1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
พัฒนาการของนโยบายการเงินของไทย
พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ถูกตราขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งภายใต้พรบ.ดังกล่าว ธปท.มีหน้าที่ดำเนินธุรกิจของ ธนาคารกลาง และหน้าที่อื่นๆ ซึ่งจะถูกกำหนดโดยการตราพระราชกฤษฎีกา ถึงแม้ในกฎหมายนี้จะมิได้มีการระบุเกี่ยวกับ การดำเนินนโยบายการเงินอย่างชัดแจ้ง แต่ก็ได้กำหนดให้คณะกรรมการธนาคารฯ มีอำนาจในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธปท. เรียกเก็บจากการเป็นแหล่ง เงินกู้แหล่งสุดท้าย (Lender of the Last Resource) ของสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังให้อำนาจ ธปท.ในการซื้อขายตราสารหนี้ และเงินตราต่างประเทศ ตลอดจนการให้สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแก่สถาบันการเงิน ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ ธปท.มิได้กระทำเพื่อค้ากำไร ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า กฏหมายมีบทบัญญัติโดยอ้อม ให้ธปท.เป็นผู้ดำเนินนโยบายการเงินอย่างชัดเจน และในทางปฏิบัติ ธปท.จะดำเนินธุรกิจของธนาคารกลาง โดยคำนึงถึง เสถียรภาพทางด้านการเงินและระบบการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว นโยบายการเงินของไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วงคือ 1) การผูกค่าเงินบาทกับค่าเงินตราต่างประเทศ ทั้งในรูปของเงินตราต่างประเทศสกุลเดียว หรือกับตะกร้าเงิน (Pegged Exchange Rate) (ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 - มิถุนายน 2540) นโยบายนี้เริ่มใช้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา โดยช่วงแรกใช้วิธีผูกค่าเงินไว้กับสกุลอื่นหรือทองคำ และเปลี่ยนไปใช้ระบบผูกค่าเงินบาทกับตระกร้าเงิน ในช่วงพฤศจิกายน 2527 - มิถุนายน 2540 ซึ่งภายใต้ระบบตะกร้าเงินนี้ กองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Equalization Fund: EEF) จะเป็นผู้ประกาศค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในแต่ละวัน สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงนี้ มุ่งเน้นเกี่ยวกับการทำให้ปัจจัยภายในประเทศ สอดคล้องกับการกำหนดค่าเงิน ภายใต้ระบบดังกล่าวเป็นสำคัญ 2) การกำหนดเป้าหมายทางการเงิน (Monetary Targeting) (กรกฎาคม 2540 - พฤษภาคม 2543) หลังจากที่ไทยเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน มาเป็นแบบลอยตัว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 นั้น ไทยขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจาก IMF และได้มีการกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายแบบใหม่ คือ Monetary Targeting ซึ่งเป็นการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน โดยอิงกับกรอบการจัดทำโปรแกรมกับ IMF เพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และดุลการชำระเงิน และให้ได้ภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจและระดับราคาตามที่กำหนดไว้ จากการประเมินภาพเศรษฐกิจดังกล่าว ธปท.สามารถกำหนดเป้าหมายฐานเงินรายไตรมาสและรายวัน เพื่อใช้เป็นหลักในการบริหารสภาพคล่องรายวัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยในระบบการเงิน มิให้เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างผันผวนจนเกินไป 3) การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) (23 พฤษภาคม 2543 - ปัจจุบัน) หลังจากธปท.ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ในระบบการเงิน ทั้งปัจจุบัน และในอนาคตแล้ว เห็นว่า การใช้ปริมาณเงินเป็นเป้าหมายนั้น มีประสิทธิผลน้อยกว่าการใช้เงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเงินและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ นอกจากนี้ การที่ระบบการเงินในประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการสินเชื่อของภาคเอกชน รวมทั้งความสามารถของระบบการเงิน ในการขยายสินเชื่อในแต่ละช่วงมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ธปท. จึงเปลี่ยนมาใช้อัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย ในการดำเนินนโยบายการเงินในปัจจุบันแทน ภายใต้การการดำเนินนโยบายการเงินแบบกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อนั้น ธปท.ได้กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (14-day Repurchasing Rate: RP-14) เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินจะส่งสัญญาณทางการเงิน ผ่านอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา และเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ธปท. จะทำธุรกรรมต่างๆในตลาดการเงิน เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงิน ธุรกรรมที่สำคัญคือ การซื้อ/ขายพันธบัตรในตลาดซื้อคืนพันธบัตร และการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Swap) ซึ่งการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวในปัจจุบัน ทำให้ธปท.สามารถดำเนินนโยบายการเงินภายในประเทศอย่างมีอิสระมากขึ้น โดยธปท.ไม่จำเป็นต้องรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ณ อัตราที่กำหนด การเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงของธปท.จึงลดลง ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
Create Date : 26 พฤษภาคม 2549
Last Update : 26 พฤษภาคม 2549 11:46:48 น.
0 comments
Counter : 4489 Pageviews.
ข่าวเศรษฐกิจไทย
ข่าวต่างประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ NESDB (สศช.) BOT (ธปท.) NSO (สสช.) MOC (ก.พาณิชย์) MOF (ก.คลัง) PDMO (สบน.) SEPO (สคร.) EPPO (สนพ.) SET (ตลท.) ThaiBMA AFET (ตสล.) สมาคมค้าทองคำ เชื่อมโยงหน่วยราชการอื่นๆ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ IMF World Bank EIA CARMA CIA Bloomberg.com x-rates.com Links ธ.กลางทั่วโลก Links ก.คลังทั่วโลก Links สำนักงานสถิติทั่วโลก >Thai CEO @ Japan
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งค้นคว้าข้อมูลทั่วไป google wikipedia วิชาการ.คอม
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
แหล่งค้นคว้าข้อมูลทั่วไป Electionworld.org mathworld 9wat (วัฒนธรรมและการ์ตูนญี่ปุ่น)