Group Blog
 
 
กันยายน 2556
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
เทคนิคเบื้องต้นในการขายมือถือของค่าย sumsung ให้ได้ราคาดีๆ

ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามือถือของแต่ละค่ายมีการแข่งขันกันสูงมาก จนผู้บริโภคเองก็อาจตามไม่ทัน แต่ก็มีหลายๆคนเปลี่ยนมือถือตามกระแสได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบางคนมีเทคนิคในการซื้อมือถือมาใช้งานและเลือกช่วงเวลาที่จะขายต่อเป็นจึงทำให้ไม่ต้องควักเงินซื้อใหม่แทบจะทั้งหมดของราคามือถือนั้นๆ

ยกตัวอย่างมือถือของค่าย sumsung ซึ่งหากเรามองเผินๆจากสื่อโฆษณาต่างๆเรามักจะเห็นว่าค่ายนี้ออกมือถือบ่อยมากจนเราเลือกไม่ถูกว่ารุ่นไหนของค่ายนี้เป็นรุ่นที่ดีที่สุด



สำหรับผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เปลี่ยนมือถือบ่อยมากและเปลี่ยนมาแทบจะทุกค่าย จนในปัจจุบันมือถือที่ใช้อยู่มีดังภาพด้านล่างนี้





ที่เปลี่ยนบ่อยไม่ได้อยากจะเอาไปอวดใครหรอกนะครับ เพราะผมทำธุรกิจส่วนตัววันๆก็ไม่ค่อยจะได้ไปไหนมาไหนอยู่แล้ว แต่อยากเปลี่ยนมือถือเพื่อติดตามเทคโนโลยีแค่นั้น จากเดิมที่ที่เคยทำงานร่วมกับโปรแกรมเมอร์ nokia คนหนึ่งในสมัยที่ nokia ทำตลาดในไทยแรกๆ จนเกิดความสนใจในระบบและโปรแกรมต่างๆและก็เปลี่ยนมือถือเรื่อยมาจนเข้าสู่ยุคมือถือระบบ ios และ Android ซึ่งเป็นสองระบบมีอยู่ใช้งานมากที่สุดในโลก มาวันนี้ผมขอยกตัวอย่างวิธีการขายมือถือให้ได้ราคาดีของค่าย sumsung เป็นตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปศึกษาและพิจารณา

สำหรับค่าย sumsung เป็นค่ายที่ทำมือถือออกมาในแต่ละปีเยอะมาก แต่ทั้งนี้ sumsung ทำออกมาในหลายๆตลาดทั้งตลาดล่างและตลาดบน จนผู้ใช้ smart phone มือใหม่บางคนอาจจะแยกแยะไม่ออก

ในที่นี้เราจะไม่พูดถึงมือถือในกลุ่มตลาดล่างและตลาดกลางที่เป็นรุ่นที่ออกบ่อย แต่เราจะมาพูดกันถึงมือถือตลาดบนซึ่งจะเป็นมือถือในกลุ่มที่คนนิยมกันมากที่สุด และสเป็คแรงที่สุดแต่ก็จะมีราคาที่สูงตามไปด้วยในวงการมือถือมักเรียกมือถือตัวท้อปของแต่ละค่ายโดยเรียกว่า "เรือธง" ซึ่งมักจะออกกันแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
สำหรับค่าย sumsung จะมีมือถือตัวท้อปหรือที่เรียกกันว่าเรือธงอยู่ 2 ตัว โดยแยกขายคนละตลาด ระหว่าง ตลาดทั่วไป กับตลาดสำหรับนักเขียน นักธุรกิจ นั่นก็คือ

ตระกูล S เช่น s1 / s2 / s3 แะล s4 ซึ่งจัดเป็นมือถือในกลุ่มทั่วไป ออกปีละ 1 ครั้ง ส่วนมือถือชั้นนักธุรกิจ นักเขียน นักออกแบบคือตระกูล note ปัจจุบันมี note 1 / note 2 / และ note 3 ก็ออกปีละ 1 ครั้งเช่นกัน
เรามาดูตารางวันออกวางจำหน่ายของตระกูล s และ note กัน

มือถือตัวรอง top ของค่าย sumsung ในกลุ่มทั่วไป (ตระกูล S)
S1 ออกเดือน มิถุนายน ปี 53
S2 ออกเดือน มิถุนายน ปี 54
S3 ออกเดือน มิถุนายน ปี 55
S4 ออกเดือน พฤษภาคม ปี 56

มือถือตัว top ของค่าย sumsung ในกลุ่ม ธุรกิจ นักเขียน นักออก (ตระกูล Note)
Note I ออกเดือน ตุลาคม ปี 54 (ตอนนั้นยังเป็นรอง top ยังไม่ถือว่าเป็นเรือธงของ samsung)
Note II ออกเดือน ตุลาคม ปี 55 (เปลี่ยนจาก s3 มาจับ note 2 เป็นตัวเรือธงไปเสียแล้ว)
Note III ออกเดือน ตุลาคม ปี 56

จะเห็นว่าตัวท้อปกับตัวรองออกปีเดียวกันแต่ขายคนละตลาด ช่วงเวลาครบรอบการออกจำหน่ายคือ 1 ปี ถ้าใครอยากใช้ให้คุ้ม ควรซื้อในช่วงเดือนแรกที่วางจำหน่ายหรือเดือนที่สอง

