เหรียญมีสองด้าน แล้วแต่คุณจะเลือกมองด้านไหน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
การส่งออกโต เกิดจากความมั่งคั่งของใครกันแน่

จากตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในเดือนมีนาคม 2549
การส่งออกของไทยคิดเป็นมูลค่า 434.548 พันล้านบาท
การนำเข้าของไทยคิดเป็นมูลค่า 425.079 พันล้านบาท
หรือเรียกว่าเกินดุลการค้า 9.469 พันล้านบาท
ซึ่งเป็นการเกินดุลครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับจากกย.2548
(ปี 2548 เกินดุลการค้าเดือนกย.ครั้งนั้นครั้งเดียว)

เมื่อดูจากอัตราการขยายตัวแล้วพบว่า
การส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.45 เทียบกับปีที่แล้ว
ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52 เทียบกับปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า การนำเข้า เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่หลายๆคนคาดไว้
แต่ที่นำเข้าน้อยลงนั้น เป็นเพราะการนำเข้าสินค้าทุนที่น้อยลง
หรือการนำเข้าสินค้าบริโภคที่ลดลง ก็ต้องไปดูกันอีกที

ประเด็นที่จะพูดถึงในวันนี้คือเรื่องการส่งออกเดือนมีค.เป็นหลัก
เนื่องจากตอนนี้หลายฝ่ายมีความเห็นว่า
เนื่องจากความผันผวนด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก
อาจจะส่งกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนในบ้านเรา
จึงทำให้ภาคการส่งออกได้รับการคาดหวังว่า
จะช่วยให้เศรษฐกิจเราเดินต่อไปได้

วันนี้เราเลยมาลองวิเคราะห์ภาคการส่งออกกันดูบ้าง
ปัจจัยกำหนดการส่งออก แบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ
ปัจจัยด้านราคา และปัจจัยด้านรายได้ของผู้ซื้อ

มาดูที่ด้านราคาก่อน ในด้านราคา เราจะดูที่
อัตราแลกเปลี่ยนและระดับราคา เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า
ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ดังที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้า
เรื่องตลาดเงินในประเทศแล้ว จะเห็นได้ว่าค่าเงินบาทของเรา
มีแนวโน้มจะแข็งค่าต่อเนื่องไปอีกพักใหญ่
นั่นหมายถึงเมื่อเทียบระดับราคาสินค้าที่เท่ากันแล้ว
ระดับราคาในมูลค่าของดอลลาร์จะสูงขึ้น
นั่นคือราคาของส่งออกจากบ้านเราจะมีราคาแพงกว่าเพื่อนบ้าน

นี่ยังไม่รวมเรื่องราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อราคาในประเทศด้วย
แต่คงมีคนแย้งว่า ทุกประเทศได้รับผลราคาน้ำมันเหมือนกัน
อีกทั้งประเทศไทยมีกรอบเงินเฟ้ออยู่
ระดับราคาสินค้า คงไม่แพงไปกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
อันนี้ให้ไปดูข้อมูล REER (real effective exchange rate) ดู
ว่าเมื่อเทียบอัตราแลกเปลี่ยนควบคู่ไปกับราคาสินค้าแล้ว
อัตราแลกเปลี่ยนบ้านเราเป็นอย่างไร
ลองหาในข้อมูลในแบงค์ชาติดู
แต่ผมไม่คิดว่าระดับราคาน้ำมันในประเทศที่ผลิตเองได้
อย่างมาเลย์เซียหรืออินโดนีเซีย
ระดับราคาสินค้าเค้าจะแพงกว่าบ้านเรานะครับ

มาดูด้านรายได้ประเทศผู้ซื้อสินค้าบ้านเราบ้าง
แน่นอนว่าถ้าสินค้ากลุ่มประเทศคู่แข่งเราเหมือนกันหมด
สินค้าก็ไม่ต่างกันในมุมมองผู้ซื้อ
แต่ในแง่การค้าแล้ว ปกติผู้ซื้อผู้ขายมักจะเป็นเจ้าเดิมเสมอ
เนื่องจากการเจรจาต่อรองที่ง่าย มีความเข้าใจกันมากกว่า

