Group Blog
 
 
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

"ในอ้อมแขนละมุนของความรัก" ตอนที่ 1 - - ผู้ชายกับสายลมหนาว









“เกื้อ...ตาเกื้อ...ตื่นหรือยังลูก”

เสียงตะโกนโหวกเหวกหน้าบ้านพัก เรียกให้คนที่กำลังซุกตัวอยู่ใต้โปงผ้าห่มอย่างแสนสุขต้องลืมตาขึ้น ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ พร้อมกับทบทวนความทรงจำของตัวเอง

การขับรถระยะไกลจากสุราษฏร์ธานีมาถึงเชียงใหม่ตามลำพัง ดูเหมือนจะดูดกลืนพลังงานที่เขามีอยู่ไปจนหมดสิ้น เขามาถึงบ้านไร่ของคุณปู่คุณย่าในช่วงหัวค่ำของวานนี้ ท่ามกลางความกังวลของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ที่ห่วงว่าหลานชายคนเดียวที่มีอยู่จะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงไปอีกคน หลังจากที่ท่านต้องเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน

คุณย่าเตรียมอาหารเย็นไว้รอเขา ชายหนุ่มจึงฉลองศรัทธาอย่างเต็มที่ด้วยการกินทุกอย่างจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะหิ้วกระเป๋ามายังเรือนเล็กกลางสวนกุหลาบ ห่างจากบ้านครึ่งอิฐครึ่งไม้หลังใหญ่ของคุณปู่คุณย่าราวห้าสิบเมตร โดยมีทางเดินปูศิลาแลงเป็นตัวเชื่อม

ในตอนแรก...เขาเพียงแต่ตั้งใจว่าจะนอนเล่นพักสายตาสักครู่ก่อนจะอาบน้ำ แต่ดูเหมือนว่า...เขาจะหลับสนิทไปทั้งอย่างนั้น

“เกื้อ...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก จะเก้าโมงอยู่แล้วยังไม่ลุก” เสียงเรียกของผู้เป็นปู่ยังผลให้ชายหนุ่มรีบขยับตัวลุกจากที่พร้อมกับขานรับ

“ครับคุณปู่ ตื่นแล้วครับ”

“อาบน้ำแปรงฟันแล้วไปกินข้าวนะลูก คุณย่าทำของโปรดไว้รอเกื้อแต่เช้าเลย”

“ครับผม”

รับคำแล้วก็เดินไปรื้อกระเป๋าเดินทางที่วางทิ้งไว้ตรงริมประตู หยิบได้ผ้าเช็ดตัวและกระเป๋าเครื่องใช้ส่วนตัวก็เดินออกจากห้องพักไปยังห้องน้ำที่อยู่ติดกัน

ปีนี้ลมหนาวมาช้า... แต่คงจะเป็นเพราะความล่าช้านี่เอง ที่ทำให้อากาศยามสายของปลายเดือนธันวาคมเย็นเยียบกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่บ้านไร่แห่งนี้...

เกียรติยศใช้เวลาอาบน้ำ แปรงฟัน รวมทั้งโกนหนวดไม่ถึงยี่สิบนาที ก่อนจะรีบแต่งตัวเพื่อไปทานอาหารเช้าที่บ้านใหญ่ตามที่คุณปู่กำชับ

ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนโดยมีแจ็คเก็ตสีอ่อนสวมทับอีกชั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

ระหว่างทางที่เดินไป... เขากวาดสายตามองสวนกุหลาบที่เกิดขึ้นด้วยใจรักของคุณปู่

บางต้นยังคงออกดอกบานสะพรั่ง ในขณะที่บางต้น...ดอกส่วนใหญ่ร่วงโรยไปหมดแล้ว เหลือดอกสวยๆ ให้เห็นเพียงไม่กี่ดอก

การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานทำให้อดที่จะเดินลัดเลาะลงไปชมความงามใกล้ๆ ไม่ได้ แสงแดดอ่อนจางแตะไล้ใบไม้อ่อนโยน น้ำค้างบนยอดหญ้ายังระเหยไปไม่หมด มองเห็นเป็นละอองสีขาวคล้ายผลึกเพชรพร่างพราวไปทั่วบริเวณ

ความเย็นของอากาศที่จนแม้แต่ลมหายใจออกยังเป็นไอขาวขุ่น ยังผลให้คนที่ไม่ค่อยคุ้นชินต้องห่อไหล่พลางสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ กลับไปตามทางเดิมที่เดินผ่านมา ละความสนใจที่มีต่อแปลงดอกไม้ไว้แต่เพียงเท่านั้น


- - - - - - - - - -



หลังจากจัดการกับอาหารเช้ามื้อใหญ่เสร็จเรียบร้อย เกียรติยศก็ย้ายตัวเองมานั่งเล่นตรงริมระเบียงบ้านชั้นสอง พร้อมกับถ้วยกาแฟในมือ

