Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

เรื่องเล่า Exclusive trip in korea with Natty AF7 Part 3

Blog หายเลยไปหามาลงไว้ใหม่..ฮ่า..นึกย้อนไปตอนนั้นแล้วก็มีความสุข
ตอนนี้เด็ก 15 เป็นเด็ก 16 แล้ว..แต่ดูเหมือนความเป็นเด็กก็ยังไม่หายไป..555

เรื่องเล่า Exclusive trip with Natty AF7 in korea Part 3

สวัสดีกันอีกรอบค่ะ คราวนี้คงเป็นภาคจบซะทีไม่เช่นนั้นคนเขียนคงไม่เป็นอันทำงานทำการแน่....ฮ่า สำหรับสองวันหลังจะเน้นไปที่การช้อปปิ้งเป็นส่วนใหญ่ โดยวันที่สามเราเริ่มต้นกันที่ ETUDEE House ซึ่งดูจะเป็นที่ถูกใจของน้องนัตตี้มากเพราะเห็นว่าตั้งใจจะมาซื้อ ETUDEE โดยเฉพาะ ส่วนเราก็ได้แต่ยืนดูอยู่ไกลๆเพราะไม่ค่อยสนใจกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เห็นแต่น้องหิ้วตะกร้าเดินไปเดินมาลองโน้นนิดนี่หน่อยแล้วก็หยิบใส่ตะกร้า น้องเดินเลือกของอยู่นานเลยทีเดียว เราเองก็เดินเข้าเดินออกอยู่หลายรอบ เดินไปถ่ายรูปบ้างถ่ายคลิปบ้าง แล้วก็มารอน้องข้างนอกเพราะในร้านคับแคบมาก แต่จะรออยู่ข้างนอกเลยอากาศก็เย็นมากอุณหภูมิประมาณ 0 องศาแถมมีลมพัดอีก ก็เลยต้องเดินเข้าร้านเป็นพักๆ บังเอิญเหลือบไปเห็นร้านดัลกิ้น โดนัท เลยเข้าไปซื้อฮอตช้อคโกเลตไว้ให้น้องและก็อาศัยเนียนๆอยู่ในร้านก่อนระหว่างรอน้อง...ฮ่า หลังจากเสร็จจากการซื้อของก็มารอรถบัสกัน ถ้าใครได้ดูในคลิปจะเห็นที่น้องบอกว่าซีเรียสกันเลยทีเดียวไม่คิดว่าจะแพงขนาดนั้น ขอบอกว่าราคาที่น้องซื้อมาไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น คิดดูละกันว่าคนเขียนเองไม่ได้แต่งหน้าหรือบำรุงผิวพรรณอะไรมากมายเมื่อเดือนพฤษภาที่ผ่านมาก็เพิ่งมาซื้อเครื่องสำอางค์ที่เกาหลียังหมดไปเยอะกว่าน้องอีก...และเท่าที่สังเกตดูในทริปเดียวกันนี่ก็ถือว่าน้องอยู่ในกลุ่มที่ซื้อน้อยแล้วนะ แต่อาจเพราะความเป็นเด็กและไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยอะไรน้องก็เลยรู้สึกว่าตัวเองใช้เงินไปเยอะมาก

วันนี้ทางคณะได้แวะไปดูศูนย์โสมด้วยแต่ไม่มีอะไรมากขอข้ามไปมื้อกลางวันเลย วันนี้เรารับประทานบิบิมบับหรือข้าวยำเกาหลี ถือเป็นอาหารที่มีประดยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมากเพราะประกอบไปด้วยเครื่องปรุงที่เป็นผักนานาชนิดถึง 18 อย่างโดยนำข้าวไปย่างบนชามหินทานพร้อมซุปร้อนๆ หลังจากนั้นก็เดินทางไปร้านดิวตี้ฟรีเพื่อเลือกซื้อเครื่องสำอางค์กันอีกรอบ แต่เจ้าตัวเล็กดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่แล้วได้แต่เดินดูโน้นดูนี่แต่ไม่หยิบอะไรสักชิ้น เนื่องจากซื้อ ETUDEE มาพอสมควรแล้ว...ฮ่า

