-หญิง หญิง-ชาย

ส่วนเรื่องเค้าสองคนจะคบกันได้นานแค่ไหน จะรักกันจริงรึเปล่า ส่วนนึงในคำสัมภาษณ์ของป๋าต๊อบ ตอบข้อสงสัยไว้แล้ว
"อยากให้ทุกคนเห็นว่ารัก(ปีใหม่)จริงๆ ไม่เกี่ยวกับเงิน" (คลิกเพื่อดูรายละเอียดข่าว)

แต่คนช่างสงสัยอย่างชั้น คำแก้ต่างเหล่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งจิตใจที่ว้าวุ่นได้ มันพาลให้คิดแตกประเด็นไปอีก

ก็ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่เห็นคนมีกะตางค์ประกาศหมั้นจนกระทั่งแต่งงานกับหนูตกถังข้าวสาร มันชวนให้จิตใจแคบๆ คิดไปก่อนแล้วว่า "เป็นเพราะเงิน"

พยายามแก้ไขนิสัยไม่ดีของตัวเอง ด้วยการมองอย่างเข้าใจ พยายามเป็นผู้หญิงคิดบวกแล้วมองว่า "กามเทพคงแผลงศรจริงๆ"

แต่บางครั้ง คำอธิบายมากมาย เรื่องเล่าหลากหลายเกี่ยวกับเบื้องหลังความรัก มันก็ไม่ทำให้เราซึ้งไปด้วย เมื่อมองลงไปในสายตาที่หวานฉ่ำของใครบางคน

อาจเพราะชั้นอ่านคนไม่เก่ง เลยแยกไม่ค่อยออกว่า ตาคู่นั้นฉ่ำเพราะมนต์เสน่ห์แห่งรัก หรือเพราะมนตราแห่งเงินกันแน่ (เลยไม่กล้าจะร่วมซึ้งไปกับเค้าด้วย)

จะว่าไปความรู้สึกนี้คงเป็นอุปาทานส่วนตัว ถ้าคุณผู้อ่านไม่เห็นด้วยก็อย่าได้ถือสาเลย (เดี๋ยวจะกลายเป็นอุปาทานหมู่ซะเปล่าๆ)

พูดกันถึงเรื่องทรัพย์สินที่ติดตัวมา ชั้นก็พอมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน (แต่ไม่ใช่ทางตรงหรอกนะ)

พี่สาวคนกลางของชั้นหน้าตาดีแหกคอกพี่น้องในบ้าน จนคุณแม่มักจะยกขึ้นมาเยินยอตามวิสัยคนไทย (เน้นหน้าตาไว้ก่อน)

ตามประสาเด็กหน้าข้าวเหนียวที่ไม่เคยได้รับคำชมเรื่องหน้าตาอย่างชั้น ในตอนนั้นย่อมน้อยใจเป็นธรรมดา (แต่ไม่ได้อิจฉาพี่หรอกนะ เรารักกันดี)

แต่พอโตขึ้นมา ถึงตอนนี้ชั้นกลับคิดว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้มีรูปทรัพย์ถึงขนาดใช้ไปโปรยที่ไหนได้ (ถึงอยากโปรยก็ไม่มีคนเก็บ มีแต่จะใช้ไม้เขี่ยทิ้ง)

แล้วก็โชคดีที่ไม่ได้มีกำลังทรัพย์เป็นที่โดดเด้งในวงสังคมอะไรนัก (แต่ถ้าเป็นวงส้มตำล่ะไม่แน่)

ถึงตอนนี้ ชั้นกับพี่สาวคนโตต่างก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน คบกันมาหลายปีสูสีกัน แต่พี่คนกลางกลับยังเปิดกว้างรับตัวเลือกอยู่เลย

ชั้นว่านอกจากเหตุผล "สวย-รวยเลือกได้" แล้ว หนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนที่มีทรัพย์ติดตัว (รูปทรัพย์-สินทรัพย์) ต้องเลือกแล้วเลือกอีก คงเพราะความรู้สึกไม่มั่งคงลึกๆ ภายในจิตใจ

ก็ใครล่ะจะไปหยั่งรู้ว่า คนที่เดินเข้ามาหา เค้าหวังอะไรจากเรา (หวังแค่เข้ามาเคียงข้างกอบกู้ หรือกะจะมากอบโกย) เลยต้องค่อยๆ ดูกันไป

ชั้นขอแสดงความยินดีกับคนที่ไม่คิดมากเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ และพร้อมจะให้ในทุกกรณี จะได้ไม่ต้องระแวดระวังให้เสียวสันหลัง

ที่จริงชั้นเองก็เชื่อเสมอว่า ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบเราได้ ถ้าเราไม่ยินยอม และถ้าไม่มองว่าสิ่งที่เราให้ สิ่งที่เราทำคือการถูกสูบถูกดูด การคบกันของคนสองคนก็จะไม่มีได้ไม่มีเสีย (ถ้าได้-เสียมารวมกันน่ะไม่แน่)

