Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
น้ำฝนกลางใจ (๓)



ท้องฟ้าค่ำคืนสว่างด้วยแสงจันทร์นวล ทำให้น้ำฝนอดมานั่งรับลมชมจันทร์ไม่ได้ ที่จริงแล้วคืนนี้หล่อนอยากจะอ่านหนังสือเล่นเพลิน ๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากงานไร่ทั้งวัน แต่เมื่อบังเอิญเหลือบเห็นพระจันทร์คืนเพ็ญที่กลมโตสุกสว่างอยู่กลางฟ้า หญิงสาวก็เลยเปลี่ยนใจมานั่งเล่นตรงบริเวณชานหน้าบ้านแทน ถ้าอยู่กรุงเทพหล่อนคงไม่ได้เห็นดวงเดือนสวยขนาดนี้ ที่นี่เป็นชีวิตอีกแบบที่ไม่เคยสัมผัส ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม ทำงานกับต้นไม้ ดอกไม้ ไม่ต้องเผชิญกับสภาพสังคมที่วุ่นวายในเมืองหลวง และคงไม่ต้องพะวงห่วงหาคนเคยรักอีกแล้ว น้ำฝนถึงกับถอนใจเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ กรีดน้ำตาที่เอ่อรื้นขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้ เมื่อไหร่หนอหล่อนถึงจะลืมความเจ็บช้ำน้ำใจได้หมดสิ้น หวังว่าเวลา สิ่งแวดล้อมและผู้คนใหม่ ๆ รอบตัวจะทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยรอยแผลของหล่อนดีขึ้น และเลิกคิดถึงอดีตได้ในที่สุด สายลมเย็นพัดผ่านผิวกายเบา ๆ เหมือนกับจะช่วยปลอบประโลมและพัดพาเรื่องทุกข์โศกในใจหญิงสาวให้จางหายไป

อากาศเย็นสบายทำให้น้ำฝนใกล้จะเคลิ้มหลับ แต่ก็พลันสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่งทันที พลางเหลียวมองไปรอบ ๆ เมื่อได้ยินเสียงเยือกเย็นแว่วมาแต่ไกล ขณะที่หันตัวไปทางแนวไม้ใหญ่ด้านหน้า หญิงสาวก็ได้เห็นสิ่งที่คิดว่าต้องเจอเข้าสักวันเป็นแน่ ร่างบางผมยาวที่เห็นเป็นเงาสีขาวราง ๆ ตรงหน้า ทำให้น้ำฝนเปล่งเสียงร้องออกมาสุดเสียง ไม่ทันได้ตั้งสติและคิดอะไรทั้งสิ้น ขาสองข้างของหญิงสาวก็พาตัวเองวิ่งโดยไม่คิดชีวิตตรงไปยังบ้านถัดไปพร้อมปากที่ไม่ยอมหยุดร้องและหน้าที่ไม่ยอมหันกลับไปทางเก่าอีก โชคดีที่เอกศักดิ์รีบเปิดประตูบ้านพักของเขาออกมาดูและรั้งหญิงสาวไว้ทันก่อนที่หล่อนจะวิ่งเลยไปไกล

“เป็นอะไรนะคุณ... ลุกขึ้นวิ่งออกกำลังกายแถมร้องโวยวายกลางดึก”

ชายหนุ่มเห็นสีหน้าคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าแล้วก็นึกประหลาดใจ ตอนนี้หล่อนไม่เหลือร่องรอยของคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง และถือทิฐิเช่นเคย จะมีก็แต่ดวงตาที่กลมโตกว่าปรกติ พร้อมริมฝีปากสั่นระริกขณะเอ่ยตอบ

“เห็นนะ เห็น เห็น...”

ลมหายใจขาดหายเป็นห้วง ๆ จากความเหนื่อยบวกกับความกลัวทำให้หญิงสาวพูดไม่ออก ได้แต่ชี้ไปยังแนวไม้ด้านหน้า

เอกศักดิ์มองตามแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าหล่อนวิ่งหนีอะไรมา

“ไม่ต้องตกใจไปหรอก คุณคิดมากไปเองหรือเปล่า หรือถ้าคุณเห็นจริงก็สวดมนต์แผ่ส่วนกุศลให้ เขาก็จะไม่มาให้คุณเห็นอีก”

“นายไม่กลัว แต่ฉันกลัวนี่”

น้ำฝนถลึงตาใส่อีกฝ่าย พลางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา

“ผมรู้แล้วว่าคุณกลัวผีตั้งแต่เด็ก แต่ก็คิดว่าโตแล้วน่าจะเลิกกลัวแล้วมั้ง”