สวนกุหลาบ ก.อ. มีอาณาบริเวณร่วมห้าสิบไร่ พื้นที่ด้านหน้าเป็นส่วนของแปลงกุหลาบสะสมสายพันธุ์ ที่ถูกจัดแต่งให้แลดูคล้ายสวนหย่อมมากกว่า ถัดเข้ามาด้านในคือส่วนของบ้านพักที่ล้อมรอบไปด้วยไม้ผลขนาดใหญ่ จำพวกลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ละมุด ชมพู่ กระท้อน และแม้กระทั่งมะพร้าวที่ปลูกสลับกันเพื่อความร่มรื่นของตัวบ้าน มากกว่าจะเก็บผลผลิตจริงๆ จังๆ

ส่วนที่เหลือคือแปลงกุหลาบสำหรับตัดดอกขายซึ่งกินพื้นที่กว้างที่สุด แถมยังโอบล้อมเรือนพักหลังเล็กของเขาเอาไว้ด้วย ชายหนุ่มทอดสายตามองดูคนงานสามสี่คนที่กำลังตัดแต่งกิ่งกุหลาบอยู่

แสงแดดช่วยให้อากาศค่อยอุ่นขึ้น บรรยากาศเงียบสงบที่โอบล้อมเขาเอาไว้ ดูเหมือนจะช่วยให้ตะกอนขุ่นๆ ภายในใจที่เป็นเกือบค่อนเดือนค่อยคลายลง

เขาเลิกกับแฟนสาวที่คบกันมากว่าห้าปี ก่อนที่อีกฝ่ายจะแต่งงานไปกับลูกชายเจ้าของรีสอร์ตใหญ่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา

ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าจะเรียกตัวเองว่า...คนอกหักได้ไหม เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากมายกับความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลง เขาไม่ได้กินเหล้าประชดชีวิตเหมือนอย่างที่ใครหลายๆ คนมักจะทำเวลาอกหัก ยังคงไปทำงาน...ใช้ชีวิตตามปกติ แถมยังไปร่วมงานแต่งงานตามคำเชิญของอดีตคนรักอีกด้วย

มันคล้ายกับว่า...เขาอิ่มตัวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนั้นอย่างถึงที่สุดแล้วมากกว่า และหลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่ราวหนึ่งสัปดาห์เขาก็ตัดสินใจลาออกจากงาน

เสียงประตูริมระเบียงถูกเปิดออก เรียกให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง

“ผมอิ่มจนยัดอะไรไม่ลงแล้วล่ะครับคุณย่า” เกียรติยศอุทธรณ์เสียงแผ่ว เมื่อเห็นคุณอารีเดินเข้ามาพร้อมจานเล็กมีคุกกี้กองพูนอยู่เต็ม

“ลองชิมดูหน่อยสิ เมื่อเช้ายายหนูดาวแวะเอามาฝาก รายนั้นน่ะชอบมีขนมของกินมาฝากคนแก่เรื่อยล่ะ”

“หนูดาวไหนครับ ผมไม่เห็นรู้จัก” เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้จริงจัง เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถึง ‘หนูดาว’ ดูจะเจือไปด้วยความเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด

“หลานสาวกำนันเจ้าของสวนลำไยที่อยู่ติดกับสวนเรานี่ไง น่าสงสารนะ...เรียนจบมายังไม่ทันรับปริญญากำนันก็ตายเสียก่อน ทิ้งบ้านทิ้งสวนไว้ให้หลานทำต่อ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปได้สักกี่น้ำก็ไม่รู้”

“แล้วพ่อแม่พี่น้องเขาล่ะครับ คงจะมีใครสักคนคอยช่วยเขาอยู่บ้างหรอก”

“ไม่มีจ้ะ แม่หนูดาวเสียตั้งแต่หนูดาวยังเล็ก กำนันรักหลานแต่เกลียดลูกเขย ไปๆ มาๆ พ่อยายหนูก็เลยออกจากบ้านไป นี่คุณปู่ก็แวะไปช่วยดูสวนให้นะ เห็นว่าบ้านใกล้เรือนเคียงมีอะไรช่วยกันได้ก็ช่วย เกื้อเองถ้าจะกลับมาอยู่บ้านจริงๆ ก็คงได้เจอ” คุณอารีร่ายยาว

ชายหนุ่มหยิบคุกกี้ชิ้นพอคำขึ้นมาพินิจ เนื้อแป้งสีเหลืองนวลตัดกันกับสีดำของเม็ดงาอย่างชัดเจน เขาส่งขนมชิ้นนั้นเข้าปากก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงใจ

...อร่อยดีเหมือนกันแฮะ...