จากนั้นก็มาเดินชมบรรยากาศบ้านเกาหลีซึ่งคราวนี้ไม่เหมือนวิ่งจับลิงที่หมู่บ้านฝรั่งเศส แต่เจ้าตัวเล็กก็เดินซอกแซกไปทั่ว ตอนแรกก็เดินอยู่ในกลุ่มกันดีๆ ไปๆมาๆน้องคงรู้สึกไม่ทันใจขืนเดินตามๆกันไปคงได้ดูไม่ทั่วแน่ๆเลยเพิ่มความเร็วใน
การเดินซะงั้นไม่ได้สนใจใครงานนี้เราต้องรีบเดินตามไม่กล้ากระพริบตาเลยทีเดียวเพราะมันเป็นตรอกซอกซอย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าน้องอยากจะให้ตามหรือเปล่าแต่พอเราเริ่มห่างน้องก็จะรอและคอยกวักมือเรียกทำให้อุ่นใจว่าน้องคงอยากให้ตามไปด้วยซึ่งก็แปลกทั้งบัสมี 36 คนนักท่องเที่ยวอีกตั้งหลายกรุ๊ปไหนจะกลุ่มนักถ่ายภาพที่เจอตอนเข้ามาอีกแต่ทำไมเดิน
ไม่เจอใครเลย ไม่รู้ตกลงเดินผิดที่ผิดทางหรือเปล่าแต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรห่วงแต่ว่าจะพลัดหลงกับน้องมากกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้น้องอุ่นใจที่มีเราหรือเราอุ่นใจที่มีน้อง...ฮ่า แต่เชื่อว่าน้องคงอุ่นใจมากกว่าที่เห็นว่ายังมีเราตามอยู่เพราะขนาดเดินไปถึงห้องน้ำ น้องขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน เราก็เลยรอข้างนอกหามุมสวยๆไว้ถ่ายภาพตอนน้องออกมา แต่เจ้าตัวเล็กไม่ยอมเข้าห้องน้ำกลับเรียกให้เข้าไปเป็นเพื่อนซะงั้น..เด็กน้อยจริงๆ..ฮ่า จากนั้นก็เดินกันต่ออีกสักพักพอดูว่าได้เวลนัดแล้วจึงชวนกันกลับ แต่เหมือนคนในกร๊ปก็ไม่ได้สงสัยเลยว่าเราสองคนหายไปไหนกัน ตอนเดินกลับมาที่จุดนัดไม่มีใครแล้วแต่เห็นรถบัสมาจอดอยู่ไกลๆและทุกคนก็กำลังทะยอยขึ้นรถกัน ยังคุยกับน้องกันเลยว่าดูเค้าไม่สนใจเรากันเลย ก็พอดีคิตตี้เหลือบมาเห็นเลยโบกไม้โบกมือเรียกไปขึ้นรถ แต่อาจเป็นเพราะว่าเราไม่ผิดเวลาด้วยทุกคนเลยไม่ห่วง

ออกจากบ้านเกาหลีคราวนี้น้องๆจะได้มีโอกาสเจอกันครบ 12 คนแล้วเพราะไปดูนันทาโชว์กัน นันทาแปลว่าครัวกระจุย เคาะ ตี หั่น สับ ปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เป็นการแสดงกึ่งละครกึ่งดนตรีประเภทเครื่องเคาะ ที่ดัดแปลงเอาการแสดงดนตรีพื้นเมืองประเภทเครื่องเคาะของเกาหลีมาสร้างเสียงจังหวะผสมผสานกับการแสดงในรูปแบบตะวันตก มีการเชิญคนดูขึ้นไปร่วมกิจกรรมบนเวทีด้วย ซึ่งด้วยอะไรไม่ทราบได้นักแสดงได้เรียกน้องนัตตี้ขึ้นไปด้วยและด้วยความขี้เล่นของนั
กแสดงและธรรมชาติของเจ้าตัวเล็กเล่นเอาขำกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นตอนที่นักแสดงก้นตกลงไปในถังพลาสติกใบใหญ่ ทำยังไงก็ลุกขึ้นไม่ได้ เอาถังพลาสติกออกจากก้นก็ไม่ได้ เลยเรียกน้องนัตตี้ขึ้นไปช่วยดึงแต่น้องดึงยังไงก็ดึงไม่ออกเล่นเอาล้มลุกคลุกคลาน แต่เจ้าตัวเล็กไม่ละความพยายามขอดึงอีกที สุดท้ายก็ดึงไม่ออกเลยโดนไล่กลับมานั่งที่แล้วนักแสดงคนนั้นก็ลุกขึ้นเอง...ฮ่า หลังจบจบการแสดงก็มีให้น้องๆร้องเพลงแต่ร้องแค่บางคนแถมให้อยู่ในความสงบ งดใช้เสียง เลยอดมันเลยงานนี้