ชายหนุ่มเอ่ยเย้าเล่น แต่ก็ยิ่งทำให้ดวงหน้านวลตรงหน้าหงิกยิ่งขึ้น

“ทำหน้าดีดีหน่อยสิคุณ หน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้ แล้วจะมีบุญที่ไหนไปเผื่อแผ่ให้คนอื่นละ”

“นายหยุดเลยนะ ตอนนี้ฉันเลิกกลัวแล้วแต่โกรธแทน ฉันสามารถฆ่านายให้กลายเป็นผีได้อีกคนนะ”

“ทำไมดุนักก็ไม่รู้ ไม่แกล้งแล้วละครับ คุณย้ายมานอนบ้านผมก็ได้”

ชายหนุ่มรู้สึกอ่อนใจ นี่ขนาดหล่อนยังไม่ได้เป็นแฟนเขานะยังดุขนาดนี้ แล้วอีกหน่อยแม่ไม่เล่นเขาจนหงอเลยหรือนี่ เสียชื่อพ่อเลี้ยงของไร่ไม้หนาวหมด

“ย้ายมานอนนี่เหรอ ไม่ไหวมั้ง เดี๋ยวฉันกลับไปสวดมนต์ที่บ้านก็ได้”

พูดออกไปอย่างนั้นแต่น้ำฝนก็ชักลังเล ใจหนึ่งก็กลัวจะกลับไปเจอสิ่งที่เพิ่งวิ่งหนีมาหยก ๆ แต่อีกใจก็ยังตะขิดตะขวงที่ต้องมานอนร่วมบ้านกับชายหนุ่มตามลำพัง เอ๊ะ... หรือไม่ลำพัง ผีตนนั้นอาจจะตามมานอนด้วยก็ได้ คิดแล้วให้ขนลุก

“แล้วแน่ใจหรือว่าคุณจะหลับ หรือไม่เห็นอีก” คนตัวโตแสร้งทำหน้าครุ่นคิดกังวลแทนหญิงสาวที่หน้ายังถอดสี

“บ้าจริง... คนยิ่งกลัวอยู่ ไม่ช่วยแล้วยังแกล้งอีก”

“ก็ให้คุณมาอยู่บ้านผมแล้วไง ไม่ต้องกลัวหรอกผมไม่น่ากลัวเหมือนผี” ชายหนุ่มทำหน้าซื่อยืนยันคำพูดตนเอง

“ใครว่า... ฉันกลัวคนมากกว่ากลัวผีอีก ผียังหลอกกันซึ่งหน้า แต่คนนะหลอกทำร้ายกันได้แสนสาหัสกว่าหลายเท่า” ดวงตาของหญิงสาวฉายแววเศร้าลึกเมื่อเอ่ยออกไป

“รับรอง ผมไม่เคยหลอกใครและไม่ทำอะไรถ้าผู้หญิงไม่เต็มใจ”

เอกศักดิ์เน้นคำหนักแน่นเหมือนจะบอกให้คนตรงหน้ารับรู้และเชื่อใจ แต่น้ำฝนมัวแต่คิดคำนึงถึงเรื่องเก่า ๆ จึงไม่เห็นแววตาบอกความนัยของอีกฝ่าย

“แต่นายไม่กล้าทำอะไรฉันอยู่แล้วละ เพราะหนึ่งพ่อนายกับพ่อฉันเป็นเพื่อนกัน สองเราเองก็เป็นเพื่อนกัน และสามนายเป็นเจ้านายฉัน คงไม่เข้าทำนองสมภารกินไก่วัด เพราะฉะนั้นฉันนอนที่นี่ก็ได้”

หญิงสาวทำหน้ามั่นอกมั่นใจในความคิดที่ตนยกมาอ้างได้อย่างน่าหมั่นไส้

“นี่คุณ ยกเหตุผลมาตั้งหลายกระบุง ไม่คิดหรือว่าถ้าลงรักแล้วละก็ไม่มีเหตุผล ถึงให้ลำบากยังไงก็จะคว้ามาครองให้ได้” เสียงชายหนุ่มทอดอ่อนลง ตั้งใจกล่าวให้หญิงสาวฟัง

“ข้อนั้นยิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่เลย เพราะนายไม่ได้รักฉัน สรุปว่าฉันไปนอนแล้วนะ จะให้ฉันนอนที่ไหนละ เฮ้อ... จะนอนหลับหรือเปล่าก็ไม่รู้คืนนี้ แย่จริงเชียว”

น้ำฝนได้แต่เดินบ่นพึมพำเข้าบ้านชายหนุ่ม พลางกวาดสายตามองหาที่ที่หล่อนพอจะซุกตัวลงนอนได้ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยก็มีเขาเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ พอจะร้องแรกแหกกระเชอเรียกกันได้ ถ้าเกิดหล่อนเห็นผีอีกครั้ง

