|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ศิลปะ อ.เฉลิมชัย
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498) จิตรกรไทยมีผลงานจิตรกรรมไทยหลายอย่าง ได้มีผลงานเช่น ภาพจิตรกรรมไทยในอุโบสถวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เขียนภาพประกอบบทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก และผลงานศิลปะที่ วัดร่องขุ่น ซึ่งมีทั้งงานสถาปัตถยกรรม, ประติมากรรมปูนปั้น และงานจิตรกรรมไทย ประวัติ
เป็นจิตรกรที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับท่านหนึ่งของประเทศไทย เป็นชาวหมู่บ้านร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายฮั่วชิว แซ่โค้ว (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนายไพศาล) และนางพรศรี อยู่สุขทำคลอดด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่น ชีวิตตอนเด็กๆ เป็นคนเกเร ไม่ตั้งใจเรียน แต่มีความชอบวาดรูป จึงพยายามเข้าเรียนที่เพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยได้รับเหรียญทองจากการประกวดผลงานระดับชาติ ในตอนที่เรียนอยู่ตอนปีที่ 4 มีผลงานรูปวาดตามผนังของวัดไทยมากมาย ผลงานปัจจุบัน ท่านตั้งใจที่จะสร้างวัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ด้วยศิลปะสมัยใหม่
ผลงาน
การแสดงผลงาน เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จัดแสดงผลงานเดี่ยว และร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการสำคัญต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึงปัจจุบัน
* พ.ศ. 2523 เป็นประธานก่อตั้งกลุ่ม "ศิลปไทย 23" เพื่อต้านอิทธิพลศิลปะจากยุโรป อเมริกา * พ.ศ. 2527 เริ่มโครงการจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเดินทางไปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธปทีป โดยไม่คิดค่าจ้าง * พ.ศ. 2539 เริ่มดำเนินการออกแบบก่อสร้างอุโบสถ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย บ้านเกิดของตนถวายเป็นพุทธบูชาจนถึงปัจจุบัน
รางวัลและเกียรติยศ
* พ.ศ. 2520 - รางวัลที่ 1 เหรียญทอง จากการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 3 * พ.ศ. 2520 - รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 จากการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 25 * พ.ศ. 2522 - รางวัลที่ 2 เหรียญเงิน จากการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 4 ของธนาคารกรุงเทพ * พ.ศ. 2536 - ได้รับเครื่องหมายเกียรติคุณบุคคลตัวอย่างผู้สร้างเสริมงานวัฒนธรรมด้าน จิตรกรรม จาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ * พ.ศ. 2537 - ได้รับโล่เชิดชูเกียรติ "เพชรสยาม" (สาขาจิตรกรรม) จากสถาบันราชภัฎจันทรเกษม * พ.ศ. 2538 - ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เขียนภาพประกอบ บทพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" และออกแบบเหรียญพระราชทานคณะแพทย์ * พ.ศ. 2543 - ที่ปรึกษากรมศิลปากร งานเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง o ที่ปรึกษาธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแบบธนบัตรราชาภิเษกสมรส ครบ 50 ปี o ถวายการสอนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
ทุนที่ได้รับ