และแล้วก็ได้เวลาอาหารค่ำ มื้อนี้เป็นไก่ตุ๋นโสม อาหารสุขภาพซึ่งเสริ์ฟในหม้อดินท่ามกลางน้ำซุบที่กำลังเดือด พิถีพิถันด้วยการคัดเลือกไก่ขนาดกำลังเหมาะผ่านการเลี้ยงจนอายุได้ 45 วัน นำมาทำความสะอาดนำเครื่องในออกทั้งหมดแล้วนำเครื่องยาจีน อาทิ เกาลัด เก๋ากี้ พุทราจีนและรากโสมพร้อมด้วยข้าวเหนียวใส่ลงไปในตัวไก่แล้วผ่านการตุ๋นจนเนื้อไก่ล่อนทานคู่กับเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเกาหลี

การไปครั้งนี้ใช้เวลาเต็มที่มากทานอาหารเสร็จก็ไปชมย่านวัยรุ่นเมียงดง หรือสยาซื้อสินค้าเครื่องหนัง เครื่องสำอางค์ เครื่องประดับ กิ๊ฟชอป แต่ที่ดูจะถูกใจน้องนัตตี้ที่สุดเห็นจะเป็นสินค้าของดาราเกาหลี แต่ที่นี่มีสิ่งที่ทุกคนพลาดไม่ได้คือการได้ทานไอศครีมสามสิบเซนถ้าใครมาแล้วไม่ได้ทานแปลว่ามาไม่ถึง พี่สุ่นก็ใจดีซื้อให้น้องนัตตี้แล้วยังจะซื้อให้เราอีกแต่ได้ปฏิเสธไปเพราะอากาศขณะนั้นเย็นมากถ้าทานไอศครีมคงได้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้นไม่ต้องไปไหน แต่น้องนัตตี้ก็น่ารักอีกแล้วน้องป้อนไอศครีมให้เราทานก่อนเลยทานไปหนึ่งคำ แต่สุดท้ายน้องทานไปแค่ประมาณสิบเซนก็ยื่นที่เหลือมาให้เรา...ฮ่า ครั้นจะปฏิเสธน้องก็ไม่กล้าทำลายน้ำใจ หนาวก็หนาวก็ต้องจำใจทานกว่าจะหมดเล่นเอาตัวเกือบแข็งกันเลยทีเดียว จากที่น้องรอไปเดินกับคุณพ่อคุณแม่ รอกันไปรอกันมาเด็กซนอย่างน้องนัตตี้ก็ทนไม่ไหว สุดท้ายก็เหลือกันสองคนอีกเช่นเคย แต่รอบนี้ดีหน่อยตรงที่เดินจูงมือกันดูของไปเรื่อยๆ อาจจะด้วยน้องกลัวพลัดหลงจากเราหรือกลัวเราเดินตามไม่ทันไม่ทราบได้ และก็มีอยู่ครั้งนึงเดินผ่านหน้าร้านเครื่องสำอางค์แล้วเค้ายื่นของให้น้อง น้องรับของมาพร้อมกับให้เข้าร้านพร้อมตะกร้าหนึ่งใบ เลยต้องเข้าไปเดินวนในร้านกันหนึ่งรอบแต่ออกมาด้วยตะกร้าเปล่าแล้วหลังจากนั้นก็ไม่รับของจากใครอีกเลย ฮ่า การไปเดินด้วยกันครั้งนี้ทำให้รับรู้เลยว่าน้องนัตตี้เป็นคนที่รู้คุณค่าของเงินมากๆ ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรก็ต้องซื้อให้ได้ ส่วนใหญ่จะเห็นน้องหยิบๆจับๆพอเห็นราคาน้องก็จะบอกว่าแพงแล้วก็วางไว้ที่เดิม เวลาเราจะซื้อให้น้องก็จะปฏิเสธทุกครั้งเพราะของบางอย่างน้องแค่อยากได้แต่รู้ว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็นก็ไม่อยากไปเสียเงินกับของพวกนี้ และจะบอกว่าร้านที่น้องเข้าส่วนใหญ่จะเป็นร้านดารากับร้านของเล่น...ฮ่า เรื่องซื้อของแต่งตัวไม่ต้องพูดถึงไม่มีย่างกลาย...เห็นน้องทำงานมีรายได้อย่างนี้ก็
บอกน้องว่าเงินที่ทำงานได้มาเอามาซื้อของที่ชอบให้ตัวเองบ้างก็ได้ น้องบอกว่า มีเงินไม่ได้ใช้ให้แม่หมด ช่างเป็นเด็กที่กตัญญูมากจริงๆ น้องไม่ได้พูดด้วยอารมณ์น้อยใจอะไรแม้คำพูดจะไม่ได้สละสลวยแต่เราก็รับรู้ได้ถึงความรักที่น้องมีให้คุณแม่ ทำเอาเราปลื้มใจมากมายที่ได้รักเด็กคนนี้ วันนั้นเราเลยกลับที่พักด้วยรอยยิ้มมีแรงส่งรูปส่งคลิปมาฝากทุกๆคน...ฮ่า