ดังนั้นเพียงไม่ถึงชั่วอึดใจทั้งกาแฟและคุกกี้ก็ลงไปนอนอุ่นอยู่ในท้องชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย


- - - - - - - - - -



คุณอารีพินิจวงหน้าคมคร้ามของผู้เป็นหลาน เกียรติยศดูผอมไปจากครั้งก่อนที่พบเจอกันจนทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ หากถึงกระนั้นกริยาท่าทางที่ยังคงเป็นปกติทำให้ผู้สูงวัยกว่าทำได้เพียงแต่เฝ้ามองดูโดยไม่กล้าเอ่ยถามอะไรมากความ

“เกื้อจะกลับมาอยู่บ้านเราแน่นะลูก”

“ครับคุณย่า นี่ผมสมัครงานไว้แล้วนะครับ” เขาเอ่ยชื่อโรงพยาบาลประจำอำเภอ ซึ่งผู้สูงวัยก็พยักหน้าเห็นด้วย

“รับราชการก็ดี ถึงเงินเดือนจะไม่เยอะแต่เราก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเรื่องทองอะไร เออ...แล้วหนูแพรวล่ะลูก จะย้ายมาอยู่ด้วยกันไหม? ย่าจะได้เตรียมไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที”

เกียรติยศชะงักไปชั่วขณะ เขาวางถ้วยกาแฟในมือลงบนราวระเบียงก่อนจะตอบแต่เพียงสั้นๆ ราวกับว่าสิ่งที่เอ่ยออกมาไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักหนา

“เราเลิกกันแล้วครับ แพรวเพิ่งแต่งงาน”

สีหน้าคาดไม่ถึง และแววตาที่ฉายชัดถึงความห่วงใยของคนเป็นย่ายังผลให้ชายหนุ่มยื่นมือเข้าไปกุมมือที่เต็มไปด้วยร่องรอยของวัยคู่นั้น พร้อมกันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“คุณย่าห้ามคิดมากนะครับ ผมกับแพรวไม่ได้โกรธอะไรกัน เขาไม่ได้ทิ้งผม... เพียงแต่เราต่างคนต่างรู้ว่า...ไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้น”


- - - - - - - - - -



เกียรติยศมาอยู่ที่บ้านสวนได้เกือบสัปดาห์แล้ว ชายหนุ่มจัดการปรับปรุงเรือนกุหลาบใหม่ด้วยการรื้อเฟอร์นิเจอร์บางตัวทิ้ง แล้วแบ่งส่วนพื้นที่ใช้สอยภายในใหม่ด้วยการซื้อฉากไม้มากั้นห้องที่มีอยู่เพียงห้องเดียวให้เป็นสัดส่วนชัดเจนขึ้น

เขาเข้าเมืองเกือบทุกวัน ทั้งไปจัดการเรื่องของที่ฝากบริษัทรับ-ส่งของให้มาส่งที่เชียงใหม่ ไปตลาดของเก่าเพื่อเลือกซื้อโต๊ะเก้าอี้ไม้แบบโบราณมาไว้นั่งเล่นตรงระเบียงหน้าบ้าน ชายหนุ่มง่วนกับการจัดบ้านจนลืมหนูดาวของคุณย่าไปเสียสนิท จนกระทั่งคุณอารีเอ่ยถามเขาหลังมื้ออาหารเช้า

“วันนี้เกื้อจะเข้าเมืองอีกไหมลูก”

“ครับ... คุณย่ามีอะไรจะให้ผมทำหรือเปล่าครับ ผมเลื่อนไปก่อนได้นะครับไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร”

“หนูดาวไม่สบาย แต่ไม่ยอมไปหาหมอ เกื้อช่วยแวะไปดูหน่อยได้ไหมลูก ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า นี่ถ้าย่าไม่ติดนัดในเมืองกับคุณปู่ก็คงจะดีหรอก”

ชายหนุ่มมองผู้เป็นย่าอย่างคนคว้า ทว่ากลับถูกผู้สูงวัยกว่าดักคออย่างรู้ทัน

“ไม่ต้องมองย่าแบบนั้นเลย ย่าไม่ยุ่งอะไรกับเรื่องหัวใจของเราหรอก ถึงจะไม่ใช่หมอแต่เกื้อก็เป็นเภสัชกร ไปทำหน้าที่แทนย่า แล้วก็ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ด้วย”

ถ้อยคำสำทับในตอนท้ายยังผลให้เกียรติยศทำได้แต่เพียงยิ้มเก้อก่อนจะรับคำสั้นๆ

“ครับผม”


- - - - - - - - - -



แม้จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและจัดยาให้กับคนไข้ที่มาใช้บริการร้านยามานาน แต่การไปเยี่ยมไข้คนที่ตนเองไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาก่อนก็ดูแปร่งแปลกในความรู้สึกอยู่มิใช่น้อย ทว่าเมื่อรับปากผู้เป็นย่าเอาไว้แล้วเขาก็ไม่อยากผิดคำพูด

