Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
น้ำฝนกลางใจ (๑๔)



รถกระบะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงมาตามทางดินจนฝุ่นตระลบ ก่อนจะหยุดสนิทตรงบริเวณหน้าสำนักงาน ทำให้ชายหนุ่มต้องละมือจากงานตรงหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ พลางเดินตรงไปยังหน้าต่างเมื่อมองเห็นลุงคำรีบร้อนลงจากรถ

“ลุงมีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มเห็นสีหน้าตื่นตกใจของอีกฝ่ายก็ยิ่งสงสัย

“แย่แล้วครับพ่อเลี้ยง ไฟไหม้” หัวหน้าคนงานตะโกนบอกเอกศักดิ์
“ไม่รู้ใครมาวางเพลิงแถวท้ายไร่ ตอนนี้อาจลามเข้ามาถึงสวนท้อแล้ว พวกคนงานกำลังช่วยกันดับไฟอยู่”

“แล้วลุงเห็นน้ำฝนหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวด้วยเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะวันนี้เขายังไม่เจอหน้าหล่อนเลย

“ผู้จัดการอยู่ท้ายไร่แล้วครับ กำลังเกณฑ์คนงานให้ช่วยกันดับเพลิง”

เอกศักดิ์รีบผละออกมาจากห้องทำงานและตรงไปขึ้นรถทันที ในใจนึกกังวลเป็นห่วงทั้งหญิงสาวและไฟที่กำลังลุกไหม้

เมื่อมาถึงชายหนุ่มรีบมองสำรวจไปทั่วบริเวณ ไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็วจากท้ายไร่เข้าไปในสวนท้อทำให้ยากแก่การดับ หญ้าแห้งและใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมากองทับถมบนพื้นดินในแถบนั้นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ช่วยส่งลูกไฟ ประกายไฟสีแดงที่ประทุจากกิ่งไม้ปลิวว่อนกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับควันไฟที่ลอยตัวขึ้นสูงตลบอบอวลทำให้ยากแก่การมองเห็น
คนงานส่วนหนี่งกำลังพ่นน้ำที่สูบขึ้นมาจากร่องน้ำเพื่อดักเพลิงไม่ให้ลุกลามไปในทิศทางอื่น แต่ปล่อยให้ขยายไปตามแนวลมเพื่อปะทะกับแนวกันไฟที่ใกล้ที่สุดของไร่

เมื่อเห็นว่าพอจะควบคุมไฟได้ ชายหนุ่มค่อยรู้สึกเบาใจ พลางกวาดสายตามองหาน้ำฝน ครั้นเห็นหล่อนอยู่ในกลุ่มคนงานที่ช่วยกันดับไฟจึงค่อยคลายกังวล แต่ก็รีบตรงเข้าไปฉุดหญิงสาวที่เริ่มสำลักควันหนาคลุ้งให้ออกมาอยู่เหนือทิศทางลม พลางเอาเสื้อเปียกคลุมทับลงบนร่างบางเพื่อลดไอร้อนของเปลวเพลิงที่สัมผัสผิวกาย แล้วกำชับให้หล่อนอยู่ห่าง ๆ ก่อนที่เขาจะกลับไปช่วยดับเพลิงซึ่งกว่าจะมอดสนิทก็กินเวลาร่วมสองชั่วโมง

ทั่วบริเวณยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นควันไฟ เศษขี้เถ้าถูกพัดกระจายฟุ้งไปตามแรงลม ไม้ผลยืนต้นที่ปลูกไว้เป็นระเบียบกลับเหลือเพียงตอตะโกจนน่าใจหาย น้ำพักน้ำแรงที่ทุกคนเคยช่วยกันลงในผืนแปลงเหล่านี้กลับถูกทำลายด้วยอำนาจเพลิงในชั่วพริบตา

“ผู้จัดการเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ลุงคำตรงเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งหมดแรงอยู่ไม่ห่าง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับเมื่อเพลิงสงบแล้ว

“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แสบตาและสำลักควันนิดหน่อย โชคดีที่ดับไฟได้ทันนะคะ ไม่งั้นป่านนี้คงเสียหายลามไปสวนอื่น ๆ มากกว่านี้” น้ำฝนมองสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยรอบพลางนึกเห็นใจเจ้าของไร่

“ลุงรู้มั้ยครับว่า ทำไมไฟถึงไหม้ได้” เอกศักดิ์ที่เดินตามมาสมทบเอ่ยถามหัวหน้าคนงาน

