1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
บทเรียนจากค่ายอาสา สู่ ยายเฒ่าปาเก่อญอ ผู้น่าสงสาร
เรายังจำได้ถึงครั้งแรกที่เราได้ไปออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่จัดขึ้นโดยคณะเรา ที่ไปออกค่ายที่บนดอย ที่เชียงราย ด้วยความตั้งใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราน่าจะได้ไปออกค่ายอาสากับเค้าบ้าง จำได้ว่าจับมือเพื่อนคนหนึ่งไปด้วยกัน และ ยังคุยกันอยู่เลยว่าชาวกระเหรี่ยงจะน่ากลัวหรือเปล่าที่ต้องไปอยู่ด้วยถึงเกือบสองสัปดาห์ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรและพยายามอธิบายให้แม่ฟัง เค้าไปออกค่ายกันได้ มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร และยังคิดกับเพื่อนตอนนั่งรถไฟเลยว่าเรานี่แหละจะไปช่วยกันพัฒนาชนบทกัน (พร้อมท่าทางที่มุ่งมั่น ) ค่ายครั้งแรกของเราเป็นความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับความเป็นชนบท คนชนบท โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่บนเขาบนดอย ที่เป็นชาวกระเหรี่ยง เผ่าปาเก่อญอ ค่ายนี้ให้เราได้ขบคิดอะไรมาก ซึ่งอาจจะไม่ได้รู้ตัว ว่ามันทำให้เราได้เปลี่ยนแปลงความคิดหลายๆอย่าง และ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลายอย่าง กลายเป็นคนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและจุดประกายหลายๆ ความคิดนี้ไปสู่คนอื่นๆ ได้บ้าง ... ความตั้งใจแรกที่จะไปพัฒนาชนบท กลายเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าจริงๆ นะ เราคิดผิดที่มองว่าเค้าน่ากลัว คนที่เรารู้จักคือคนที่ใจดี มีน้ำใจ น่าชื่นชม มีความพยายาม มีจิตใจที่ดีงาม มีความตั้งใจที่จะธำรงชีวิตอยู่กับป่า แบบพึ่งพาอาศัยอย่างปกป้อง อย่างเช่นที่เราพอรู้คือ การทำแนวปกป้องไฟป่า และ หลายๆคนก็เป็นคนมีความรู้ความสามารถอย่างน่าทึ่ง ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ ...ทำให้เราถามตัวเองกลับมาว่า จริงๆแล้วเราได้พัฒนาชนบทหรือเปล่า ก็แค่สิบกว่าวันเค้าจะได้อะไรจากเราขนาดนั้นเลยหรือ พวกเราช่วยเค้าซ่อมถนนทางเข้าหมู่บ้าน สอนหนังสือเด็กๆ ทำสื่อการเรียนรู้ มันคงไม่ได้พัฒนาอะไรมาก แต่เรากลับได้เรียนรู้เยอะกว่าที่คิดไว้ ทำให้เราเข้าใจ ณ เวลานั้นแล้วว่า ทำไมถึงเกิดค่ายอาสาพัฒนาชนบทขึ้นมาสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย พวกเราคือคนที่กำลังจะเรียนจบและกลายเป็นคนชนชั้นกลางในสังคม กลุ่มคนที่มีบทบาทในสังคมในอนาคต กระมัง ... มหาวิทยาลัยถึงต้องให้พวกเราได้เรียนรู้ถึงกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เราน่าจะทำความรู้จัก และเข้าใจเค้า เรายังคงซึ้งใจเสมอเมื่อคิดถึงการออกค่ายครั้งแรกครั้งนั้นกับหมู่บ้านกระเหรี่ยงเผ่าปาเก่อญอ ที่เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และอยากให้เค้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของเค้า และคอยดูแลบ้านป่าเขาที่เค้าดูแล รักษาเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เรานึกขอบคุณมหาวิทยาลัย คนทำค่าย ความเป็นมาของการออกค่ายอาสา...เสมอ และ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บังเอิญได้หยิบหนังสือพิมพ์มติชนมาอ่าน .... //www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01way02220450&day=2007/04/22 หลาน...