หลายคนคงคิดว่าแค่ปล่อยวางทุกอย่างก็จบ แต่ในมุมมองของชั้น การเป็นเพศที่สามทำให้ต้องคิดหนักกว่านั้น

คนทั่วไปมักมองความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องประเดี๋ยวประด๋าว ไม่จีรังยั่งยืนอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีเรื่องหน้าตา ฐานะทางการเงินเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

จริงอยู่ว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน อยากทำอะไรก็อย่าได้แคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง ปล่อยไปตามหัวใจดีที่สุด

แต่พนันได้เลยว่าคนที่เป็นเพศที่สามทุกคนย่อมไม่อยากให้ใครมาดูถูกความรักของเรา

และถ้าเลือกได้ บรรดาทอม-ดี้-ตุ๊ด-เกย์-เลสเบี้ยน ฯลฯ ทั้งหลาย คงอยากพิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นกันไปว่า รักแบบนี้มันจริงแค่ไหน

เพราะฉะนั้นเหล่าเพศที่สามจึงจำเป็นต้องระลึกอยู่เสมอว่า การกระทำของเราเพียงคนเดียว อาจส่งผลต่อเพื่อนร่วมอุดมเกย์ เอ้ย! อุดมการณ์เดียวกัน

พลาดนิดเดียว คนบางกลุ่มก็พร้อมจะเก็บเป็นสถิติและใช้ตัวอย่างเดียวเหมารวมไปว่า "ไอ้พวก... ก็เป็นแบบนี้แหละ"

ชั้นเคยเปิดทีวีเจอสัมภาษณ์โดนใจอยู่ชิ้นนึง นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่ารายการอะไร ใครสัมภาษณ์ หรือแม้แต่สัมภาษณ์ใคร (นี่ขนาดโดนใจนะเนี่ย)

จำได้แค่ คนถูกสัมภาษณ์เป็นดารา เป็นกะเทย และเป็นคนที่พูดได้สะเทิ้นอารมณ์สะเทือนต่อมเห็นด้วยของชั้นมาก

เธอคนนั้นพูดว่า สื่อทีวี ละครโทรทัศน์ที่เห็นๆ กันอยู่ ทำให้คนทั่วไปมองกะเทยเป็นพวกสะดีดสะดิ้ง กรีดร้องโหวกเหวกโวยวาย ซึ่งเธอยอมรับว่ามีกะเทยแบบนั้นอยู่จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

และเธอก็คือหนึ่งในสาวประเภทสองที่ไม่แสดงอารมณ์ด้วยการดิ้นพล่านอย่างนั้น เพราะนั่นไม่ใช่ตัวตนของเธอ และเธอก็ไม่ต้องการให้คนทั่วไปเหมารวมว่ากะเทยต้องเป็นแบบเดียวกันหมด

เธออยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้พวกเดียวกัน และไม่อยากให้ใครเห็นกะเทยเป็นตัวตลก

ต่อไปภายภาคหน้า คู่ช็อควงการอย่างป๋าต๊อบกับปีใหม่ คงเป็นอีกตัวอย่างนึงที่ถูกหยิบมาพูดเวลามีใครเอ่ยถึงเรื่องทอมดี้

แต่ผลลัพธ์จะเป็นยังไง จะช่วยตอกย้ำให้คนส่วนใหญ่คิดว่า "ที่ผู้หญิงยอมคบผู้หญิง ก็แค่อยากดูดเงินเท่านั้นแหละว้า"

หรือช่วยปรับทัศนคติให้มองว่า "คู่แท้แบบนี้ก็มีด้วย"

อนาคตของชาวหญิงรักหญิงในอนาคตอันไม่ไกลนี้ คงขึ้นอยู่กับคู่ป๋าไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วมาคอยดูกันว่าเราจะถูกเหมารวมไปทางไหน

ที่ทำได้ตอนนี้ คงได้แต่ภาวนาให้งานแต่งที่ทั้งคู่เปรยๆ ว่าจะจัดขึ้นวันที่ 20 เมษานี้ นำไปสู่เรื่องน่ายินดี

และถ้าคู่นี้ไปกันรอด (อย่างน้อยแค่ไม่จบเร็วเกินไปจนน่าสงสัย) คงช่วยดัดนิสัยคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างชั้นได้บ้าง (หวังว่านะ)

หรือบางที อาจดัดได้อีกหลายคนด้วยซ้ำ (ในสังคมที่ถนัดซ้ำถนัดเติมเช่นนี้)

สุดท้ายเมื่อ "รูปทรัพย์" กับ "สินทรัพย์" มาบรรจบกัน ผลมันจะออกมาเป็นยังไง อยากรู้จริงๆ