“สงสัยว่าจะมีคนวางเพลิง ไอ้วีบอกว่ามันเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ท้ายไร่ เมื่อสองสามวันก่อน”

“อาจจะเป็นพวกที่ลอบค้าฝิ่น มันอาจจะแค้นที่โดนตำรวจตามไล่จับเพราะเราไปแจ้งความ ผมทราบว่าพวกมันยังเหลือเล็ดรอดมาได้อีกคน” ชายหนุ่มเอ่ยให้เหตุผล

“แบบนี้พ่อเลี้ยงคงต้องรีบแจ้งตำรวจ ก่อนที่มันจะหนีไปไกล” ชายชราพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของอีกฝ่าย

“ครับ ตำรวจเองก็พยายามตามอยู่ แต่มันก่อเรื่องขึ้นอีกแบบนี้คงมีเบาะแสให้ตามจับได้ไม่ยาก”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ

“คุณเป็นอย่างไรบ้าง” เอกศักดิ์หันกลับมาถามหญิงสาวพลางช่วยพยุงให้ลุกขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวขึ้นยืนอย่างลำบาก

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่เท้าพองนะ” หญิงสาวรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณฝ่าเท้า สงสัยหล่อนคงจะไปเหยียบลูกไฟเข้าทำให้เป็นแผล

“ถ้างั้นอย่าเดินเลย” ชายหนุ่มคว้าตัวน้ำฝนขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย พลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายดิ้นรนไม่ยอมให้อุ้ม

“อย่าดิ้นสิคุณ เดี๋ยวหล่น” ชายหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมแขนที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ

“ปล่อยสิ ฉันเดินไหว แค่อาศัยเดินเกาะนายไปก็ได้” น้ำฝนเอ็ดเสียงเขียวพร้อมดันอกอีกฝ่ายให้ปล่อย

“อย่าเลย ช้าเปล่า ๆ .ลุงคำเดินไปตั้งไกลแล้ว” เอกศักดิ์พยักเพยิดให้ดูชายชราที่เดินล่วงหน้าไปก่อน

“ยิ่งนายไม่ปล่อย ยิ่งช้านะ” หญิงสาวยังคงสะบัดไม่ยอมให้ชายหนุ่มเดินง่าย ๆ

“ไม่เห็นต้องอาย ลุงคำแกไม่ว่าอะไรหรอกที่เห็นผมอุ้มคุณ” สายตาชายหนุ่มเป็นประกายล้อเลียน

“ใครว่าฉันอาย ไม่ได้อายสักหน่อย แต่ไม่ชอบ” สีหน้าน้ำฝนเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อถูกกล่าวหา

“ไม่อายก็หยุดดิ้นสิคุณ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” หญิงสาวเลยต้องหยุดโวยวายโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นจริงตามที่เขาบอก

เสียงโต้เถียงที่แว่วมาตามลมทำให้ชายสูงอายุที่เดินนำหน้า
อดเอ็นดูในใจไม่ได้ พ่อเลี้ยงเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ เมื่อไหร่ผู้จัดการสาวจะใจอ่อนเสียที ดูสิ...ทะเลาะกันจนจะถึงรถอยู่แล้ว ในที่สุดก็ต้องยอมให้เขาอุ้มอยู่ดี


*******************************************************************


“เจ็บแผลมั้ย” เสียงเอื้ออาทรของเอกศักดิ์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงขณะอุ้มหญิงสาวเข้ามาในบ้าน

“ไม่มากหรอก เดี๋ยวอาบน้ำล้างแผล ใส่ยาคงดีขึ้น พรุ่งนี้ก็วิ่งได้แล้ว” น้ำฝนมองหน้าคนถามที่ห่างกันแค่คืบแล้วถึงกับเผลอยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าวิตกเกินกว่าเหตุของอีกฝ่าย

“ถ้างั้นผมพาคุณไปอาบน้ำนะ” ชายหนุ่มยิ้มตอบคนที่นาน ๆ จะยิ้มหวานแบบนี้ให้เขาชื่นใจเสียที

“นายอย่ามาหาเรื่องฉวยโอกาส” รอยยิ้มหญิงสาวจางไปทันที ปากน้อย ๆ กลับส่งเสียงดุแทน

“ผมเห็นคุณเดินไม่ถนัดเลยคิดจะช่วย กลับมาว่าอีก” เขาแกล้งตัดพ้อหญิงสาวที่หน้างอไปแล้วเรียบร้อย

