แอ่ว ลอนดอน
ไปเที่ยวเมืองหลวงได้สองเดือนกว่า แต่เพิ่งจะมาเขียนบล๊อก เราอยากเห้นtower bridgeอันเป็นๆเลยนัดเพื่อนไปเที่ยวกัน นั่งรถจากBridgewaterไปลอนดอนก๋สองชั่วโมงกว่า นั่งสบายหลับปู้ดตื่นมาอีกทีแอบเห็นลอนดอนอาย อันเบ้อเร้อ ตื่นเต้ลลลล เราสองคนนัดเจอ ชาน เพื่อนสาวของเบน เบนเล่าว่า ชานเป็นสาวไฮโซ ภาษาที่ใช้ก็ลอนดอนสุดๆไปเลย เราก็นะ ว๊ายจะไปเจอคนไฮโซเลยแต่งตัวดีไปนิสสสนึง พอไปถึงลอนดอนเราหาทางไปเจอเธอคนนั้นที่ร้านกาแบ( พม่าแถวบ้านพูด กาแฟไม่ชัด เธอพูดเป็นกาแบ น่ารักน่าชัง) พอเจอตัวจริงเราผงะจังงัง โหไหนบอกตูว่าไอโซไงว่ะ แมร่งโคตรเด็กเรียนเลยอ่ะ เหมือนที่เห็นในรูปไงงั้น เธอมีผมทรงนักเรียนมอต้น ยาวถึงคาง ใส่แว่น เสื้อพอดีตัว นมแอบใหญ่ ฮิๆ กระโปรงยาวๆถึงน้องตุ่ม เป้ใบเบ้อเร้อ รองเท้ารัดส้นทั่วไป แถมเลี้ยงขนรักแร้ให้ดูขำๆ เอ.....เราแอบดูมากไปป่าวฟะ แต่ก็นะ เธอเรียนกฎหมายชั้นสูง จะเอาอะไรมาฉลาดนักก็ไม่รู้ เรากะชานเคยเห้นรูปและได้ยินชื่อเสียงกันมาก่อน ก็เลยเฉยๆแต่เอาเข้าจริงเธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมั่กๆ เวลาคุยก็ไม่มองหน้า นึกออกป่ะ คนคุยกันมันต้องตาต่อตา แต่เธอมองแมวไรไม่รู้ ไม่ได้เรียน สลน มาอีกแล้วไง เซ๊ง!!เธอวาดแผนที่จากที่ร้านกาแบไปอพาร์ทเมนต์ที่เธออยู่ แล้วใครอยู่ลอนดอนหรือเคยไปเที่ยวจะรู้ว่าการใช้รถไฟ รถไฟใต้ดิน งงขนาดไหน ก่อนไปใครๆก็บอกว่าง่าย ก็แค่ดูตามสี แต่พอไปถึงจริงๆมี12สีได้มั๊งหรืออาจจะมากกว่านั้น ขดเขียวกันเป็นเขาวงกด เราสองคนก็ยืนอึนนนกันอยู่งั้นอ่ะ มันไม่ได้ง่ายเหมือน สายสุขุมวิท กะ สีลมบ้านเรา แล้วใต้ดินที่นี่ก็ร้อนสุดๆบางทีก็น่าจะมีพัดลมบ้าง เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ เราซื้อโซน1-3มา แต่บ้านยัยชานอยู่โซน4!!เอ้าสิ ตายกันไปข้าง เราเดินทางกันไปเรื่อยๆทางไปที่พักก็ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอวาด แต่จนแล้วจนรอดก็ถึงจนได้ โดยการถามทงไปเรื่อยๆ เราแอบอึดอัดกะการไปบ้านชานเพราะแถวนั้นมีแต่พวกผิวดำที่เป็นพวกอัฟริกา อะไรประมาณเนี๊ย เปรียบได้เหมือนแถวหลังสถานีตำรวจบางรัก หรือแถวประตูน้ำ เดินกันมืดดกันทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเพราะแฟลทที่เธออยู่ดูใช้ได้ แต่ทว่าตระเถนเจ้า แฟลทเธอหรือที่เก็บขยะนี่ เราอึดอัดตอนคุยกะเธอตอนแรกแล้ว นี่ยังมาเจอห้องแฟลทขยะของเธออีก เราจะบ้า คือเรื่องบ้านรกเป็นเรื่องปรกติของหนุ่มสาว แต่นี่น่าเอาหนูเอาแมลงสาบมาอยู่ มันดูอุบาทว์เกิ้น เราว่าห้องเรารกแล้วนะ เจอนี่เข้าไป เรากลายเป็นคนสะอาดขึ้นมาเลยทีเดียว เฮ้ออออ นี่หรือไฮโซ หลังจากเซ๊งกะที่พักฟรีๆได้สักพัก ก็ถึงเวลาเดินทางอันยาวไกลเพื่อไปขึ้นรถไปแล้วไปต่อใต้ดินเพ่อไปเจอกะ lawsonเพื่อนน่าตาดี แต่น่าตื้บของเรากะ ต้องคู่หมั้นสาวที่เพิ่งมาถึงสหราชได้ไม่กี่วัน เราตั้งใจจะใส่รองเท้ามีส้นไปแต่คิดไปคิดมาเอาไว้ก่อน เพราะใต้ดินประเทศนี้เดินยาวกว่าประเทศเราสองเท่า เดินกันเป็นเดินทางไกลลูกเสืออ่ะ จริงๆนะ เราไปเจอเพื่อนฝูงที่สถานีTrafalgar เจอNational Galleryหลังบักปั้ง แต่ก็นะเราไม่มีเลือดศิลปินดูไปดูไปก็เท่านั้น ดีใจที่เจอต้องอย่างเป็นทางการ หลังจาดที่เป็นเพื่อนกะลอสันมาหลายปี เราก็พ่นๆๆๆๆภาษาไทยออก จนเบนทักว่าหายใจทางผิวหนังรึเปล่า!!ดูมัน เราไม่ใช่มักรีผลน่ะแล้วพวกเราก็ไปเมากันเพื่อไม่ให้เป็นหารเสียเวลา โฮ่ๆ คืนนัน้เราไปโซโหกัน เห็นรถสามล้อถีบเยอะเต๊มไปหมด สมัยเอ๊าะๆ14-15เราชอบเปิดดูแผนที่และสถานที่ท่องเที่ยวในลอนดอนอ่าน เพราะอยากมามาก แต่พอเอาเข้าจริง ยืนอึนเป็นกระบือน้อยอยู่คนเดียว มันงงว่ะ คืนนั้นเราไปกินอาหารจีนกัน นังชานตามมาด้วยกะแฟนหนุ่ม แล้วแฟนหนุ่มของเธอก็เรียนคล้ายๆกัน น่าเบื่ออ่ะงานที่ทำก็คือนั่งวิจัยสถิติ คิดๆๆๆ และคิดกันทั้งวัน มันน่าทำตรงไหนฟะ ( เราคิดในใจ ) แล้วก็อย่างว่า เป็นคนที่หามีความขำไม่ พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่รู่เรื่องเราก็เลยคุยแต่กะเพื่อนเรา อาหารมื้อนั้นเราสั่งบะหมี่เป็ด เพราะนึกถึง MK ( ในตาก็จ้องเขม๊ง เพ่งเล๊งไปที่หม้อMK...ใครจะเพลงโฆษณา ตัวนี้ได้บ้าง??? ) เออ นั้นแหละ พอมาถึงแล้วมันจืดมั่กๆจืดจนน่าเอาไปทำใหม่อ่ะ เราเรียกพนักงานสาวคนนึงมาเพื่อขอน้ำตาล เรา " ขอน้ำตาลหน่อย " พนักงาน " ฮะ??น้ำตาลหรอ " เรา " เยส จะเอามาปรุงรส มันจืดไป " พนักงาน (มองหน้าเราอย่างกวนตีลลล) " จืดอะไร เค้าด็กินกันอย่างนี้แหละ ที่นี่ไม่มีน้ำตาล " เรา " งั้นไปเหอะ " อร่อยเป็นคนเดียวไง ฟายยยยย!!! เราพูดกะต้องนะ ไม่ได้พูดกะอีพนักงาน ฮิๆๆ เราเหล่กันอยู่งั้นอ่ะ แล้วพนักงานก็ไปนินทาเรากะอีกคนนึง น่าตบป่ะละ เพราะพนักงานอีกคนเดินมาขอโทษแล้วบอกว่าไม่มีน้ำตาล แล้วลอสันเพื่อนเราสั่ง ผัดเปรียวหวาน โห ตายๆๆๆ หวานจนเพื่อนเราจะเป็นเบาหวานลงตับอ่ะ กินกันไม่ได้ เซ๊งโคตรๆ วันต่อมา เรายังไม่เลิกบ่นเรื่อง สาวชานเพราะไร้ซึ่งมนุษยสันพันธ์เรามีเพื่อนไปสองคนแต่แม่งคุยกะเบน แฟนเรากะ พีทแฟนมันอ่ะ ดีนะเธอเก็บกวาดห้องให้พอมีทางเดินได้ ไม่งั้นเราบ้าแน่ๆ วันที่สองเรากะพรรคพวกไปเทียวลอนดอน อายและ walk aroundกัน เมือตอนวันเกิด พ่อกะแม่เลี่ยงเบนให้ตั๋วลอนดอน อายเป็นของขวัญวันเกิด กรี๊ดๆๆดีใจไม่ต้องเสียตังเราตระการตากะแม่น้ำเทมส์มาก คือใหญ่กว้าเจ้าพระยาของเราโข ใหญ่แบบเอาตายอ่ะ เราก็มีความสุขกะการถ่ายรูป นักท่องเที่ยวก็เดินกันเต๊มไปหมด ไม่รู้ภาษาอะไรกันมั่ง ตีกันมั่วไปหมด เราขึ้นไปลอนดอน อายกันอย่างตื่นเต้น โอ้เจ้าใหญ่แท้ วิวก็สวยไม่แจว่าการหมุนเอื่อยๆของลอนดอน อายใช้เวลากี่นาที แต่ก็นานอยู่ ยิ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด แอบคิดในใจอย่างดังๆว่า ถ้าตกลงไปส่วนไหนจะหระเด็นออกจากตัวก่อน??!! โบ๊ะ!!โดนเบนเสยกระโหลกไปหนึ่งทีเงียบเลยเรา แต่เลบตอบว่า เป็นลมตายก่อน!! ยังจะตอบเน๊อะ พอใก้ลลงมีเสียงตามสายประกาศว่า ถ้าใครอยากได้รูปที่ระลึกอีก1นาทีจะมีหล้องอยู่ทางซ้ายให้ไปยืนรอได้ เราก็ระริกกันเล้ย ยืนยิ้มจนเหงือกแทบแห้ง แต่ก็ แชะ..ได้รูปแผ่นเท่า a4-ที่ห้อยกระเป๋า และ ที่ติดตู่เย๊นมาเป็นที่ระลึกด้วยราคา 10ปอนด์ มื่อกลางวันเราไปกินอาหารไทยกัน ลอสันอยากกินตัวสั่นยิกๆๆ ร้านก็ไม่ไกลจาก National Gallery เดินประมาณ1นาทีก็ถึง ร้านไทย ไฮโซมั่กๆ พนักงานต้อนรับดี ร้านจัดสวยดี วันนั้นคนเยอะพอสมควร เบนกะลอสันสั่งเบียร์สิงห็กันคนละขวด สนนราคาขวดละ 3.50ปอนด์ อืมมมมมม์อาหารก็ราคากำลังดี อร่อยดี พอถึงขนมหวาน เรากะเบนอยากกินข้างเหนียว มะม่วงมากกกก ก็ตัดสินใจสั่งมาซะ จากละ 5.40ปอนด์ ถ้าจำไม่ผิด ผ่านไปนานพอสมควน ตึงงงงงงงง ข้าวเหียวแก้วรูปหัวใจดวงน้อย และมะม่วงสุกเหลืองหกชิ้นใส่มาในจานสวยงาม เรานี่แบบ อืมม บางทีก็น่าจะอยู่กรุงเทพจะได้ซื้อโลละ20บาทกินกันให้พุงแตกตาย มะม่วงหวานได้ใจ แต่ข้าวเหนียวไม่อร่อยอ่ะ เรากะเบนสัญญากันว่าจะไปขี้สักสองวัน เพราะมื่อนั้นตกคนละ20กว่าปอนด์ หลังจากนั้นพวกหมู่เฮาก็ท่องลอนดอนกันไปเรื่อยๆ พอไปถึงบิ๊กเบนอ่ะนะ เรานี่แบบ เย้ๆๆๆๆ สิบสิงปีที่รอคอย กูเห็นของจริงแว้วววววววว ตอนเด็กๆเราเอารูปตอนพ่อมาเทียวอังกฤษแปะไว้ข้างเตียง อยากมาจัดอ่ะเน๊อะ วันนั้นเรามีความสุขมาก เพราะเพลิดเพลินกะสิ่งที่เป็นความจริง ที่เราอยากเห็นมานานแสนนาน แหม่...น่าเอาตัวเองไปเล่นลิเก ฮิๆๆๆ อ้าว แลปท้อบแบตจะหมด กรี๊ดๆๆๆๆเด๋ยวมาเล่าต่อพรุ่งนี้
คือว่าคนที่ได้วีซ่านักเรียน สามารถทำงานได้ไม่เกินยี่สิบชั่วโมงต่ออาทิตย์ค่ะ โดยไม่ต้องขอ Work Permit ใดๆ
ขอให้โชคดีนะค่ะ