|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พร่ำพรรณนา--->กว่าเจ้าจะเติบโต
เสียงร้องแหลมเล็กกังวานก้องในเวลาบ่ายคล้อยของบ้านริมทุ่งนา ท่ามกลางหมู่เมฆอึมครึมบนท้องฟ้า แต่สภาพอากาศยังอบอ้าวพอสมควร ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นจนเปลที่ผูกนอนกระเพื่อมไหว ด้วยเพราะเสียงแหลมเล็กนั้นเสียดทิ่มแทงเข้ามาในโสตประสาท ส่ายสายตาจับจ้องไปยังต้นเสียงที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเงียบลง ปลายสายตาที่มาของต้นเสียง
นางฟ้าตัวน้อย เจ้าตื่นขึ้นมายืนเกาะขอบเปล ส่งเสียงร้องสนั่นผสมปนเปด้วยน้ำตาน้ำลายและผมบางๆที่ยุ่งฟู เปลที่เจ้ายืนเกาะสั่นไหวตามแรงที่เขย่าของสองมือสองขาน้อยๆ ไม่เงียบและไม่หยุดหากไม่มีใครสนใจ ใกล้กันเปลไม้ไผ่สานที่ผูกโยงกับขื่อคานเริ่มขยับเคลื่อนไหว หลังจากก่อนหน้านั้นนิ่งสงบเงียบงัน ด้วยเสียงแหลมเล็กที่แผดก้องสาดทั่วบริเวณ อีกหนึ่ง เทวดาตัวน้อย เจ้ากำลังงัวเงีย
สาวชาวบ้านวัยสี่สิบต้นๆเดินออกมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ด้วยรูปร่างที่อ้วนสมบูรณ์ท่าทางเดินจึงดูต้วมเตี้ยมแม้จะพยายามเร่งรีบ ร่างน้อยๆของเจ้าลอยขึ้นจากเปลสู่อ้อมอกขณะมืออีกข้างหันไปขว้าเชือกของอีกเปลแกว่งไกว ปากก็โอ๋เจ้าที่ยังส่งเสียงให้เงียบลง ก่อนพาหายไปในมุมหนึ่งของบ้าน
ข้าพเจ้าค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นก่อนเดินไปชะโงกดูเจ้าเทวดาในเปล เทวดาตัวน้อยเจ้าขยับดวงตากลมดำไปมาประกายวาบวามไม่หลับตาลงอย่างที่ข้าพเจ้าคิด ปลายสายตาจับจ้องไปยังปลาตะเพียนที่แกว่งไหวอยู่เหนือใบหน้า มองเห็นไหมในสายตาหรือเจ้ากำลังคิดอะไร แต่เจ้าไม่ตะเบงก้องสาดเสียงแหลมเล็กเหมือนก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้ายิ้มและไกวเปล หลายคราวที่ข้าพเจ้าพาตัวเองมานอนอ่านหนังสือในเปลใต้ต้นไม้ริมทุ่งนา เห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเป็นไปของบ้านริมทุ่งหลังนี้ตั้งแต่ต้น อาจด้วยความเป็นญาติพี่น้องอีกอย่าง ที่ทำให้ข้าพเจ้าเข้านอกออกในเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่ก่อนหน้าเจ้าทั้งสองจะลืมตามาผจญโลกนี้เสียอีก เจ้าทั้งสองเป็นเพียงนางฟ้าวัยสิบเอ็ดเดือนกับเทวดาวัยสามเดือนเศษของนางเท่านั้น
ด้วยวัยสี่สิบต้นๆกับสามีวัยหกสิบกว่าๆ นางฟ้าตัวน้อยเจ้าหลุดหลงมาเกิดด้วยเป็นปกติครบสามสิบสอง ได้เป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวของนางและสามี นางฟ้าอายุไม่เท่าไหร่ลูกชายคนโตวัยยังไม่ครบบวช มีเจ้าหลานชายคนเล็กมาให้อีกคน ยังดีที่ลูกสะใภ้วัยรุ่นยังอยู่ช่วยดูแลแต่ยังไม่ทันครบสามเดือน ครอบครัววัยรุ่นที่ไม่ได้ใช้ความอบอุ่นดูแลกัน มีอันต้องแตกสลายพังทลายลง ลูกชายลูกสะใภ้แยกทางต่างคนต่างเดิน ทิ้งเทวดาตัวน้อยไว้ให้นางได้ดูแล เจ้าทั้งสองคนกับรายได้ครอบครัวเพียงเล็กน้อยและไม่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่สำหรับครอบครัวของนาง
อวบเอวอุ้มเจ้านางฟ้าตัวน้อยเดินกลับมาพร้อมขวดนม เจ้านิ่งเงียบสะอึกสะอื้นแต่คราบน้ำตายังเต็มใบหน้า นางพยายามจะวางเจ้าลงบนเปลอีกครั้ง ยังไม่ทันปล่อยมือเจ้าก็ทำหน้าเยเกอ้าปากสาดเสียงอีกครั้งจนนางต้องอุ้มเจ้า ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเจ้าในอวบเอว อีกเปลข้างๆที่เงียบนิ่งอยู่นาน เริ่มแอะเสียงออกมาบ้างก่อนก้องกังวาลเสียงแหลมเล็กแข่งกันดังลั่นทุ่ง นางจะทำยังไงกับเจ้าที่งองอพร้อมกันทั้งสองคน ข้าพเจ้าเพียงนอนมองด้วยความอ่อนใจในเสียงสนั่นลั่นทุ่งนั้น พร้อมกับชื่นชมและคารวะความเป็นแม่ในสายเลือดของนาง
ข้าพเจ้าเคยถามนาง เหนื่อยไหมกับการเลี้ยงเด็กพร้อมกันสองคน