“อย่ามาเจ้าเล่ห์หน่อยเลย เดี๋ยวนี้ฉันไม่ไว้ใจนายแล้ว”
คนเจ้าเล่ห์หัวเราะน้อย ๆ ตาเป็นประกายพราวเมื่อมองหญิงสาวที่เขาอุ้มอยู่ พร้อมกับพาไปนั่งลงตรงม้านั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมอาบน้ำมายื่นให้ พลางก้มลงหอมที่ขมับน้ำฝน

“ขอบคุณครับสำหรับวันนี้” พูดจบเขาก็เดินออกนอกห้องไปเพื่อให้น้ำฝนได้เตรียมตัวอาบน้ำ
หญิงสาวนั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้พองคับอก ใบหน้ากลายเป็นสีเรื่อขึ้นด้วยความอาย

“คนบ้า ทั้งฉวยโอกาส ทั้งช่างเอาใจแบบนี้ เดี๋ยวฉันก็ใจอ่อนหรอก บ้าจริงเชียว น้ำฝนนะน้ำฝน ใจแข็งเข้าไว้สิ”

เมื่อหญิงสาวกลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวสะอาดตานั่งรอหล่อนอยู่แล้ว ข้างตัวมียาใส่แผล สำลี และผ้าผันแผลจัดเตรียมเอาไว้พร้อม หล่อนยิ้มขอบคุณในความมีน้ำใจของอีกฝ่ายขณะที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ พลางพิจารณาคนที่จัดแจงทายาและพันแผลให้ ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาหลังอาบน้ำ พร้อมกับผมที่เพิ่งสระทำให้ชายหนุ่มดูน่ามองและไม่เคร่งขรึมเหมือนตอนทำงาน เผลอคิดถึงอ้อมแขนแข็งแรงให้ความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงที่กอดหล่อนเมื่อครู่ หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองว่าตอนนี้หล่อนรักเขาหรือยังนะ ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้ หล่อนยังจะดื้อไม่ฟังเสียงหัวใจตัวเองหรืออย่างไรกัน

“เอาละ...เรียบร้อย ถ้าคุณอยากเดินไปไหนไกล ๆ ช่วงนี้ เรียกผมก็ได้นะ เดี๋ยวผมจะอุ้มไป” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นก็พบดวงตาโตหวานที่นั่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ในใจอยากจะนั่งมองน้ำฝนอย่างนี้นาน ๆ แต่เกรงหญิงสาวจะกระดาก แล้วตาหวานจะเปลี่ยนเป็นตาเขียวขึ้นมาแทน

“เรื่องอะไร... ฉันแค่เป็นแผลนิดหน่อย ไกลหัวใจตั้งเยอะ นายไม่ต้องห่วงฉันหรอก”

“ไม่ห่วงได้ยังไงละ ที่คุณเจ็บก็เพราะช่วยงานผม”
คำพูดของเขาทำให้คนเจ็บนึกน้อยใจหันหน้าหนีไปอีกทาง ที่แท้เขาห่วงงานนั่นเอง ถึงได้ดูแลเอาใจใส่หล่อนขนาดนี้

“งอนหรือครับ” ชายหนุ่มจับตาดูใบหน้านวลของหญิงสาวอยู่แล้ว ถึงกับแอบยิ้ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลุบตาลงต่ำ พลางกัดริมฝีปากแน่น

“ถ้าผมบอกว่าห่วงเพราะรัก คุณก็ไม่ฟังอีก พอบอกว่าห่วงเพราะคุณทำงานกับผมก็โกรธ ผู้หญิงนี่เอาใจยากจริง ๆ ไม่รู้เมื่อไหร่ดี เมื่อไหร่ร้าย”
เอกศักดิ์แกล้งบ่น แต่สีหน้ายังระบายไปด้วยรอยยิ้ม

น้ำฝนนึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเดี๋ยวนี้หล่อนถึงขี้ใจน้อยผิดปรกติขนาดนี้ หรือหล่อนจะรักเขาเข้าให้แล้ว เริ่มรักเมื่อไหร่กันนะ หญิงสาวเองไม่รู้ตัว สำรวจใจตัวเองอีกทีก็รู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ และห่วงหาเวลาไกลกัน

ชายหนุ่มจับคางมนของน้ำฝนให้หันกลับมามองเขาอีกครั้ง พลางมองลึกลงไปในดวงตาราวกับจะหยั่งให้ถึงหัวใจที่แสนจะถือทิฐิ ก่อนก้มลงสัมผัสริมฝีปากอ่อนนุ่มของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน

“ยอมรับใจคุณเองเถอะครับคนดี อย่าทรมานทั้งคุณและผมอีกเลยที่รัก”





Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 19:09:50 น. 0 comments
Counter : 178 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.