|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ธปท.ไม่ได้ใช้เงินเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างเดียว แต่ต้องดูแลสภาพคล่องในระบบด้วย (วิเคราะห์ข่าว)
ธปท. ไม่ได้ใช้เงินเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างเดียว แต่ต้องดูแลสภาพคล่องในระบบด้วย นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ยอมรับว่าวงเงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท ในการแทรกแซงค่าเงินบาทที่มีผู้เอ่ยถึงนั้นใกล้เคียงกับตัวเลขจริง แต่เงินทั้งหมดที่ใช้ไปไม่ใช่เพื่อแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างเดียว แต่เกิดจากการเข้าไปดูแลสภาพคล่องในช่วงที่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณออกมาสู่ระบบการเงินมากเกินไปด้วย เพราะ ธปท. จำเป็นต้องดูแลไม่ให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีการบิดเบือนจากเป้าหมายของ ธปท. โดยในเดือน ก.พ.50 มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 916,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สภาพคล่องในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเกิดจากภาคต่างประเทศด้วยคือ ผู้ส่งออกมีการนำรายได้ในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. เข้ามาแลกเป็นเงินบาทออกสู่ระบบมาก และนักลงทุนต่างชาติมีการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นด้วย โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้นเป็นจำนวนเงินสุทธิ 27,000 ล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้สภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ด้านนางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ผอ.อาวุโส ฝ่ายตลาดเงินและการบริหารทุนสำรอง ธปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมว่าจะยืดเวลาอนุญาตการถือครองเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกให้นานขึ้นกว่า 15 วันหรือไม่ เพื่อลดแรงกดดันของค่าเงินบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ส่งออกได้เทขายเงินดอลลาร์ สรอ. ออกมาจำนวนมาก เพราะเกรงว่าหากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ค่าเงินบาทในประเทศจะแข็งไปเท่ากับตลาดต่างประเทศที่ขณะนี้เงินบาทอยู่ที่ประมาณ 32 33 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. (ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์ วันที่ 23 มีนาคม 2550) (รวบรวมข่าวโดย เวบไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย)
-----------------------------------------------------
ถ้าใครตามอ่านบล็อคของผมคงสังเกตได้ว่า ช่วงนี้เขียนถึงธปท.บ่อยเหลือเกิน ซึ่งถ้าใครอยู่ในวงเศรษฐกิจคงทราบดีว่าตอนนี้ประเด็นปัญหาต่างๆจะมีชื่อธปท.เข้ามีเกี่ยวข้องอยู่เสมอ และในวันนี้ผมก็จะยังคงเขียนถึงธปท.อยู่ แม้จะมีคนเตือนผมว่า "อย่าเพิ่งตัดสินเหตุการณ์ใดถ้าฝุ่นควันยังคลุ้ง"
จริงๆข่าวข้างต้น เห็นเพื่อนในหว้ากอได้โพสต์ไปแล้ว และผมก็ได้ตอบบางส่วนไปแล้ว แต่กระทู้นั้นก็โดนลบไปในเวลาไม่นาน เพราะตั้งผิดห้อง (ห้องศาลาประชาคม ส่วนใหญ่จะมีกระทู้กฎหมาย ก็เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้คงกลัวไม่มีคนตอบกระมัง)
เข้าเนื้อข่าวก่อนเลย ในเนื้อข่าว (ซึ่งสรุปโดยเวบของธปท.เอง) กล่าวว่า ภาระหนี้ของธปท.ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านล้านบาทนั้นไม่ได้ใช้ไปเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาทเพียงอย่างเดียว แต่ทำเพื่อรักษาดุลยภาพในระบบการเงินของประเทศด้วย เนื่องจากเดือนที่ผ่านมารัฐบาลเร่งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึง 916,000 ล้านบาท ถึงตรงนี้ก็เริ่มงงแล้วครับ เงินงบประมาณจำนวน 0.916 ล้านล้านบาท ภายในเดือนเดียว ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 2550 มีมูลค่า 1.5662 ล้านล้านบาท!!! หมายความว่าเดือนเดียว เบิกจ่ายได้ครึ่งหน่งของแผนรายจ่ายงบประมาณทั้งปี!!!! ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือโกหกครับ!!! เหอๆๆ