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตลายริ้วสีอ่อนกับกางเกงยีนส์สีเข้มที่บ่งชัดว่าเป็นเสื้อผ้ายี่ห้อหรูดูขัดกันอย่างชัดเจน กับจักรยานโกโรโกโสที่เจ้าตัวขอยืมมาจากคนงานในไร่ มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังมีตะกร้าของเยี่ยมที่ผู้เป็นย่าจัดไว้ให้ถือมาด้วยในมือข้างหนึ่ง เป็นภาพแปลกตาที่แม้แต่เจ้าตัวก็ลืมนึกว่า...คงเรียกความสนใจจากคนในละแวกนั้นนั้นได้เป็นอย่างดี

เกียรติยศชะลอความเร็วลงเมื่อถึงแนวรั้วชาข่อยอันบ่งบอกถึงอาณาเขตสวนแสงทิพย์ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าไปตามถนนโรยกรวดที่ทอดเข้าไปสู่ตัวบ้านด้านใน ชายหนุ่มมองต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาหนาแน่นตลอดทั้งอาณาบริเวณอย่างทึ่งจัด

...เขาไม่รู้ว่าสวนแสงทิพย์กว้างขนาดไหน แต่เท่าที่กวาดสายตาดูในตอนนี้มันก็ดูจะกว้างเกินกำลังผู้หญิงตัวคนเดียวจะลงมือลงแรงทำตามลำพังล่ะ...

บ้านแบบล้านนาประยุกต์อยู่ไม่ไกลจากถนนหน้าบ้านนัก ชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านก่อนจะตะโกนออกมาเมื่อมองไม่เห็นใครในบริเวณนั้น

“สวัสดีครับ” ทว่าเสียงตอบรับที่ได้ยินกลับมาทำให้เกียรติยศต้องนิ่งรอพร้อมกับขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ

โฮ่ง...โฮ่ง...โฮ่งๆๆๆๆ เสียงเห่านั้นนอกจากจะดังฟังชัดว่าคงเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่แล้ว ยังบอกชัดถึงจำนวนที่ไม่น่าจะต่ำกว่าสามตัว

...ดุหรือเปล่าก็ไม่รู้ บ้าชะมัด...

เสียงประตูไม้ด้านบนเลื่อนออกเรียกให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจ...โล่งอก... เพราะเจ้าของเสียงเห่าทั้งหลายดูเหมือนจะอยู่บนบ้านครบทั้งคณะ ลาบราดอร์สีดำสนิทสองตัว กับโกลเด้นรีทริฟเวอร์ และดัลเมเชี่ยนอีกอย่างละหนึ่ง ยืนกระดิกหางยื่นหน้ากันให้สลอนดูอย่างไรก็รู้ว่าไม่ดุเลยสักตัว

เจ้าของร่างบอบบางซึ่งน่าจะเป็น “หนูดาว” ของคุณย่าปิดประตูกั้นลูกสมุนไว้บนบ้าน จากนั้นจึงค่อยสาวราวบันไดลงมาช้าๆ จากกริยานั้นบอกชัดว่าเจ้าตัวน่าจะอ่อนแรงพอดู ชายหนุ่มจึงรีบปราดเข้าไปหาเสียเอง

“หนูดาวใช่ไหมครับ? ผมเกื้อครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ไร่ข้างๆ คุณย่าฝากของ เยี่ยมมาครับ” เกียรติยศแนะนำตัวพร้อมกับชูตะกร้าของเยี่ยมขึ้นอวด
นภรัตน์จึงยิ้มตอบเขาอย่างมีไมตรี

“สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงหญิงสาวค่อนข้างแหบอย่างคนเป็นหวัด

ชายหนุ่มพินิจมองใบหน้าเจ้าของไร่สาวโดยละเอียด ใบหน้ารูปไข่นั้นประกอบด้วยเครื่องหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร ทว่าผิวเนียนใสที่ระเรื่อขึ้นเพราะพิษไข้ก็ชวนให้รู้สึกอยากสัมผัสมิใช่น้อย

...บ้าไปแล้วไอ้เกื้อ คิดอะไรอย่างนี้กับคนป่วยวะ เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วย...

ชายหนุ่มด่าตัวเองในใจ ก่อนจะยื่นมือข้างที่ว่างให้อีกฝ่ายเกาะตามมารยาทสุภาพบุรุษ

หญิงสาวลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะวางมืออุ่นจัดลงบนมือเขาอาศัยพยุงตัวเดินไปจนถึงศาลาไม้ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก

“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเขาหลังจากทรุดตัวลงนั่ง มือเล็กบางยื่นไปกดกริ่งที่อยู่ริมเสาได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาจากหลังบ้านไกลๆ

“น้องดาวลงมาข้างล่างทำไมคะ? ทำไมไม่นอนพักไข้ยังไม่ลดเลย...” เสียงบ่นที่ดังมาก่อนตัวเรียกรอยยิ้มขันให้ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม ในขณะที่น้องดาวทำหน้าปั้นยากไม่ต่างไปจากเจ้าของเสียงร่างท้วมที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมถ้วยเครื่องดื่มร้อนในมือ

