ไม่มีที่ไหน..เกินใจฝัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เยี่ยมประเทศเพื่อนบ้าน...ล๊าว..ลาว ภาค2 (วังเวียง)

จาก..ภาคแรก

เริ่มต้นเดินทางไกลบ้าน...เยี่ยมประเทศเพื่อนบ้าน...ล๊าว..ลาว

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thailandguide&group=10

ไม่รู้หลับไปนานเท่าใด..ก็จากจุดเที่ยว 5 จุด กับแดดร้อนๆ ที่เวียงจันทน์ ทำให้รู้สึกหมดแรง..ด้วยความร้อน แต่น้องคนนีงนอนไม่หลับ..เลยนั่งอ่านคู่มือเที่ยวลาวภาคภาษาลาวตลอดทางจนถึงวังเวียง..
และแทบไม่น่าเชื่อว่า น้องจะอ่านได้เข้าใจจนเอามาสอนให้อีก 3 คนที่เหลือพอเข้าใจไปด้วย เค้าบอก ง่ายกว่าภาษาไทยอีก..เออแน่ะ

ตื่นอีกที..อ่า..ถึงแล้ว..
เป็นเมืองของฝรั่งไปแล้วจริงๆ หันไปทางใด..ก็มีแต่ผมทองเต็มไปหมด ร้านค้าส่วนมาก มีแต่ฝรั่งฝังตัวนั่งดูซิทคอม หัวเราะกั่กๆ กันเต็มไปหมด..





จากจุดจอดรถ หมายถึงรถมาจอดยังบริเวณที่เป็นเรือนพัก (ที่นี่ใช้คำว่าเรือนพัก แทนคำว่าโรงแรม)
ที่นี่เสนอราคามา ห้าร้อยบาทต่อห้อง พักได้สองคน ไม่ดีกว่า..ขอเดินดูอีกหน่อย..จนมาเจอแม่หญิงกางร่ม เดินมาถามว่า ไปพักบ้านน้องมั้ย เพิ่งสร้าง ใหม่ๆ ชื่อ สมพะไท พักสี่คน คืนละสี่ร้อยบาท อ่า..พอรับได้..ราคาพอรับได้ แม่หญิงลาวคนนี้ก็น่ารัก..ไม่รู้เหตุผลข้อไหนที่ทำให้เราสี่คน เดินตามเธอต้อยๆ เพื่อไปยังที่ๆเธอแนะนำ





พอเห็นห้องพัก ว้าว..ดีเลย ตอนแรกได้ห้องเตียงใหญ่+เตียงเล็ก แต่พอน้องเค้าเช็คให้อีกที ห้องเตียงใหญ่ 2เตียงทำเสร็จแล้ว ก็เลยย้ายขึ้นชั้นสอง ได้ห้องอย่างที่เห็นนี่ล่ะ เอาล่ะๆ ได้ที่พักแล้ว อาบน้ำอาบท่า แล้วไปหาไรกินกันเหอะ มติเอกฉันท์ เพราะ..หิวแล้ว..

พออาบน้ำเสร็จ สบายตัวกันแล้ว ก็เดินออกมาหาข้าวกินกัน คิดถึงข้าว หลังจากที่มื้อเช้านี้กินขนมปังเข้าไป ระวังเรื่องแป้งนัวอ่ะแหละ..เลยสั่งไม่ใส่แป้งนัว คนขายบอก คะนอร์ใส่บ่..แหมๆ คะนอร์ก็แป้งนัวแหละ..เลยบอกบ่ใส่
ใส่แต่ซอสถั่วเหลืองกะน้ำมันหอย เผลอสั่งโอเลี้ยงไปอีกล่ะ..ลืมบอกว่าไม่หวาน..เลยได้มาแบบกาแฟมื้อเช้า..หวานนนนนนนนน เฮ้อ..จะหวานไปถึงไหนกันเนี่ย..ราคาข้าวที่นี่ก็พื้นๆ ตามข้อมูล เริ่มต้นที่ หมื่นกีบ น้ำปั่น โอเลี้ยง ก็ห้าพันกีบ..มื้อนี้หมดไปสองคนแม่-ลูก สามหมื่นกีบ อิ่มท้องแล้ว..
มื้อแรกในวังเวียง แต่เป็นมื้อที่สองในลาว หน้าตาเป็นเช่นนี้...ข้าวผัดหมู..






ไปร้านเน็ต เช็คเมลล์ ทำไรสักพักใหญ่ ค่าเน็ต นาทีละสามร้อยกีบ สองคนหมดไป สองหมื่นแปดพันกีบ ก็นะ ลูกชายวัยรุ่นคิดถึงเพื่อนๆ โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เค้าคุยกัน เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง อิ่มท้องแล้ว ก็ขอนอนสักพักเหอะ..จากนอนสักพัก เลยกลายเป็นนอนยาว เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เลยไม่ยอมออกไปชมเมืองยามค่ำคืน
ปล่อยให้น้องๆไปกันเอง มื้อเย็นเลยไม่ต้องถามถึง ข้าวผัดจานนี้ อยู่ได้ข้ามคืนเลย

เปิดดูข้อมูลที่ปริ้นออกมา..พรุ่งนี้เราวางแผนว่าจะเช่าจักรยาน(รถถีบ)กันทั้งวัน


วันที่ 6 พ.ค. 2552 สถานที่ วังเวียง ประเทศลาว

ติดต่อเช่าจักรยาน ตั้งแต่เช้า ทั้งวัน 6โมงเช้า ถึง 6โมงเย็น 10,000 กีบ สำหรับจักรยานแม่บ้าน 20,000.- กีบ สำหรับจักรยานเสือภูเข้า เจ้าหนุ่มน้อยบอก ขอแบบนี้นะแม่ แบบนั้นไม่เท่ห์ เอ๊าๆ ตามใจ





บรรยากาศยามเช้าที่วังเวียง..สบายๆ ไม่หนาว ไม่ร้อน ..ระยะทางจากที่พักไปตลาดไกลพอสมควร แต่ปั่นไม่เหนื่อยนะ ปั่นไปชมวิวไป เพลินเลย ภาพตลาดเช้าที่มีวิวภูเขาด้านหลังนี่ สวยเชียว..





ของที่ขาย ก็เป็นอาหารพื้นบ้านทั่วๆไป พวกสัตว์แปลกๆ ค้างคาว ลูกนก กระรอก กระแต หนอนตัวอวบอ้วน ที่วางขาย ทั้งแปรรูปแล้ว กับที่ยังดิ้นกระดุ๊บๆทำเอาลูกชายบอกว่า แม่กลับเหอะ เห็นแล้วไม่อยากกินข้าว สงสาร ตัวอะไรเค้าก็เอามากินหมด สำหรับตัวเองก่อนหน้านี้ เคยใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขา เคยชินกับอาหารพวกนี้ กินได้ ถ้าต้องกิน เพราะคนที่ทำให้กินเขาถือว่า เรากินเพื่อยังชีพ ในถิ่นที่ไม่สามารถหาซื้อพวกเนื้อสัตว์ได้ง่ายๆแบบสังคมเมือง เลยเป็นคนเดียวในกลุ่มที่กินอะไรแปลกๆได้ แต่ไม่ได้ซื้อมากิน เพราะในเมื่อเรามีทางเลือก ก็เลือกเถอะนะ..
มิ้อเช้าของวันนี้เลยเป็น ไส้อั่ว กับข้าวเหนียว น้ำพริกถุงเล็กๆ ถุงนึง ขนมหวานก็เป็นข้าวต้มมัดไส้กล้วย ซื้อมาตุนไว้นิดหน่อย เพราะต้องปั่นจักรยานกันทั้งวัน





จากตลาดเราไปนั่งกินข้าวเช้ากันที่ร้านบาเก็ตใกล้ๆที่พัก เพราะเป็นทางผ่านที่เราจะปั่นจักรยานเที่ยวกันในวันนี้ ลูกชายดูจะเอร็ดอร่อยกับบาเก็ตไส้เบค่อนมาก ถึงกับออกปากว่า แม่ทิ้งลูกไว้ที่นี่ได้นะ แล้วอีกปีสองปี แม่กลับมาดู ตัวคงอย่างอ้วน แต่ต้องทิ้งตังค์ซื้อกินไว้ให้ด้วยนะ..
แน่ะๆ กะจะกินแต่ของพวกนี้ หรือไงนะ ไหนๆก็มานั่งร้านเค้าแล้ว ก็อดที่จะอุดหนุน โดยสั่งคาปูชิโน่เย็นไม่ได้ รอบนี้ย้ำแล้วย้ำอีก ไม่หวานๆๆๆๆๆๆ เลยได้รสชาติพอถูกใจ