นางตอบยิ้มๆว่า ก็เหนื่อยนะ แต่ยังไงๆเขาก็เป็นลูกเป็นหลานเรา แค่ได้เห็นเขายิ้มเขาเล่น เราก็ดีใจมีความสุข สมัยก่อนพ่อแม่ปู่ย่า เลี้ยงมากกว่านี้อีก ความสะดวกสบายแบบสมัยนี้ก็ไม่มี กินกล้วยกินน้ำข้าว ใช้ผ้าขาวม้าทำเปล เรายังโตกันมาได้เลย
ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความคิดนาง ถึงการเลี้ยงดูลูกหลานของคนสมัยก่อนที่ไม่ได้ง่ายดายและสะดวกสบายเช่นสมัยนี้ พาลให้นึกถึงข่าวคราวการทิ้งคว้างทารกน้อยหรือแม่บางคนที่พยายามฆ่าลูกตัวเองที่แบกอุ้มท้องมาเก้าเดือน
แล้วถ้าวันนึง แม่เขากลับมาเอาลูกเขาไปหละ ข้าพเจ้าถาม
นางนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนตอบ ไม่ให้ไปหรอก เราเลี้ยงมากับมือนี่นา
อ้าวแต่เขาเป็นแม่นะ ข้าพเจ้าเอาความจริงมาแย้งความคิดนาง
แม่ก็แม่สิ แต่มันเลี้ยงมันป้อนน้ำป้อนนมที่ไหน มีหน้าที่คลอดอย่างเดียวยังกับไม่ใช่ลูก นางแย้งทันควันพร้อมพูดตำหนิคนเป็นแม่
ข้าพเจ้าเพียงยิ้มให้กับความรักผูกพันของนางเท่านั้น
นึกย้อนไปครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้านานสมัยเด็กๆ ตอนนั้นย่าข้าพเจ้าเลี้ยงหลานชายวัยสี่ห้าขวบอยู่คน เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก วันนึงแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดแอบมาลักลูกชายไป ย่าโวยวายขึ้นโรงพักแจ้งจับคนขโมยหลานไป ตำรวจสอบถามว่าคนขโมยเป็นใคร ย่าตอบเป็นแม่มัน เท่านั้นตำรวจไม่รับแจ้งความ ย่าทำได้เพียงเดินน้ำตาไหลคอตกลงจากโรงพัก
ฝนเริ่มโปรยบางๆหลังจากมืดครึ้มอยู่ก่อนหน้า ใบไม้ระริกรับกับละอองของฝน ข้าพเจ้าขยับย้ายจากเปลหนีฝนมานั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้ใต้ชายคา นางยังคงง่วนอยู่กับการเอาเจ้าสองคนนอน งานบ้านยังรอการเก็บกวาดจัดการ เสื้อผ้าของเจ้าสองคนยังแช่อยู่ในกระมังรวมทั้งของนางและสามี อีกทั้งผ้าที่รับจ้างซักรีดเป็นรายได้ยังไม่แล้วเสร็จเรียบร้อย คงต้องรอให้เจ้าสองคนเงียบนิ่งสนิทเสียก่อน ถึงจะขยับตัวไปทำอย่างอื่นได้ ชีวิตคงเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายปีกว่าเจ้าสองคนจะเติบโต นางไม่เคยเอ่ยปากบ่นที่จะโยนเจ้าไปให้คนอื่นเลี้ยงดู นางยอมเหน็ดเหนื่อยโอบอุ้มเฝ้ารอการเติบโตของเจ้า เพียงหวังให้เจ้าทั้งเป็นคนดีในวันข้างหน้า นางว่าไว้อย่างนั้น
เมื่อวันข้างหน้ามาถึง ข้าพเจ้าหวังว่าเจ้าสองคนจะเห็นภาพของนางเหมือนกับที่ข้าพเจ้าเห็นในวันนี้ แล้วเจ้าจะรู้ว่า ไม่มีบุญคุณใดยิ่งใหญ่เท่าบุญคุณของคนที่เลี้ยงดูเรามาอีกแล้ว
Create Date : 11 สิงหาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 26 ตุลาคม 2553 15:55:32 น. |
Counter : 1230 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 สิงหาคม 2553 12:59:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภายใต้ 11 สิงหาคม 2553 13:03:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: คล้ายดาว 11 สิงหาคม 2553 19:26:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: คล้ายดาว 16 สิงหาคม 2553 8:43:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 สิงหาคม 2553 14:27:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 18 สิงหาคม 2553 6:45:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน IP: 116.58.231.242 18 สิงหาคม 2553 9:55:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: คล้ายดาว 18 สิงหาคม 2553 12:46:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องเล่าในบล้อกวันนี้
ฟังแล้วสะเทือนใจนะครับ
นึกถึงคุณย่าที่เลี้ยงหลานมานานจนผูกพัน
แล้ววันนึงแม่เด็กก็รับกลับไป