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ป้าไม่รู้ว่ามีแขก โอวัลตินค่ะน้องดาว คุณจะรับสักถ้วยไหมคะ?” ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่จะคุ้นเคยกับการรับแขกที่มาพบโดยไม่คาดหมายอยู่ก่อนแล้ว น้ำเสียงที่หันมาถามไถ่เขาจึงไม่เหลือร่อยรอยตกใจเหมือนเช่นในคราวแรก

“คงไม่รบกวนล่ะครับป้า เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว คุณดาวจะได้พักผ่อน พอดีคุณย่าฝากของเยี่ยมมาครับ” ไม่พูดเปล่าแต่ยังยื่นตะกร้าของเยี่ยมไปให้ ผู้สูงวัยกว่ารับตะกร้าไปจากมือชายหนุ่มก่อนจะเดินลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง

“เจ็บคอมากไหมครับ กลืนน้ำลายเจ็บไหม?”

นภรัตน์มองเขาด้วยแววตากังขา ชายหนุ่มจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

“ขอโทษครับ มันอดไม่ได้...ผมเป็นเภสัชกร”

คำอธิบายนั้นยังผลให้หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะตอบคำถามของเขาแต่โดยดี เกียรติยศซักอาการคนป่วยจนพอใจแล้วจึงขอตัวลากลับ โดยไม่ลืมทิ้งท้าย

“ตอนเย็นๆ ผมจะให้คนเอายามาให้ แต่ถ้าพรุ่งนี้ไข้คุณยังไม่ลด ผมว่าคุณน่าจะไปหาหมอสักหน่อยล่ะ”


- - - - - - - - -



นภรัตน์มองตามรถจักรยานที่ค่อยเคลื่อนห่างออกไปจนกระทั่งมันเลี้ยวหายไปจากสายตา รอยยิ้มสวยยังไม่จางไปจากใบหน้าหญิงสาวขณะที่เธอค่อยๆ พยุงตัวเองกลับขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายใน

มันดูน่าประหลาดน้อยเสียเมื่อไหร่ ที่ใครสักคนหนึ่งจะออกอาการเป็นห่วงเป็นใยคนที่เพิ่งเคยพบหน้าเป็นครั้งแรกเฉกเช่นที่เกียรติยศแสดงออกมา และยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเธอเองกลับยอมรับไมตรีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ง่ายๆ ทั้งที่ปกติแล้วเธอแทบจะไม่สุงสิงกับใครแม้กระทั่งคนในละแวกบ้านที่เห็นเธอมาแต่เล็กแต่น้อย

หญิงสาวปัดความคิดวุ่นวายในสมองทิ้ง แล้วล้มตัวลงนอนโดยมีลูกสมุนทั้งสี่ตามมาเฝ้าไม่ห่าง เธอตื่นนอนอีกครั้งจากการปลุกของแม่สายพิน พี่เลี้ยงเก่าแก่ที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

“ลุกขึ้นมาอาบน้ำ กินข้าวกินยาสักหน่อยนะคะ คุณเกื้อเอามาฝากไว้ให้ตั้งแต่บ่ายแล้ว บอกด้วยว่า...พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่”

นภรัตน์มองตามสายตาบุ้ยบ้ายของผู้สูงวัยกว่า ถุงพลาสติกพิมพ์โลโก้ร้านยาชื่อดังวางนิ่งอยู่บนโต๊ะริมหัวเตียง

...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำตามที่พูดจริงๆ บางที...อาจเป็นเพราะความเป็นเภสัชกรกับคนไข้กระมัง...

หญิงสาวบอกกับตัวเองขณะค่อยพยุงตัวลุกขึ้น หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อชุดนอนที่แม่สายพินเตรียมไว้ให้เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย

น้ำอุ่นจัดช่วยให้กล้ามเนื้อที่เขม็งตัวเพราะพิษไข้ค่อยคลายลงทำให้รู้สึกสบาย หญิงสาวจัดการสระผมไปด้วยพร้อมๆ กันแม้จะถูกพี่เลี้ยงบ่นมานับครั้งไม่ถ้วน

‘เป็นหวัดแล้วยังสระผมแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะหายคะ?’

‘เดี๋ยวก็หายแหละแม่ ดาวไม่สระไม่ได้หรอกมันคัน’

นภรัตน์ก้าวออกจากห้องน้ำพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมซอยสั้นของตัวเองเร็วๆ แม่สายพินยกสำรับมาตั้งรอเธออยู่ก่อนแล้ว กลิ่นหอมของข้าวหอมมะลิต้มใหม่ๆ ชวนให้น้ำลายสอ


หญิงสาวจัดการกับอาหารไปเงียบๆ ก่อนจะหยิบถุงยาออกมาเปิดดู มียาเม็ดลดไข้... ยาลดน้ำมูก... ยาปฏิชีวนะ แถมพกด้วยวิตามินซีแบบเม็ดสำหรับละลายน้ำ และยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอเสร็จสรรพ กระดาษโน้ตแผ่นเล็กถูกแปะติดมากับกล่องยาอม


ทานยาให้ครบตามที่ผมเขียนไว้บนซองนะครับ
ส่วนวิตามินซีทานวันละเม็ดจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันจะได้หายเร็วขึ้น
รักษาตัวครับ

...เกื้อ...