ตอนแรกตั้งใจจะปั่นจักรยานไปกันเลย แต่ก็คิดว่า มีงานที่ต้องทำให้เสร็จ เลยพากันไปที่ร้านเน็ต เพื่อเช็คงานส่งงานให้เรียบร้อย แล้วเราก็ปั่นจักรยานไปชมสะพานข้ามแม่น้ำซองกัน..สะพานนี้ต้องจ่ายค่าข้าม คนข้าม 1,000.-กีบ จักรยาน 1,000.- กีบ สำหรับคนลาวนะ ถ้าอัตราคนต่างชาติ ก็คูณสองเข้าไป อย่างเราๆต้องดูอัตราต่างชาติ ก็นะ ค่าข้ามทั้งคนทั้งรถถีบ ก็คนละสี่พันกีบ ก็เลยจอดจักรยานไว้ แล้วเดินเลาะลงไปข้างสะพาน ชมวิวแม่น้ำกัน ตอนนี้เริ่มอ่านภาษาลาวกันเก่งล่ะ จากที่น้องในกลุ่มนั่งอ่านคู่มือท่องเที่ยวแจกฟรีมาตลอดทางจากเวียงจันทน์จนถึงวังเวียง ก็เอามาบอกมาสอนกัน ว่าตัวนี้หมายถึงยังงี้ๆ เออ..อ่านกันใหญ่ ตอนแรกเราแทบจะไม่สนใจเลย รอเค้าแปลอย่างเดียว ภาษาลาวไม่อ่าน ภาษาอังกฤษก็ไม่อ่าน
พอตอนหลังชักสนุกเลยลองหัดอ่าน ก็เพลินดีเหมือนกัน





พอดีเมื่อวานตอนเรานอนหลังจากอิ่มท้อง น้องสองคนพากันไปเดินเที่ยวสำรวจ เค้าเลยพบว่ามีสะพานไม้ข้ามไป แบบไม่ต้องเสียค่าข้าม อ่า..ดีเลย เราพากันลัดเลาะไปตามทางที่ว่า จูงจักรยานข้ามไป เจอที่พักที่คุณสะพายเป้ เคยมาพักก่อนหน้านี้ โมนาลิซ่า มิน่า..ตอนที่คุณสะพายเป้เล่า ถึงได้บอกว่า เดินแบกกระเป๋ากันหน้าเขียว ก็ครวจะเป็นอย่างนั้น เพราะนับว่าไกลมากจากที่ๆที่รถจอดส่งผู้โดยสารที่มาจากเวียงจันทน์ ข้ามแม่น้ำซองมากันเลย เราพากันปั่นไปจนเจอป้ายเที่ยวถ้ำ ก็พากันไปตามป้ายบอกทาง หนทางก็แสนลำบาก ร้อนน่ะร้อนอยู่ตัวล่ะ แต่ทางที่มันไม่เรียบนี่สิ เริ่มมีคนบ่นเจ็บตูดกันล่ะ ปั่นเกือบจะถึงอยู่แล้ว กะตามระยะทางที่อ่านจากป้ายน่ะนะ เจอเพิงพักที่มีชาย-หญิงชาวลาวนั่งอยู่ ก็เลยแวะเขาไปถาม ว่าอีกไกลมั้ย เค้าบอกไม่ไกล อีกนิดเดียว น้องๆก็เลยถามต่อ สวยมั้ย เค้าบอกมีสองถ้ำ ถ้ำนึงสวย อีกถ้ำไม่สวย เราก็เลยกะจะปั่นหน้าเริ่ดไปเลยนะ..แต่ถูกเรียกไว้ว่าพี่สาวๆ จ่ายค่าปี้ก่อน คนละ 5,000.- กีบ เฮ้อ..หนีไม่พ้นค่าปี้เสียจริงๆ ก็เลยหันกลับมาปรึกษากัน จริงๆก็อัตราเดียวกันกับที่เราจ่ายเพื่อเข้าชมธาตุหลวง แต่ค้านกันตรงที่ว่า สถานที่เหล่านั้น มีค่าบำรุงรักษาที่สูงมาก แต่สำหรับที่นี่ สภาพคงไม่ต่างจากถนนที่เข้าไป คือ ถนนเป็นแค่ทางรถที่แล่นผ่านตอนหน้าฝน ไม่ได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าจ่ายค่าบำรุงรักษาไปบ้างเลย เราเลยพากันหันหลังกลับตามทางเดิมที่เข้ามา สวนทางกันรถขนาดใหญ่เล่นเอากินฝุ่นกันจนเต็มท้อง