เพื่อให้เสียเวลามาต่อกันที่วันสุดท้ายเลยดีกว่า โดยวันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะต้องเดินทางกลับแล้ว ตอนเช้าแวะชมคลองชองเกชอน ซึ่งเดิมเป็นคลองเก่าแก่ในอดีตมีอายุกว่า 600 ปี มี่ทอดผ่านใจกลางเมืองหลวงแต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาและบูรณคลองแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ยาวกว่า 6 กิโลเมตร ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ลมแรงมากเล่นเอาเจ้าตัวเล็กก้าวขาไม่ออกขนาดใส่ชุดมาหลายชั้นยังตัวสั่นปากสั่นหมดฤทธิ์จะวิ่งซน ลงมาถ่ายรูปแค่นิดหน่อยก็กลับขึ้นรถซะแล้ว....ฮ่า ต่อจากนั้นก็ไปชมโรงงานเครื่องประดับอะมิทิสและห้างชิวล่าดิวตี้ฟรี ซึ่งสองสถานที่นี้น้องนิวกับน้องนัตตี้ขอเฝ้ารถ หมดพลังงานกันไปซะแล้ว..ฮา จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารที่ร้านหมาดำที่เรียกร้านหมาดำเพราะเจ้าของเลี้ยงหมาตัวสีดำไว้หน้าร้านแต่อาหารเป็นเมนูโอซัมหรือหมูปลาหมึกย่างบาร์บีคิวหมักสไตล์สมัยใหม่เกาหลี โดยนำบาร์บีคิวหมูปลาหมึกลงในกะทะครึ่งวงกลมพร้อมน้ำซุปปรุงรถ เมื่อสุกรับประทานพร้อมเครื่องเคียง คนต่างประเทศจะนิยมมากเพราะรสชาติออกหวานเผ็ดเล็กน้อย