แล้วการค้าเกินดุลของไทยจะมาจากไหน
ในเมื่อราคาสินค้าโดยเปรียบเทียบของเรา
ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
หรือว่าจะเป็นที่ผู้ซื้อ ที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรื่องผู้ซื้อนั้น ต่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
การซื้อ ก็คงไม่ได้เพิ่มเท่ากับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นหรอกครับ
อย่างน้อย ต้องมีการกระจายไปซื้อสินค้าอื่น กับประเทศอื่นด้วย
แล้วค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ทุกวันนี้ ทำไมเค้ายังมาซื้อของกับเรา

ปกติเวลาสั่งสินค้า จะมีการสั่งล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือน
ซึ่งขณะนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 40-41 บาท/ดอลลาร์
ไม่ใช่ 38 บาทอย่างในปัจจุบัน

ทำไมเค้าไม่ประกันความเสี่ยงล่ะ
ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆส่วนมากไม่ค่อยมีการประกันความเสี่ยงเท่าไหร
เพราะการซื้อขายไม่มาก การทำประกันค่าเงินก็มีต้นทุนเช่นกัน

การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ก็ทำให้เค้าได้รายรับน้อยลง
(รายรับลดลงนะครับ ไม่ใช่แค่กำไรลดลง)
แน่นอนว่าถ้าผู้ส่งออกรายนั้น ไม่อยากเสียลูกค้าไป
ก็ต้องยอมตัดชิ้นเนื้อตัวเอง
ซึ่งปกติการค้ากับลูกค้ารายเดิมจะใช้ราคาเดิม
การขึ้นราคาใหม่ ถ้าไม่สนิทกันจริง คงลำบากอ่ะครับ
(เพราะทางนั้นก็ซื้อในราคาดอลลาร์เท่าเดิม)

มาดูกันที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มีการประกันค่าเงินไว้
ค่าเงินแข็งก็ยังพอรับมือไปได้อีก 1-2 เดือน
หลังจากนั้นก็คงต้องยอมซื้อขายในราคาดอลลาร์เท่าเดิม
เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม
ซึ่งก็หมายถึงต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยนก็ต้องเพิ่มขึ้น
ปัญหาคือ ผู้ส่งออกรายใหญ่จะดำน้ำไปได้นานแค่ไหน
งานนี้ใครปอดใหญ่ ก็ดำน้ำได้นานกว่า
ต่อไปก็คงได้เห็นบริษิทเล็กลอยขึ้นมาก่อน
แต่ขืนปล่อยให้ดำน้ำเป็นปีๆ ต่อให้เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่
ก็มีสิทธิจมน้ำตายได้เหมือนกัน
ตอนนี้หลายๆคนก็เริ่มชั่งใจว่าตัวเองมีกำลังมากแค่ไหน
แล้วค่าเงินจะแข็งไปอีกนานขนาดไหน
ถ้าเป็นปีๆ พวกเค้าก็คงไม่ยอมดำน้ำกันหรอกครับ

จะเห็นได้ว่า การส่งออกที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาที่ผ่านมา
และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ไม่ใช่เกิดจากความมั่งคั่งของประเทศคู่ค้าครับ
แต่เกิดจากความมั่งคั่งของผู้ส่งออกของเราต่างหาก
ซึ่งนับวันก็จะร่อยหลอลงไปเรื่อย และจมลงไปทุกทีๆ


Create Date : 07 พฤษภาคม 2549
Last Update : 7 พฤษภาคม 2549 1:39:11 น. 0 comments
Counter : 1357 Pageviews.

TheShadow
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ข่าวเศรษฐกิจไทย
ข่าวต่างประเทศ


ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
Friends' blogs
[Add TheShadow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.