เมื่อไหร่ยายจะได้ออกไปจากตรงนี้เสียที ยายแทบอยู่ไม่ไหวแล้ว" แม่เฒ่าถามผมแบบนี้แทบทุกครั้งด้วยภาษาปาเก่อญอ จนจำแทบไม่ได้แล้วว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ และทุกครั้งน้ำเสียงของแกมักสั่นคลอ พร้อมกับแววตาเศร้าหมอง มีน้ำซึมๆ เอ่ออยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าแม่เฒ่าพยายามกลั้น เพื่อไม่ให้มันไหลออกมาให้คนได้เห็น ผมเองก็ตอบคำถามแกไม่ได้ เป็นคำถามที่ผมได้ยินทีไร รู้สึกเสียดแทงใจทุกครั้ง "ยายไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ใช่เหรอ? ยายแค่เข้าไปในไร่ของตัวเอง เพื่อเตรียมเพาะปลูกข้าวตามวิถีปกติในการยังชีพเท่านั้น ยายทำอย่างนี้มานาน ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ปู ย่า ตา ยาย มาจนถึงปัจจุบันไม่รู้กี่ชั่วคนแล้ว แต่มาถูกจับกุม... ยายไม่ได้ไปฆ่าคน ไม่ได้ค้ายาเสพติด ไม่ไปโกงกินของผู้อื่น ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมที่ไหน ทำไมเขาต้องจับยายด้วย เป็นเรืองราวเกี่ยวกับแม่เฒ่ารายหนี่งซึ่งเป็ฯชาวเขาปาเก่อญอ ที่แม่ฮ่องสอน ที่ปัจจุบันต้องติดคุก จากการทำผิดกฎหมาย ที่บุกรุกเขตป่าอนุรักษ์ พื้นที่ผืนที่แกเคยอยู่อาศัย ทำมาหากิน และคอยปกป้องผืนป่าบนดอยของประเทศไทยมาตลอด ... เราอาจจะเข้าใจผิดรึเปล่า แกอาจจะเป็นคนทำลายผืนป่าก็ได้นะ ถ้าไม่จับแกมาเข้าคุกมันอาจจะเป็นการทำลายส่วนรวมก็เป็นได้ เราอาจจะไม่รู้จริงเรื่องของพื้นที่ป่าที่คนชาวเขาทำลาย เราไม่ควรจะเอาชาวบ้านที่เชียงรายที่เรามั่นใจว่าเขาคอยปกป้องผืนป่ามาตลอด มาเหมารวมว่าชาวปาเก่อญอที่อื่นเป็นชาวเขาที่ดูแลผืนป่าได้ แต่จะอย่างไรล่ะ ในเมื่อเราอาจจะเข้าใจถูกก็ได้ กลุ่มคนตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่ง และในอนาคตอีกหลายๆกลุ่มกำลังถูกรังแกรึเปล่า แล้วเค้าจะอยู่กันอย่างไรถ้าไม่มีผืนป่า คนที่ไม่เคยสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเขา วัฒนธรรมการดูแลผืนป่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ไม่ควรให้พวกเขาดูแลป่าไม่ได้ เป็นไปได้มั้ยถ้าเราจะเปรียบเทียบกับเรื่องรถเมล์ในประเทศไทย ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาได้ดีไปกว่านี้ ถ้าคนออกกฎหมายไม่เคยนั่งมันเลย ... กฎหมายควรจะออกมาจากการได้สัมผัส ได้รู้จริงมากกว่านะ เราไม่อยากจะนิ่งนอนใจเลย ... ไม่อยากเป็นปลาตาย อยากว่ายทวนน้ำบ้างแล้ว ... ตอนนี้อยากให้ยายเฒ่าออกจากคุก... อยากเป็นคนชนชั้นกลางที่ได้ทำอะไรบ้าง.... อยากเห็นกระแสคนชนชั้นกลางช่วยคนอีกกลุ่มหนึ่ง... เราไม่ได้เป็นคนที่สนใจเรื่องการเมืองซักเท่าไร แต่มีความสนใจเรื่องของคนในสังคมเดียวกับเรามากกว่า...วันนี้ก็เลขขอเขียนอะไรเกี่ยวกับสังคม ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงไปถึงการเมืองซะหน่อย
Create Date : 26 เมษายน 2550
Last Update : 26 เมษายน 2550 1:23:06 น.
1 comments
Counter : 576 Pageviews.
โดย: ไนล์ IP: 58.137.17.12 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:18:00 น.
Location :
Bangkok Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
Hi, I am very pleased to have my own blog. This blog was inspired from a friend from Pantip -Klaiban.... Actually I do write diary in my book..not everyday but quite often.. and in Thai. I started to know Klaiban (Pantip) when I intended to have a Toefl test and found out adviser there. Many friends gave recommend on my essays and encouraged me in writing. I wish I can do it better. ========== มาเขียนเพิ่ม ( 9 พย 2552 ) กลับมาเป็นนักศึกษาได้สองปีกว่าแล้ว ตอนนี้เรียนอยู่ที่ปักกิ่ง หาความรู้ รวมทั้งค้นหาตัวเองอยู่ รักในธรรมชาติ และธรรมชาติ เขียนบล็อกเพื่อช่วยให้ตัวเองได้บันทึกเรื่องราว อีกทั้งเพื่อจะได้แชร์ความรู้สึกตัวเองออกมา บล็อกช่วยแก้เหงาในบางครั้ง ตอนนี้ใครอยากถามอะไรเกี่ยวกับจีนๆ รวมทั้งภาษาจีน อยากให้ถามมาเลย ตอบได้ตอบไม่ได้ไม่รู้ แต่จะพยายามหาข้อมูลมาให้ค่ะ ขอให้มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
นะครับ ที่ //www.rsalife.com
ไนล์ อาสาไลฟ์