พอได้รับประทานอาหารเจ้าตัวเล็กเริ่มมีแรงโดยช้อปปิ้งของเล็กๆน้อยๆหน้าร้านก่อนที่จะไปต่อกันที่ตลาดทงแดมุนซึ่งน้องเคยมาเดินแล้วในคืนแรกที่มาโซล เรื่องซื้อสินค้าไม่ต้องห่วงเพราะน้องไม่ใช่นักช้อปเดินวนไปวนมาชวนไปดูเครื่องเล่นซ
ะงั้นตกลงก็ไม่ได้ซื้ออะไร จะมีก็แต่ซื้อขนมมาทานนิดหน่อยระหว่างรอรถ ช่างเด็กน้อยเสียเหลือเกิน...ฮ่า ที่สุดท้ายก่อนจะกลับได้แก่ซุปเปอร์มาเก๊ตแถวสนามบินซึ่งเจ้าตัวเล็กหมดฤทธิ์อยู่บนรถกับน้องนิวอีกเช่นเคย พอมาถึงสนามบินเมื่อจัดการกับกระเป๋าเรียบร้อยก็เลยชวนกันมาเดินเล่นต่อตอนนี้เจ้าตัวเล็กเริ่มบ่นหิวแต่ประเด็นคือไม่มีตังค์กันทั้งสองคน...ฮ่า ตอนเดินเล่นก็เจอกับน้องบอสและแฟนคลับน้องก็คุยเล่นกับพี่ๆแฟนคลับสนุกสนานส่วนน้องบอสขอตัวไปเดินคนเดียว..เห็นว่าตั้งแต่มายังไม่ได้เดินคนเดียวเลย..แต่น้องบอกว่าน้องไม่ชอบเดินคนเดียว..เราก็เลยโล่งใจว่าน้องคงจะไม่รำคาญเรา..ฮ่า เคยถามน้องเหมือนกันตั้งแต่แรกว่าต้องถ่ายรูปถ่ายคลิปนะน้องอาจจะไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่..น้องรีบโบกไม้โบกมือบอกไม่เป็นอะไรค่ะไม่เป็นอะไรเลย..แต่น้องก็ไม่เกร็งอะไรก็ปล่อยตัวตามสบายตามธรรมชาติของเขา..ซึ่งสิ่งนี้แหละที่เราประทับใจ น้องแม้จะเหนื่อยล้าหรือหมดแรงก็ยังสร้างสรรค์เสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง..ตอนที่คุยกับแฟนคลับพี่บอสที่สนามบินอินชอนก่อนจะกลับได้ยินน้องพูดว่า บ้ายบายเกาหลี ตังค์หมดแล้ว เจอกันใหม่เมื่อมีตังค์ทำเอาพี่ๆขำกันจนนาทีสุดท้าย

เห็นมั๊ยละว่าการตัดสินใจมาเกาหลีครั้งนี้คิดไม่ผิดจริงๆ หลายๆคนคงเสียดายใช่มั๊ยละค่ะ น้องนัตตี้ก้เป็นแค่เด็กสิบห้าคนหนึ่ง ที่น่ารักแสนซนไปตามวัย แม้ต้องแบกภาระรับผิดชอบไว้ตั้งแต่เด็กๆ แต่ความสดใสก็ไม่เคยจางหายไปจากเด้กคนนี้ และสิ่งนี้แหละที่ทำให้หลายๆคนมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ ได้พูดคุย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนที่ได้รู้จักถึงอดหลงรักเด็กคนนี้ไม่ได้

สุดท้ายขอขอบคุณน้องนัตตี้แรงบันดาลใจของการเขียนเรื่องเล่าเรื่องนี้ ขอบคุณครอบครัวของน้องนัตตี้และแฟนคลับทุกๆบ้าน ที่สำคัญขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้ ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่ สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2554
3 comments
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 9:54:15 น.
Counter : 560 Pageviews.

 

ถ้าลงรูปด้วยละแจ่มเลยนะเนี่ย

 

โดย: Maeboon 9 กรกฎาคม 2554 10:43:46 น.  

 

 

โดย: auyza 9 กรกฎาคม 2554 16:26:42 น.  

 

แอบมาเยี่ยมบล็อคครับ ^^

 

โดย: BoonsermLover 23 ตุลาคม 2554 7:23:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


p'ae-sutha
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add p'ae-sutha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.