จุดหมายต่อไป คือ ถ้ำจังที่อยู่ในวังเวียงรีสอร์ท มีค่าเข้าชมแน่นอน แต่มั่นใจได้ว่า สถานที่มีการบำรุงรักษาแน่นอน ปั่นเรื่อยๆไปตามถนน





สะดุดตากับต้นมะพร้าว โผล่ไปอยู่บนนั้นได้อย่างไร จอดจักรยานเพื่อสำรวจ..อ๋อ..ยังงี้นี่เอง มองลำต้นข้างล่าง เหมือนไม่ใช่ต้นมะพร้าว น้องบอกว่า มีคนถ่ายรูปไปด้วยนะพี่ เคยเห็น เราก็เลยเอาน่ะ เราก็ถ่ายมั่ง ถ่ายเอากลับไปเล่าเรื่อง เหมือนเดิม คือ มีค่าธรรมเนียมเข้าชม คนละ 2,000.- กีบ สำหรับค่าเข้าชมรีสอร์ท 2,000.- กีบ สำหรับค่าข้ามสะพานไปชมถ้ำ ข้ามแบบไม่ให้เอารถจักรยานข้ามไปด้วยนะ เฮ้อ..ข้ามตรงไหนๆ ก็ต้องจ่ายตังค์ เริ่มเซ็งบ้างแล้วล่ะ แต่บรรยากาศโดยรวมดี ก็เลยทำให้ใจกลับมาร่มๆได้อีก ถามว่าแบบนี้บ้านเรามีมั้ย ก็มีนะ แล้วทำไมเราต้องตะกายมาเที่ยวชมถึงนี่ล่ะ ถามตัวเองแบบนี้บ้างเหมือนกัน เราก็เลยย้อนกลับไปคิดถึงวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้ในตอนแรก ว่า เราต้องการเห็นสิ่งที่แตกต่างจากที่บ้านเมืองเรามี แล้วตอนนี้เราก็ได้เห็นแล้ว ค่าของเงินที่เราต้องจ่ายทุกอย่างนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาบนแผ่นดินลาว บางอย่างในบ้านเราไม่ต้องจ่ายเลย ไม่ต้องซื้อต้องหา ยิ้มแย้มแจ่มใส อุดมสมบูรณ์ไปด้วยรอยยิ้มและน้ำใจ อย่างคนค้าขายบ้านเรา เวลามีลูกค้าเข้าร้าน แทบจะอุ้มไปป้อนข้าวป้อนน้ำเช็ดตัวกันเลย แต่ที่นี่ขอโทษค่ะ ขายของยังไม่ยิ้มเลย ซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็เดินกลับไป แถมด้วยบ่นตามหลังอีกเป็นกระบุงโกย อันนี้เป็นสิ่งที่เราพบเห็นมาแล้วจริงๆ กับการเดินทางมาครั้งนี้ เราเชื่อว่าทุกที่ ทุกแห่งในโลกมีคนแบบนี้อยู่ แล้วคนที่เจอ ก็คือคนที่โชคร้าย แต่สำหรับเรา การที่ได้เจอ นับเป็นโชคดี ที่ได้เห็นทั้งด้านดีและไม่ดี ของคนชาติอื่น ว่ามั้ย