นภรัตน์กำลังจะหยิบยาออกจากซอง เมื่อแม่สายพินเปิดประตูห้องเข้ามา

“อ้าว! อิ่มแล้วเหรอคะ เอาโอวัลตินอีกไหมคะแม่พินจะชงให้”

“ไม่เอาแล้วค่ะ ดาวจะกินยาแล้วนอนเลย แม่พินถามคุณเกื้อเขาหรือเปล่าว่าค่ายาเท่าไหร่?”

“ถามค่ะ แต่เธอไม่ยอมบอก พูดแต่ว่าเรื่องเล็กน้อยแล้วก็หนีกลับไปเลย จะว่าไปคุณเกื้อเธอน่ารักนะคะ รูปหล่อ นิสัยดี ไม่รู้มีแฟนหรือยัง”

นภรัตน์ขมวดคิ้วมุ่นกับประโยคท้ายๆ ของพี่เลี้ยง พยายามที่จะไม่ต่อปากต่อคำใดๆ เพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว หัวข้อที่แม่สายพินจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นก็คือ...ความโสดของเธอ และต่อให้ถกเถียงกันอย่างมีเหตุผลเพียงใด พี่เลี้ยงเก่าแก่ก็ไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย บางครั้งเธอยังรู้สึกด้วยว่า...แม่สายพินระแวงว่าเธอจะชอบเพศเดียวกันด้วยซ้ำ

ไม่รู้จะอะไรนักหนากับการที่เธอเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ชอบทำงานในไร่ แล้วก็ไม่ค่อยจะสำอางแบบสาวๆ ทั่วไปก็เท่านั้นเอง...


- - - - - - - - - -



แม้จะบอกแม่สายพินไว้แล้วว่า...จะเข้ามาเยี่ยมเจ้าของไร่สาวในวันรุ่งขึ้น แต่กว่าที่เกียรติยศจะมีโอกาสได้มาเยือนไร่แสงทิพย์จริงๆ เวลาก็ล่วงไปเกือบสัปดาห์

สี่สมุนประจำไร่ทักทายเขาเสียงขรม ตั้งแต่เขาปั่นจักรยานผ่านประตูรั้วเข้ามา

หากคราวนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยตกใจนักเพราะรู้ว่า...ตัวจริงไม่ดุเท่าเสียง และเขาก็เตรียมตัวมาผูกมิตรกับเดอะแก๊งค์สี่ขาโดยเฉพาะ

...ไม่มีอะไรเด็ดไปกว่าแคบหมูติดมันอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนืออีกแล้ว แน่นอนว่า...มันอาจจะไม่ค่อยดีกับเจ้าสี่ตัวนัก แต่นานๆ ให้กินทีคงไม่เป็นไร...

และผลก็เป็นไปตามคาดจริงๆ เพราะเจ้าสมุนสี่ขาที่ชายหนุ่มรู้จักชื่อในภายหลังว่า...ขนุน ลิ้นจี่ ลำไย และมะเฟือง เข้ามาคลอเคลียส่งเสียงครางงืดงาดในลำคอ แบบไม่เหลือมาดสุนัขพันธุ์ใหญ่จนเจ้าของเองยังส่ายหน้า

“ติดสินบนกันแบบนี้รับรองว่าคราวหน้ามันจะชูคอชะเง้อหากันหน้าสลอนเชียวล่ะ แหม...อยู่บ้านนี้ไม่ได้อดๆ อยากๆ นะ ขายหน้าจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยกับเขาก่อนจะบ่นลูกสมุนไม่จริงจังเท่าไรนัก

วันนี้นภรัตน์ดูแปลกตาไปจากเมื่อวันก่อนโดยสิ้นเชิง เสื้อยืดเก่าย้วยกับกางเกงยีนตัดขายาวแค่เข่า แถมยังขาดตรงนู้นตรงนี้ชวนให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นลูกคนงานมากกว่าเจ้าของไร่

เธอปัดปอยผมด้านหน้าด้วยท่อนแขนทั้งที่มือยังถือประแจอยู่ ก่อนจะออกตัวสั้นๆ

“ขอโทษนะคะวันนี้ไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันกำลังรบกับเจ้ากระเช้ามันอยู่” ไม่พูดเปล่าแต่ยังพยักพเยิดไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่ไม่ห่างไปนัก

“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่มารบกวนเวลางานหนูดาว คุณย่าให้มาเชิญทานข้าวเย็นนี้ หนูดาวสะดวกไหมครับ”

นภรัตน์ยิ้มกว้างให้คนถามก่อนจะตอบรับด้วยน้ำเสียงสดใส

“ได้ซีคะ ปกติฉันก็ไปทานข้าวกับคุณตาคุณยายบ่อยๆ อยู่แล้ว เพิ่งมีช่วงนี้นี่แหละค่ะที่เกเร ฉันกลัวเอาหวัดไปฝากท่าน”

“แสดงว่าตอนนี้หายดีแล้ว?”

