ที่ผ่านมา โนเกียระบุว่าได้ทำสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีมากกว่า 40 รายสามารถใช้เทคโนโลยีของโนเกียได้อย่างเสรี การเรียกร้องครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพราะโนเกียต้องการให้ทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมมือกับโนเกียเพื่อพัฒนาสินค้าอย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้ โนเกียยืนยันว่านอกจากกูเกิลและอัสซุส บริษัทใดที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาใช้เทคโนโลยีของโนเกียล้วนสามารถติดต่อบริษัทเพื่อเซ็นสัญญากับโนเกียได้โดยไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใดๆ สำหรับเทคโนโลยี Wi-Fi ใน Nexus 7 ที่โนเกียระบุว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรนั้นเป็นมาตรฐาน IEEE 802.11 Wi-Fi หนึ่งในเทคโนโลยีพื้นฐานที่ทำให้โนเกียฟ้องร้องบริษัทอย่าง ViewSonic, HTC และ Research in Motion ในประเทศเยอรมนีช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เบื้องต้น สื่อมวลชนเชื่อว่าโนเกียนั้นถือครองสิทธิบัตรเทคโนโลยีอย่างน้อย 10,000 รายการ และสามารถทำเงินได้มากกว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีจากทรัพย์สินทางปัญญาที่ถืออยู่ จุดนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าหากกูเกิลและอัสซุสตกลงเซ็นสัญญากับโนเกีย ทั้งคู่จะต้องจ่ายเงินส่วนแบ่งยอดขายให้โนเกียหรือไม่ ในมูลค่าเท่าใด การจ่ายเงินค่าสิทธิบัตรครั้งล่าสุดในวงการโทรคมนาคมที่เป็นข่าวดังทั่วโลก คือ HTC ที่จำใจต้องจ่ายเงินให้ไมโครซอฟท์ราว 5 เหรียญต่อเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่จำหน่ายไป ซึ่งเป็นผลจากการที่ HTC ตัดสินใจยอมความในปี 2011 ทำให้ไมโครซอฟท์ได้รับเงินถึง 225 ล้านเหรียญในครั้งนั้น |
สะท้อนว่า ราคาค่าเครื่อง ค่าบริการที่แพงนั้น
มาจากค่าลิขสิทธิ์ต่างๆนั่นเอง
วันนึ่ง ผู้บริโภคอย่างเราไจะมีค่าลิขสิทธิ์อะไรมั่งไหมหนอ
ที่ให้ยักษ์ทั้งหลาย ยอมจ่ายเงิน สร้างสถานที่พักผ่อนอย่างสวนสาธารณะกลางกรุง หรือ บริจาคเยอะๆ เพื่อรณรงค์เพื่อโลกให้เยอะๆมั่ง
อย่าลืมไปแวะแก๊งบ้านหมอโจมั่งนะครับ
เชิญเที่ยวบ้านแก๊งหมอโจ จ้า