มีน้ำตกเล็กๆอยู่ภายในบริเวณรีสอร์ท ที่เราพากันไปนั่งมองความใสของน้ำ
และ ทำได้แค่เพียงก้าวลงไปวักน้ำลูบไล้เนื้อตัว เพราะไม่อาจต้านทานกับความเย็นของน้ำได้ ฮ่าๆ ไม่ไหวหรอก อากาศจะร้อนยังไงก็เหอะ ถ้าลงไปแช่ ยังไงก็ต้องสั่น เย็นซะขนาดนั้น ฝรั่งกลุ่มนึง มีทั้งชาย-หญิง นุ่งกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ เพราะเค้าใส่แค่บิกินี่ แล้วนุ่งกางเกงขาสั้นไว้ข้างนอก ถือเป็นเรื่องปรกติของฝรั่งทุกคนที่อยู่ในวังเวียง กับการแต่งกายแบบนี้ และ ไม่รอดที่จะตกเป็นเป้าสายตาของคนเอเชีย แบบเราๆกันทุกคน เพราะเค้าสลัดผ้าเตรียมลงไปแหวกว่ายกันเต็มที่ บางคน ก็เอาผ้าออกมาปูเพื่ออาบแดดบริเวณนั้น เฮ้อ..นะ ปล่อยฝรั่งไป เราหาที่นั่งกันก่อน เพื่อจะควักข้าวเหนียว ไส้อั่ว ไก่ย่าง น้ำพริก ข้าวต้มมัด ที่เหลือจากมื้อเช้า และห่อเก็บไว้ เพื่อการนี้แหละ ตอนที่ซื้อน้องคนนึงบอกว่าพี่น่ะ ซื้อเยอะ เลยต้องยกมาอธิบายกันตอนนี้ว่า ที่บ้านพี่เป็นครอบครัวใหญ่ เวลาเราจะไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว เราสนุกที่จะห่อข้าว ห่อกับ มาด้วย เพื่อมานั่งกินแบบนี้ ได้บรรยากาศ เราไมได้ไปสำรวจถ้ำกันหรอก เพราะมีค่าธรรมเนียม(อีกแล้ว) เพราะความเซ็ง หรือ เพราะขั้นบันได ของถ้ำที่ทำเอาเราไม่ยอมขึ้นไป แต่ส่งตัวแทน คือลูกชาย ที่ยังมีความอยากรู้อยากเห็นเยอะอยู่ ขึ้นไปดูว่ามีอะไรบนนั้น ส่วนเราๆ ก็พากันอิ่มเอมกับอาหารที่ห่อมา ได้บรรยากาศจริง..จริ๊ง..นะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน เพราะกว่าลูกชายจะกลับลงมา ก็เย็น แบบว่า ลูกชายมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีมากกกกก ไม่รู้เหมือนใคร..ฮ่าๆ ตอนขึ้นไป ก็ไปรู้จักกับกลุ่มพี่ๆ ที่เค้ามีไกด์ ก็ไปผสมปนเปกะเค้าเพื่อฟังเรื่องราวจากไกด์ ได้ความรู้ กลับลงมาเล่าให้แม่ ให้อาๆฟัง เราก็นั่งฟังกันสักพัก ลูกชายก็บอก ไปขอบคุณพี่ๆ กับไกด์เค้าก่อนนะแม่ เดี๋ยวเราจะกลับกันแล้วนี่..อืมๆ ไปเหอะ เค้าก็ไปบอกพี่ๆว่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ และ ขอบคุณพี่ไกด์สำหรับความรู้ที่ได้รับ





ฝนตั้งเค้าแล้ว กลับกันเถอะนะ ดูมืดครึ้มไปหมด ได้เวลาพอดีแหละ เย็นแล้ว เรากลับกันดีกว่า เพราะเรามีแผนจะไปเล่นน้ำซองกันเย็นนี้ เราปั่นกลับอีกเส้นทางนึง เจอตลาดเย็น เลยแวะดูอะไรกินนิดหน่อย ชอบกล้วยปิ้งที่นี่ โดยปรกติ เราชอบกล้วยปิ้งแบบแข็งๆ ไม่ต้องทับ ต้องหนีบ เราเห็นวิธีการทำกล้วยแบบนี้ตั้งแต่เช้า เราสงสัย พอมาเห็นเป็นกล้วยปิ้งในตอนเย็น เราเลยหายสงสัย เค้าจะผ่ากล้วย แล้วนำไปตากแดดทั้งวัน ก่อนจะนำมาปิ้งขายในตอนเย็น 2,000.- กีบ ได้แปดลูก ตอนเราซื้อก็บ่นกันนะ กินแต่กล้วย แต่พอซื้อมาแล้ว ก็เห็นอร่อยกันทุกคน แม้แต่คนที่ไม่ชอบกินกล้วย ว่างั้นเถอะ ฮ่า.. เราแวะแลกเงินกีบ ที่ร้านรับแลกเงิน อัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีนัก หายไปจากที่เคยแลก หมื่นกีบ ก็คิดง่ายๆ บาเก็ตใหญ่ๆ อันนึง แต่ต้องแลกแล้ว เงินไม่พอ