สมมติว่าเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคเรื่องการพิมพ์ก็แล้วกัน จากข้อมูลของสศค.ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงการคลัง ก็มีข้อมูลบอกว่าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในเดือนกพ.50 อยู่ที่ประมาณ 200,314 ล้านบาท ก็นับว่ามากกว่า 4 เดือนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ (เดือนตค.49 พย.49 ธค.49 และมค.50 การเบิกจ่ายอยู่ที่ 89,559 ล้านบาท 111,438 ล้านบาท 99,182 ล้านบาท และ 97,054 ล้านบาทตามลำดับ) ทั้งนี้ สาเหตุที่เบิกจ่ายได้ต่ำเนื่องมาจากในเดือนตค. พย. และธค.49 ยังไม่มีงบประมาณประจำปี 2550 ออกมา ซึ่งตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ 2502 มาตรา 16 บอกว่าให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีก่อนหน้าไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อนุมัติโดยนายกรัฐมนตรี นั่นหมายถึงการเบิกจ่ายเงินงบประมาณใน 3 เดือนดังกล่าวจะไม่มีทางเกินปีงบประมาณ 2549 ได้ รวมถึงงบลงทุนด้วย (เพราะเอาแผนการลงทุนในปีงบประมาณ 2549 มาใช้ไม่ได้ ซึ่งในงบลงทุนจะเหลือเพียงแต่งบผูกพันเท่านั้น) ดังนั้นการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปีหลังจากที่งบประมาณปี 2550 ได้ประกาศใช้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากเท่าใดนัก เพราะรวม 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีมูลค่า 597,547 ล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 อยู่ที่ 591,029 ล้านบาท (อย่างไรก็ดี หากพูดภาษากอล์ฟ ก็น่าสังเกตว่า 4 เดือนแรกตีออก 4 โบกี้ แต่เดือนกพ.50 เดือนเดียว ทำให้การเบิกจ่ายรวม 5 เดือนได้พาร์ได้ ก็ต้องตามดูกันว่าส่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความสามารถการเบิกจ่ายของหน่วยงานราชการ หรือบุญเก่าที่คั่งค้างมาจาก 3 เดือนก่อนหน้า)
ต่อมาประเด็นเรื่องการเบิกจ่ายภาครัฐและผลกระทบต่อสภาพคล่อง ที่บอกว่าสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการเบิกจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากงบประมาณ สภาพคล่องดังกล่าวมาจากการเก็บภาษีครับ ซึ่งเท่ากับว่าสภาพคล่องของผู้เสียภาษีจะลดลง แล้วในปีงบประมาณ 2549 (ตค.48-กย.49) รัฐบาลทำงบสมดุล ก็เท่ากับสภาพคล่องในระบบยังคงเดิม เพียงแต่เปลี่ยนมือจากผู้เสียภาษีไปยังรัฐบาลเท่านั้น และในช่วงเดือน ตค.49-ธค.49 ก็ยังไม่มีงบประมาณประจำปี 2550 ออก จึงให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีก่อนหน้าไปพลางก่อนตามที่ได้พูดแล้วข้างต้น ดังนั้นไม่มีทางที่ปี 2549 ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจะกระทบสภาพคล่องในระบบจนกระทบอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยยะครับ นอกเสียจากว่าเงินในระบบจะเพิ่มขึ้นจากธปท.เอง ไม่ว่าจะเป็นการทำ sterization ค่าเงินดอลลาร์ (จากการค้าที่เกินดุล) หรือการเพิ่มปริมาณเงิน (เพื่อซื้อคืนพันธบัตรธปท.ที่ครบกำหนด ที่อยู่ในระบบเกือบ 1 ล้านล้านบาท)
ส่วนในปีงบประมาณ 2550 ที่จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล ก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะกู้เงินจากที่ไหนมาชดเชยการขาดดุล - จากระบบการเงินในประเทศ อันนี้ก็จะทำให้สภาพคล่องที่มีอยู่ในปัจจุบันลดลง ซึ่งอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้ในกรณีที่อุปสงค์ของเงินทุนมีมากกว่าอุปทานของเงินทุน (แต่ตอนนี้ก็เห็นไม่มีใครอยากกู้เงินมาลงทุนเท่าไหรแล้ว) - จากธปท.เอง อันนี้ทำให้ปริมาณเงินและสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้นแน่ครับ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น (การที่รัฐบาลจะกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล กู้ได้เฉพาะในประเทศเท่านั้นครับ)