* พ.ศ. 2523 - ทุนจากกลุ่มศิลปินร่วมสมัยของศรีลังกา ร่วมกับสถานทูตไทยในโคลัมโบให้พำนักศึกษา พุทธศิลป์ เป็นเวลา 6 เดือน และทุนในการแสดงผลงาน * พ.ศ. 2524 - ทุนจากโยฮันเนส ซุลทส์เทสมาร์ ให้พำนักและแสดงผลงานในเยอรมนีเป็นเวลา 6 เดือน - ได้รับเชิญจากบริติชเคาน์ซิล ให้ไปดูงานศิลปะ และพบศิลปินมีชื่อของอังกฤษ * พ.ศ. 2526 - ทุนจากทูตวัฒนธรรมเยอรมนี ไปศึกษาดูงานพุทธศิลป์ ในประเทศพม่า * พ.ศ. 2527 - ทุนจากมูลนิธิวัดพระพุทธศาสนา ณ กรุงลอนดอน และรัฐบาลไทยในการเขียนภาพจิตรกรรม ฝาผนัง วัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน * พ.ศ. 2532 - ทุนจากกงสุลเยอรมนีในซานฟรานซิสโก แสดงผลงานในสหรัฐอเมริกา * พ.ศ. 2539 - ทุนจากกงสุลไทยในแอลเอ ร่วมกับสภาศิลปกรรมไทยในสหรัฐอเมริกาเพื่อเดินทางไปแสดงผลงาน เนื่องในโอกาสเปิดสถานกงสุลไทย
ที่มา วีกีพีเดีย
หากจะนับชื่อศิลปินไทยที่เรารู้จัก แน่นอนว่า เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นศิลปินในลำดับต้นที่ถูกนึกมาเป็นชื่อแรกๆ เขาเป็น 1 ใน 3 ของศิลปินสายจิตรกรรมในประเทศไทย ที่นักสะสมต้องการความเห็นของเขา ผลงานของเขาอยู่ในแกลเลอรี่ส่วนตัวของเศรษฐี นักธุรกิจชั้นนำหลายคน การสร้างงานที่เดินทางมาสู่จุดปลายสุดในสาขาอาชีพของความเป็นศิลปินไทย อันได้แก่ ถวัลย์ ดัชนี, จักรพันธ์ โปษยกฤต ที่อยู่ในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ด้วยการยอมรับจากสังคม และผลงานที่ถูกตีราคาสูง
ด้วยผลผลิตจากบรรยากาศชาตินิยมในช่วงปี 2519 การเกิดขึ้นของภาควิชาศิลปไทยในมหาวิทยาลัยศิลปากรภายใต้การกำกับของ ชลูด นิ่มเจริญ ได้สร้างบัณฑิตรุ่นแรกอย่าง เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาผลิตงานศิลปะไทยในช่วงกระแสชาตินิยม
ด้วยเหตุนี้ศิลปะไทยจึงกลายเป็นจุดยืนของเขาที่ชัดเจนจากที่ว่างที่มี อยู่ในสังคมในขณะนั้น ด้วยรูปลักษณ์ ความเป็นไทยแบบร่วมสมัย นอกจากนั้นการร่วมและจัดตั้งกลุ่ม ศิลปไทย 23 เพื่อต่อต้านกระแสวัฒนธรรมต่างชาติในปี 2523 ก็ทำให้ลักษณะการพูดจาอย่างไม่กลัวเกรงเป็นจุดเริ่มที่ติดตา และได้กลายเป็นการย้ำจุดยืนของเขาที่ชัดเจนในศิลปะไทยต่อสังคมในขณะนั้น ภายหลังจากนั้นอีก 4 ปีถัดมา การเดินทางไปเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพุทธประทีป ตำบลวิมเบิลดัน พาร์คไซด์ (Wimbledon Parkside) ประเทศอังกฤษ เป็นการมุ่งสู่ความลึกซึ้งทางธรรม และกลายเป็นอิทธิพลต่องานในแนวทาง พุทธศิลป์ (Buddhistic Art) ที่เขาศรัทธา จนนำไปสู่การสร้างงานประติมากรรมและจิตรกรรมที่ยิ่งใหญ่โดยฝากผลงานทั้ง ชีวิตทิ้งไว้ให้เป็นพุทธบูชา
วัดร่องขุ่น ที่จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 18,000 คน ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปีที่แล้ว โดยคาดว่าปริมาณคนที่แห่เข้ามาชมผลงานจะมากขึ้นและเหยียบหลักแสนได้ภายในไม่ กี่ปี ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชาวไทยที่ตั้งใจ มาเยี่ยมชมผลงานของเฉลิมชัย ซึ่งสิ่งที่เขากล่าวถึงเสมอก็คือต้องการที่จะสร้างงานตลอดชีวิต เขาบอกว่าเกิดจากความต้องการที่จะสร้างงานระดับโลก ไม่ได้มีปัญหาเรื่องขาดเงิน
การจัดงานนิทรรศการ วาดทำบุญ ที่ผ่านมา 3 ครั้ง เป็นการจากมาและจากไปแต่ละครั้งของชีวิต เมื่อ 7 ปีที่แล้ว การพักงานเขียนเพื่อที่จะลงมือสร้างวัดร่องขุ่น เริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ชื่อของเขาก็ยังขายได้มาตลอด ปัจจุบันงานนิทรรศการของเขาที่ผ่านมาจึงไม่ใช่การขายผลงานจริง แต่เป็นเพียงแค่การแสดงผลงานที่ผ่านมา ตั้งแต่การเป็นชีวิตนักศึกษา เป็นส่วนที่ต่อจาก ภาพพิมพ์ เสื้อ หนังสือ และการ์ด ที่จำหน่ายและตั้งใจนำรายได้สมทบทุนสร้างวัดร่องขุ่นโดยให้ทุกคนร่วมทำบุญ ในจำนวนจำกัดที่ไม่มากกว่า 1 หมื่นบาท และจะไม่มีการจารึกชื่อใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยคำกล่าวตอนหนึ่งที่เขากล่าวกับ POSITIONING ว่าเขาไม่ความจำเป็นใดๆ เพื่อที่จะวาดรูปอีก เขาไม่ได้ต้องการวาดรูปขายหรือเพื่อประทังชีวิต เพราะสิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเกินพอ การวาดของเขาก็เพื่อศาสนา วาดในวัดแค่นี้ก็คงพอแล้ว การจำกัดไม่ให้ใครคนใดบริจาคมากเกินไป ก็เพื่อหวังจะให้ผลงานนี้ เป็นของทุกคนในประเทศ และเป็นงานของแผ่นดินจริง เขาเล่าว่า ได้รับการติดต่อจากวัดหลายแห่งทั่วประเทศเพื่อที่จะสร้างผลงน แต่เขาเลือกที่จะไม่ไป โดยพอใจที่จะอยู่ที่ถิ่นเกิด และหมายมั่นตั้งใจว่าจะสร้างผลงานที่นี่ตลอดชีวิต ให้เป็นงานระดับโลก
ปัจจุบันรายได้จากภาพพิมพ์ เสื้อ หนังสือ และการ์ด ที่มาจากผลงานของเขา ที่จำหน่ายในวัดร่องขุ่นเดือนหนึ่ง รวมถึงเงินบริจาค รายได้ตกอยู่เฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านบาท ถูกบริหารจัดการในรูปแบบบริษัทและมีคณะกรรมการที่มาจากชุมชนเป็นคนคอยดูแล โดยที่เฉลิมชัยวางตัวและดำรงอยู่ในฐานะเป็นศิลปินผู้ออกแบบเท่านั้น เขาเล่าว่าเขาปฏิเสธที่จะรับรู้รายได้ และวิธีการบริหารทั้งหมด คนงานภายในวัดกว่า 48 คนถูกจัดแบ่งหน้าที่ตามฝ่ายต่างๆ 6 ฝ่าย ประกอบด้วยลูกศิษย์ที่เป็นช่างฝีมือชาวบ้านจังหวัดเชียงรายทั้งสิ้น รายได้หมดไปกับเงินเดือนพนักงานราวเดือนละ 2 แสนบาท และวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างงาน ที่ส่งมาจากต่างประเทศราคาแพง เป็นสิ่งที่สะท้อนมาจากฝ่ายจัดการอีกว่า พื้นฐานโครงสร้างที่กำลังจะต่อเติมเพิ่มขึ้นอีก 9 หลัง ถูกปรับและรื้อถอนตามความไม่พอใจของเฉลิมชัย ซึ่งตกอยู่ราวประมาณ 2-5 ล้านบาทต่อหนึ่งงานที่จ้างจากภายนอก ที่เป็นฝ่ายทำให้ชายผู้เรียกตัวเองว่า บ้า ระดับหนึ่ง กลายเป็นจริง
ขณะที่ส่วนต่างถูกจัดเก็บเพื่อเป็นกองทุน ในยามที่เฉลิมชัยบอกเล่าออกมาเสมอด้วยความไม่ประมาทว่า หากเขาจากไปเมื่อไหร่ทุกส่วนต้องอยู่ได้ตัวของตัวเอง ปัจจุบันเฉลิมชัยเดินทางโดยไม่พกเงิน มีเพียงหมวก และไม้เท้าปลายแหลมเพื่อคอยเก็บเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อยู่ในวัดภายใน พื้นที่ราว 3 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เมื่อเริ่มแรก ก่อนที่จะได้รับบริจาคและจัดซื้อบริเวณโดยรอบราว 12 ไร่ อันเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านเล่าว่าแต่ก่อนเคยเป็นป่ารกแต่ 7 ปีถัดมาได้กลายสภาพเป็นพื้นที่ร้านค้า และร้านอาหาร ลานจอดรถ รวมไปถึงบริเวณรอบนอกที่กำลังจะถูกพัฒนา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นปัญหาสำคัญ รวมไปถึงการดูแลภูมิทัศน์โดยรอบ
ไม่ว่าบ้านสองหลังในกรุงเทพฯ ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ และบ้านที่สะพานใหม่ พื้นที่ที่เขาใช้สิทธิเลือกตั้ง บ้านที่เชียงใหม่สำหรับโรงเรียนของลูกและที่อยู่ของภรรยา และบ้านพักใกล้น้ำตกที่เชียงรายถูกดูแลโดยครอบครัวที่เฉลิมชัยอุปถัมภ์ 3 ครอบครัว การวางแผน และการจัดการทรัพย์สิน รวมไปถึงภาพเขียนที่เป็นที่ต้องการของตลาด เขาเล่าว่าถูกจัดการอย่างเป็นระบบ และเตรียมการมาอย่างดี
Create Date : 10 มีนาคม 2557 |
|
2 comments |
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2560 12:35:28 น. |
Counter : 22622 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สุนันทา รอดด้วง IP: 101.109.11.94 30 พฤษภาคม 2557 9:31:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: เก้ง..ปรากฎผล IP: 223.204.242.202 18 กันยายน 2559 22:14:32 น. |
|
|
|
|
|
|
บันทึกความรัก ความคิดถึง ความทรงจำ
ดอกบัวงาม
ศิลปะ อ.เฉลิมชัย
ศิลปะ ภาพนู๊ดสีน้ำมัน
Art wall paper
|
|
|
|
|
|
|