“หายแล้วค่ะ รับรองว่า...คุณตาคุณยายไม่มีทางติดหวัดจากดาวแน่ๆ”

คนฟังเลิกคิ้วคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จนหญิงสาวต้องเอ่ยย้ำ

“ฉันหายดีแล้วจริงๆ ค่ะ”

“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรหนูดาวเลยนะครับ” สีหน้ายิ้มๆ ระคนล้อเลียนของชายหนุ่มพาให้นภรัตน์รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง เธอเกือบจะตวัดค้อนให้คนตรงหน้า...แต่ดีที่หยุดตัวเองไว้ได้ทัน...

“งั้นเย็นนี้พบกันนะครับ” เกียรติยศสรุปก่อนจะคว้าจักรยานที่จอดทิ้งไว้ตรงลานบ้านแล้วถีบออกไป ทิ้งเจ้าของบ้านสาวให้แอบค้อนลมค้อนแล้งไล่หลัง

...คนบ้า...เขาไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ จู่ๆ ก็มาแกล้ง...


- - - - - - - - - -



นภรัตน์มาถึงสวนกุหลาบ ก.อ. ก่อนห้าโมงเย็นเล็กน้อย หญิงสาวลงจากรถพร้อมกล่องพลาสติกทรงกลมขนาดใหญ่ ถือเดินไปถึงในครัวด้วยความคุ้นเคย เธอวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะกลางห้องครัวพร้อมกับรายงานตัวเสียงใส

“แมลงวันหัวเขียวมาแล้วค่ะ คุณยายทำอะไรทานคะวันนี้” ไม่พูดเปล่าแต่ยังตรงเข้าไปกอดคุณอารีจากด้านหลัง สอดสายตามองอาหารในหม้อพร้อมกับสูดจมูกฟุตฟิต

“หอมจังเลย...ได้กลิ่นแล้วน้ำลายเกือบท่วมสวน รีบขับรถมาหาคุณยายแทบไม่ทัน”

...บอกใครคงไม่มีคนเชื่อ...ว่าสาวมั่นเจ้าของสวนลำไยที่คุมลูกน้องชายฉกรรจ์นับสิบไว้ในอาณัติ จะช่างอ้อนได้ถึงเพียงนี้...

ริมฝีปากของผู้สูงวัยกว่าคลื่ออกเป็นรอยยิ้มละไมกับวาจาฉอเลาะนั้น คุณอารีวางทัพพีลงในชามกระเบื้องข้างเตาก่อนจะหันมาคุยกับคนที่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“เห็นหน้าก็ยาหอมคนแก่เลยนะหนูดาว ยายยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย ไปนั่งเล่นข้างบนก่อนไหม? รู้จักนายเกื้อเขาแล้วนี่ พี่เขาอยู่ข้างบนแน่ะ”

“ไม่เอาค่ะ ดาวอยู่ช่วยคุณยายในครัวดีกว่า” หญิงสาวทำหน้าย่นพลางส่ายศีรษะรวดเร็ว

“งั้นก็ตามใจ”

นภรัตน์เดินไปหยิบจานแก้วใบใหญ่จากชั้นด้านใน แล้วจัดผักสดจากตะกร้าที่แม่สมบูรณ์...แม่บ้านประจำสวนล้างสะเด็ดน้ำเตรียมไว้ลงบนจาน มือเล็กบางหยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วไม่ต่างจากตอนตรวจซ่อมเครื่องยนต์กลไก

ไม่นานนักอาหารมื้อเย็นก็ถูกลำเลียงออกไปจากโรงครัวซึ่งปลูกแยกต่างหากจากตัวบ้าน

จากประตูไม้ซี่ห่างๆ เป็นทางเดินปูด้วยศิลาแลงระยะสั้นๆ เชื่อมไปยังเชิงบันไดขึ้นสู่ระเบียงบ้าน ปกติแล้วคุณกิตติและคุณอารีจะทานอาหารที่โต๊ะไม้ปีกตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสวน ห่างจากห้องครัวไม่มากนัก ยกเว้นเวลามีแขกมาร่วมทานอาหารจึงย้ายไปตั้งโต๊ะบนระเบียงบ้าน แลเห็นสวนกุลาบสวยเพิ่มบรรยากาศให้กับมื้ออาหาร

นภรัตน์ถือจานผักสด โดยมีแม่สมบูรณ์ถือถาดอาหารตามมาติดๆ หญิงสาวเอ่ยทักเกียรติยศที่กำลังง่วนอยู่กับการเซ็ทเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบโบราณง่วนอยู่สั้นๆ