“ทำอะไรนะ” ชายหนุ่มรีบร้องขัดขึ้นก่อนที่น้ำฝนจะล้มตัวลงนอนที่โซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น ส่งผลให้หญิงสาวรีบลุกพรวดพราดขึ้นทันทีด้วยความระแวงเป็นทุนเดิม

“ง่วงนอน ก็จะนอนนะสิ ถามทำไม นายบอกให้ฉันนอนที่นี่ได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะกลับคำ”

หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

“อย่าเชียวนะ ไม่งั้นฉันร้องตะโกนบ้านแตกเลยนะ เพื่อนอะไรวะไม่ช่วยเพื่อน เพื่อนเห็นผี ยังจะปล่อยให้ไปนอนคนเดียว เพื่อนบ้า เพื่อนไม่มีน้ำใจ เพื่อน...”

หญิงสาวทำท่าจะร้องออกมาไม่หยุด ถ้าชายหนุ่มไม่รีบเข้ามาปิดปากหล่อนไว้ก่อนโดยไว

“ฟังก่อนสิ แม่คุ้น... จะให้เข้าไปนอนในห้อง ใครเขาจะให้มานอนหน้าบ้านอย่างนี้ละ คืนนี้นอนห้องผมไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้ป้าอุ่นช่วยทำความสะอาดอีกห้องให้คุณอยู่”

“เหรอ...เออ... ดีเหมือนกันนะ แล้วคืนนี้นายนอนไหนละ” หญิงสาวทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวนายอยู่เป็นเพื่อนให้ฉันหลับก่อน แล้วนายค่อยออกมานอนตรงโซฟานี้แล้วกันนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันทำความสะอาดอีกห้องเองไม่ต้องกวนป้าอุ่นหรอก แล้วนาย... เอ๊ย... ฉัน ค่อยย้ายไปอยู่”

“นี่ขนาดเป็นเพื่อนนะ ยังสั่งซะขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดใครได้ไปเป็นเมีย ไม่ซวยแย่เลยเหรอ”
เอกศักดิ์อดยิ้มขันหญิงสาวไม่ได้

“โอ๊ย...ไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องนั้น คนมีบุญยังไม่มาเกิด ฉันอยู่ตัวคนเดียวสบายใจ สบายกายที่สุดจะบอกให้ ถือคำโบราณที่ว่า ถ้าชาตินี้สิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า เนี่ยท่องมันทุกวัน เอาไว้ปลอบใจตัวเอง”

น้ำฝนลอยหน้าลอยตาโต้ หัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน หญิงสาวไม่ยอมจนมุมใครง่าย ๆ เสียละ ไม่งั้นก็ไม่ใช่หล่อน ชายหนุ่มนึกอยากจะบีบจมูกรั้น ๆ ของคนตรงหน้าที่แสนจะถือดีเสียจริง ๆ คิดอยากเป็นคนมีบุญคนนั้นของหล่อนใจจะขาด หวังว่าน้ำฝนจะรับรักเขาเข้าสักวัน อย่าให้เขาถึงกับต้องถางไร่ไม้ดอกที่มี แล้วเปลี่ยนเป็นไร่แห้วแทนเลย

ชายหนุ่มออกเดินนำพาหญิงสาวเข้าไปในห้องนอน น้ำฝนก็เดินตามไปอย่างง่วงงุน เมื่อถึงเตียงใหญ่หนานุ่มหล่อนก็ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง หัวถึงหมอนหญิงสาวก็หลับทันที ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะนั่งจะยืนอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนจนกว่าจะหลับ แค่นี้หญิงสาวก็ค่อยอุ่นใจหายกลัว หลับได้อย่างเป็นสุข

เอกศักดิ์ยืนมองเสี้ยวหน้านวลของหญิงสาวที่หลับสนิทตัวขดตัวงออยู่กลางเตียงใหญ่ พลางส่ายหน้าน้อย ๆ ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มจากปลายเตียงขึ้นมาห่มให้อย่างเบามือ เกรงว่าคนที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองจะเป็นหวัด คืนพรุ่งนี้เขาคงหลับฝันดีเพราะกลิ่นหอมละมุนของหญิงสาวที่ยังคงติดอยู่กับผ้าห่ม ชายหนุ่มยืนอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อคิดว่า สักวันเขาคงจะได้นอนเคียงกอดหล่อนไว้แนบอกทุกคืน แต่คืนนี้ที่นอนของเขาคงไม่พ้นโซฟานอกห้อง แต่แค่นี้ก็ทำให้เป็นสุขแล้ว เพิ่งรู้ว่าการได้อยู่ใกล้คนที่ตนรักนั้นมันอิ่มเอมใจเพียงใด






Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 18:49:55 น. 0 comments
Counter : 182 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.