มาว่ากันเรื่องมือถือราคาตก ตกเมื่อไหร่ ?
หากเรามองดูราคาตลาดกันดีๆ โดยตัดในเรื่องของความรู้สึกออกไป เราจะเห็นว่ามือถือตัวท้อปจริงๆของ samsung อย่างเช่น note 2 ซึ่งเป็นตัวเรือธงของปีที่แล้ว (2555) จากราคา 2 หมื่นกว่าตอนวางจำหน่ายเดือน ตุลาคม ปี 2555 มาเริ่มลดราคาลงตอน note 8 ออกน่าจะประมาณเดือน มีนาคม 2556 จนมาถึงปัจจุบันราคาหน้าศูนย์ กับร้านที่วางจำหน่ายราคาลงมาอยู่ที่ ราคา 17900 บาท (ส่วนราคากลางอยู่ที่ 15,000 บาท) ขออ้างอิงราคาปัจจุบันจากร้านเจมาร์ทวันที่ 18 กันยายน 2556  //www.jaymart.co.th/ViewPro.asp?7885 ซึ่งปีนี้แน่นอน note 3 จะมาเป็นเรือธงแทน note 2 แน่นอน (เก่าไปใหม่มาแทน) บางท่านยังไม่เข้าใจว่า samsung ออกเครื่องบ่อยราคาตกไว แต่ในความเป็นจริง ในมือถือรุ่นท้อปถ้าไม่นับพวกตระกูล s จะหลังจาก 3 เดือนแรกที่ออกวางจำหน่ายก็จะเริ่มปรับลดลงเล็กน้อย แต่ก็จะลงยากกว่าการซื้อมือถือในตลาดกลาง เช่น grand หรือ Mega สำหรับราคา note 3 ก็น่าจะเริ่มลดลงตอนที่ s5 ออกในปีหน้านั่นแร่ะครับ เพราะเป็นการกระตุ้นตลาดตามวงจร

ส่วนใครอยากจะขายเป็นมือสองกับตามร้านรับซื้อให้ได้ราคาดีอย่าขายหลังมีข่าวเปิดตัวสินค้าในตระกูลเดียวกันกับที่ใช้อยู่ทั้งนี้เพราะร้านรับซื้อส่วนใหญ่ก็มักจะดูราคากลางของตลาด และจะหักลบไปอีกเพื่อให้สามารถซื้อมาแล้วขายต่อได้ ซึ่งมือถือตัวท้อปของแต่ละค่ายราคาจะยังไม่ตกลงมามากนักหากไม่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในระดับเดียวกันออกมา


ยกตัวอย่างราคาของ note 2 ณ วันที่ 14 กันยายน 2556 ตามร้านชั้นนำอยู่ที่ 17,900 บาท จากราคาเดิมที่จำหน่ายในวันแรกคือเดือน ตุลาคม 2556 อยู่ที่ราคา 21,900 บาท และคาดว่าเมื่อ note 3 วางจำหน่ายราคาของ note 2 ก็อาจจะขยับลงไปได้อีก ซึ่งก็จะทำให้เราขายต่อของเราถูกลงไปอีกมาก


ภาพเปลี่ยนเทียบระหว่าง note 3 และ note 2

ดังนั้นหากคุณคิดว่าจะเปลี่ยนมือถือใหม่อย่างแน่นอนให้ชิงขายก่อนล่วงหน้าประมาณ 1 - 2 เดือน เพื่อที่จะทำให้เราขายมือถือได้ในราคาสูงเพื่อเตรียมไปทบเงินเพื่อซื้อรุ่นใหม่ได้ในวงเงินที่ไม่มากจนเกินไป อันนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนมือถือตามกระแสเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และไม่เหมาะนะครับกับคนที่ซื้อมือถือเงินผ่อน ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องเป็นหนี้กันแบบไม่รู้จับจบจักสิ้นอย่างแน่นอน

ด้านล่างคือโปสเตอร์งานแถลงข่าวเปิดตัวมือถือตัวท้อปของค่าย sumsung ที่จะมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าไปรับฟังกัน


นอกจากนี้เรายังสามารถทำเทคนิคนี้ไปใช้กับมือถือตัวท้อปค่ายอื่นๆได้อีกด้วยเช่น apple / LG และอีกมากมาย
องค์ประกอบอื่นๆที่มีผลต่อการขายมือถือให้ได้ราคาดีนั้น อาทิเช่น สภาพเครื่อง อุปกรณ์และกล่องครบ ร้านที่รับซื้อ (แนะนำว่าให้เลือกร้านใหญ่ไว้ก่อน ผมเองก็มีร้านประจำ) หรือทางเลือกอีกทางคือขายผ่าน internet ซึ่งจะเป็นการขายให้กับผู้สนใจโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าตามร้านก็จะทำให้เราได้ราคาดีกว่าขายตามร้านแต่ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะครับ


Create Date : 19 กันยายน 2556
Last Update : 19 กันยายน 2556 16:07:26 น. 0 comments
Counter : 772 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

thainn
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add thainn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.