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับหนูดาว นี่ลงไปช่วยถึงในครัวเชียวหรือครับเนี่ย” น้ำเสียงชายหนุ่มแสดงถึงความชื่นชม ทว่านัยน์ตาพราวระยับนี่สิดูไม่ค่อยจะน่าไว้ใจเท่าไรนัก

“ค่ะ” ตอบรับสั้นๆ เพื่อความปลอดภัยทางความรู้สึก ก่อนจะเดินเลี่ยงไปจัดโต๊ะอาหารที่มีคนปูผ้า แถมยังนำจาน-ชาม ช้อน-ส้อม มาเตรียมรอไว้ก่อนแล้ว

เกียรติยศแสร้งทำเป็นง่วนอยู่กับเครื่องเสียงคร่าคร่ำตรงหน้า ทั้งที่สายตาลอบมองหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา

...ผู้หญิงคนนี้สวยพิศ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย โดยเฉพาะตอนถูกเขายั่วล้อให้เขิน...

คิดแล้วก็ชวนให้สะดุ้งกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างคนมีหลักการในการดำเนินชีวิตอย่างชัดเจน ทุกอย่างที่ทำต้องผ่านการไตร่ตรองด้วยเหตุและผลมาแล้วเป็นอย่างดี

...เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ทว่าใบหน้าคมคายและภาพลักษณ์ของเภสัชกรหนุ่มก็ดึงดูดเพศตรงข้ามให้เข้ามาพัวพันอยู่ไม่ใช่น้อย และเขาก็มักจะปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาอย่างตรงไปตรงมาเสมอ...

...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน จะว่าหวั่นไหวไปกับสิ่งแวดล้อมของที่นี่ก็คงจะไม่ใช่ เพราะตอนที่ตัดสินใจไปทำงานที่สุราษฎร์ธานี เขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมที่แตกต่างไปจากที่เขาเคยเติบโตมาอย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มตัดสินใจเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ลงกล่องเครื่องมือ เพราะรู้ดีว่า...ตนเองหมดสมาธิที่จะทำงานต่อไปอีก จากปลายหางตาเขาเห็นนภรัตน์กำลังจะก้าวลงบันไดเพื่อกลับไปยังโรงครัวอีกครั้ง จึงเอ่ยรั้งหญิงสาวไว้

“หนูดาวครับ”

“ค่ะคุณเกื้อ” หญิงสาวหันมาตอบรับเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ผมไปล้างตัวแป๊ปนึงนะ คิดว่าไม่น่าจะเกินสิบนาที ฝากบอกคุณย่าด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ”

เกียรติยศกลับเรือนกุหลาบด้วยอารมณ์ และความคิดที่ดูจะยุ่งเหยิงปนเปกัน
อย่างหนัก แม้กระทั่งสายน้ำอุ่นจัดที่อาบรดผิวกายก็ไม่อาจช่วยให้ชายหนุ่มหยุดความสับสนภายในใจลงได้

ชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนัก ก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง ยังผลให้อุณหภูมิของอากาศลดลงอย่างต่อเนื่อง

...ลมหนาวเย็นยะเยียบทำให้อดนึกไปไม่ได้ว่า...สายลมกำลังพยายามจะบอกอะไรบางอย่าง...

...หรือเขาจะอยู่ตัวคนเดียวมานานเกินไปแล้ว...




โปรดติดตามตอนต่อไป...






 

Create Date : 01 มกราคม 2555
2 comments
Last Update : 16 มกราคม 2555 2:34:24 น.
Counter : 1065 Pageviews.

 

เภสัชกรหนุ่ม มาพร้อมกับกลิ่นไอหวานเย็นฉ่ำของไร่เมืองหนาว หนูดาวโดนล้อบ่อยๆ แบบนี้ สงสัยต้องหาทางเอาคืนมั่งล่ะมั้ง

ภาพแบ็คกราวด์มุมขวามันสีเข้มเหมือนกันนะ กลบตัวหนังสือพอสมควร อ่านยาก ต้องเพ่ง ถ้าจะลงเรื่องที่มีเนื้อเรื่องยาวๆ แบ็คกราวด์อ่อนๆ จะอ่านง่ายกว่านะ

 

โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 6 มกราคม 2555 5:35:46 น.  

 

คุณเกื้อท่าทางจะเป็นคนอบอุ่นดีจังเลยค่ะ

ยิ่งบรรยากาศแบบนี้อ่านแล้ว แหมอยากอยู่ใกล้คุณเกื้อบ้างจัง 555

 

โดย: นลิน IP: 203.144.233.115 12 มกราคม 2555 8:30:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธาร นาวา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากสายธารลำเล็กๆ
หลอมรวมเป็นกระแสธาราอันกว้างใหญ่
หลั่งริน...ไหลระเรื่อย...
นำพาเอาความชุ่มชื้นฉ่ำเย็นมาสู่หัวใจผู้คน

ลายปากกา
Friends' blogs
[Add ธาร นาวา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.