สุดท้ายประเด็นเงินลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้น ดังที่เคยกล่าวไว้ในบล็อคก่อนหน้าแล้วว่าเงินจากต่างประเทศ เวลาเข้ามาในเขตประเทศไทยแล้วจะอยู่ใน 3 ส่วนหลักคือ ตลาดตราสารทุน (ตลาดหุ้น) ตลาดตราสารหนี้ และบัญชีธนาคารพาณิชย์ การที่เงินลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้น ไม่ได้หมายความว่าต่างชาตินำดอลลาร์เข้ามาแลกเป็นเงินบาท แล้วเข้ามาซื้อหุ้นไทย แต่อาจจะเป็นการที่ต่างชาติขายพันธบัตรหรือถอนเงินฝากธนาคาร แล้วนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นก็ได้ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่าเงินต่างชาติที่พูดถึงนั้น มาจากไหนกันแน่ เพราะคราวก่อนที่ธปท.บอกว่าช่วงก่อนเดือนธค.49 ต่างชาตินำเงินมาเก็งกำไรในตลาดตราสารหนี้เยอะ จนกระทั่งธปท.ออกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 (18 ธค.49) กลายเป็นว่านับแต่เดือนสค. กย. ตค. และพย. เงินทุนไหลเข้าในตลาดตราสารหนี้จำนวน -243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +136 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ -429 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตัวเลขลบแปลว่าเงินไหลออก) เลยสงสัยว่า ธปท. เอาอะไรมาเป็นตัววัด ถ้าใครทราบ รบกวนบอกผมด้วยนะครับ
ก่อนจาก ขอฝากข่าวเก่าของธปท.อีกหนึ่งข่าวครับ ซึ่งเนื้อข่าวบอกว่า รัฐบาลควรใช้นโยบายการเงินการคลังร่วมกัน โดยการเร่งการเบิกจ่ายและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น -------------------------------------- รัฐบาลต้องใช้นโยบายการเงินและการคลังควบคู่กันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้หากต้องการเร่งให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ภาครัฐจะต้องใช้ทั้งนโยบายการเงินและการคลังไปด้วยกัน โดย ธปท. มีนโยบายชัดเจนที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มมากขึ้นจากที่เป็นอยู่ ขณะที่ในภาคการคลังรัฐบาลควรจะต้องเร่งการเบิกจ่ายและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งจำเป็นต้องเร่งสร้างให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น เพราะเหตุผลเพียงค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะต่อการปรับปรุงเครื่องจักรและกำลังการผลิต หรือดอกเบี้ยที่ต่ำอาจไม่เพียงพอในภาวะที่ยังไม่เชื่อมั่น ภาคเอกชนอาจจะพอใจกับการผลิตภายใต้กำลังการผลิตสูงต่อไปก่อนก็ได้ ส่วนปัจจัยผลกระทบจากการลงทุนและการใช้จ่ายของประเทศจีนที่เรียกว่า Fear of China อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การลงทุนในไทยและการลงทุนทั้งโลกชะลอตัว เนื่องจากเมื่อจะลงทุนใหม่ก็ต้องดูไม่ให้ชนกับจีน สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยในตลาดโลกที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเทขายเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกจะหยุดลงในที่สุดเมื่อเห็นทิศทางของมาตรการชัดเจนขึ้น และเมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากจะมีการเร่งคืนหนี้ต่างประเทศของภาคเอกชนมากขึ้น (ไทยรัฐ, มติชน, โลกวันนี้ วันที่ 20 มีนาคม 2550) (รวบรวมข่าวโดย เวบไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย)
Create Date : 24 มีนาคม 2550 |
Last Update : 24 มีนาคม 2550 19:20:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1187 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
|
|
|
|