แหล่งข้อมูลจากไฟล์เอกสารของบริษัทไมโครซอฟต์ อ้างว่าเครื่องเอ็กบ็อกซ์รุ่นถัดไปจะวางจำหน่ายในปีหน้า มาพร้อมกับคิเนกต์เวอร์ชันปรับปรุงใหม่พ่วงไดรฟ์บลูเรย์ แถมด้วยแว่นตาจำลองภาพเสมือน AR ออกตามมาในปี 2014 

       
       ล่าสุดได้มีข้อมูลรั่วไหลออกมาจากทางฝั่งบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเกี่ยวกับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ที่จะมาสืบทอดเอ็กบ็อกซ์360 โดยเป็นไฟล์เอกสารจำนวน 56 หน้าที่บ่งบอกถึงสเปคข้อมูลรายละเอียดของตัวเครื่องซึ่งได้ถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์ Scribd ระบุว่าเครื่อง Xbox720 จะออกวางขายปี 2013 ในราคา 299 เหรียญหรือประมาณ 9,400 บาท และจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการควบคุมแบบจับการเคลื่อนไหวของไมโครซอฟต์เวอร์ชันอัพเดทหรือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "Kinect V2"
       
       สำหรับเจ้าตัวคิเนกต์เวอร์ชันใหม่นี้ ในเอกสารระบุว่ามันสามารถรองรับการตรวจจับร่างกายผู้เล่นแบบทั้งตัวได้สูงสุดถึง 4 คนพร้อมกัน ปรับปรุงระบบจดจำเสียงและความละเอียดตัวกล้อง แถมมันยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถนั่งเล่นเกมได้ไม่ต้องเมื่อยยืนตลอดเวลา อีกทั้ง "Kinect V2" มันยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในห้องนั่งเล่นของผู้ใช้โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องขยับเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่เหมาะสมที่สุดอีกต่อไป
       
       โดยในเอกสารดังกล่าวได้ระบุเพิ่มเติมว่าเครื่องเอ็กบ็อกซ์รุ่นใหม่จะติดตั้งไดรฟ์อ่านแผ่นบลูเรย์เข้ามาในตัว รองรับการแสดงภาพ 3 มิติแบบเต็มรูปแบบที่ความละเอียด 1080p และมีขุมพลังที่เหนือกว่าเครื่องเอ็กบ็อกซ์360ในปัจจุบันถึง 4 - 6 เท่า พร้อมฟังก์ชันแบบ "always on" และความสามารถในการรันแอพพลิเคชั่นหลายๆอย่างพร้อมกันหรือ Multitasking ซึ่งทางบริษัทคาดว่าตัวคอนโซลรุ่นใหม่นี้มันจะขายได้ถึงหลัก 100 ล้านเครื่องภายในช่วงอายุขัย 10 ปีของมัน ทั้งนี้ในเอกสารก็ไม่ได้ระบุว่าเครื่องรุ่นใหม่นี้จะใส่ฟีเจอร์ที่บล็อกห้ามไม่ให้ผู้ใช้เล่นแผ่นมือสองเข้ามาเหมือนอย่างข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่
       
       นอกจากนี้ในเอกสารยังระบุด้วยว่าไมโครซอฟต์วางแผนที่จะเพิ่มฟีเจอร์รองรับแว่นตาจำลองภาพเสมือน (Augmented Reality Glasses) สำหรับเครื่องเอ็กบ็อกซ์รุ่นถัดไป โดยจะออกมาเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีชื่อว่า "Fortaleza" ซึ่งตัวแว่นสามารถทำงานแบบไร้สายผ่านสัญญาณเชื่อมต่อ Wi-Fi และ 4G มีกำหนดออกวางจำหน่ายภายในปี 2014
       
       ซึ่งในตอนท้ายของเอกสารยังได้มีการเอ่ยถึงระบบคลาวด์ โดยระบุว่าทางไมโครซอฟต์กำลังมองหาความเป็นไปได้ถึงบริการในรูปแบบคลาวด์สตีมมิ่งสำหรับยุคอนาคต ซึ่งทางบริษัทเตรียมแผนที่จะนำเสนอซอฟต์แวร์และบริการในอนาคตผ่านระบบคลาวด์เพื่อตัดปัญหาให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องคอยอัพเกรดเฟิร์มแวร์ของตัวเครื่องให้เป็นเวอร์ชันใหม่ๆอีกต่อไป
       
       อย่างไรก็ตามเอกสารดังกล่าวได้ถูกเขียนขึ้นไว้เมื่อสองปีก่อนตั้งแต่กลางปี 2010 และตอนนี้ไฟล์เอกสารทั้งหมดก็ได้ถูกถอดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามคำขอของทีมงานฝ่ายกฎหมายของบริษัทไมโครซอฟต์