ฝนที่ตั้งเค้า ลงมาเปาะแปะ แล้วก็หายไป จนเราเอาจักรยานมาคืนร้านเช่ากันเรียบร้อย คุ้มค่าจริงๆ น้องๆบอก ปั่นทั้งวันจนเจ็บตูดไปหมด จักรยานทุกคันที่ให้เช่า จะถูกถอดเบาะซ้อนท้ายออก เพราะคนให้เช่าบอกว่า ไม่ถอดออกไม่ได้ ไม่งั้นฝรั่งชอบซ้อนท้ายกัน ตัวใหญ่กันทั้งนั้น ตอนเอาจักรยานมาคืน ทางร้านต้องซ่อมจักรยาน ค่าเช่าไม่พอค่าซ่อมเลย เลยตัดปัญหาว่าถอดเบาะซ้อนท้ายออก อืม นี่ก็เป็นอีกข้อสงสัยที่ถูกไขให้กระจ่าง
จากร้านจักรยาน

เราแว๊บเข้าไปร้านเน็ตที่อยู่ข้างๆ เพื่อจองตั๋วรถไปหลวงพะบางพรุ่งนี้ เพราะเห็นอัตราค่าโดยสารที่นี่ ถูกกว่า ร้านที่เราแวะไปแลกเงินกัน ตั้ง 5,000.- กีบ ง่ายๆ น้ำขวดใหญ่ขวดนึงล่ะน่ะ ค่าโดยสารคนละ 95,000.- กีบ
สำหรับรถตู้ จากวังเวียง ไป หลวงพะบาง รถจะมารับหน้าที่พัก ตอน 8.30 น.

แวะเข้าไปห้องพัก เอาของไปเก็บ เพื่อเตรียมตัวไปเล่นน้ำ
เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเดิมสะพานไม้ที่ไม่ต้องจ่ายค่าข้ามนั่นแหละ มีกลุ่มคนเล่นน้ำไม่เยอะเท่าไหร่ ฝนลงมาเปาะๆแปะๆ แล้วก็หาย สลับกับอยู่อย่างนี้ จนเห็นรุ้งกินน้ำ เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ลับเหลี่ยมเขาซะเลยทีเดียว ลงไปจุ่มๆ แช่ๆ ได้แป๊ปเดียว ก็เลิกล้มความตั้งใจ ปล่อยให้พวกหนุ่มๆ เค้าแช่น้ำกันไป คงเพราะอากาศร้อนจัดล่ะมั้ง เลยนึกอยากกลับไปอาบน้ำที่พักมากกว่า จะได้ทำความสะอาดร่างกายได้สบายๆ ก็เลยพากันกลับที่พักกันสองสาว ปล่อยสองหนุ่มทิ้งไว้ เพราะเห็นได้เพื่อนใหม่กันอีกแล้ว มนุษย์สัมพันธ์ดีกันจริงๆ เข้ากับคนง่าย

แผนสำหรับเย็นนี้ คือ กินข้าวร้านเดิมเมื่อเช้านี้ เพราะลูกชายติดใจบาเก็ตไส้เบค่อนที่นี่ เราเองยังไม่รู้เลยว่าอยากจะกินอะไร คงไปหาเอาตรงนั้นแหละ ไม่มิไอเดีย น้องอีกคนเป็นอิสลาม มีอาหารสำหรับตัวเองมา รอจนหนุ่มๆกลับมาจากเล่นน้ำ ก็ออกไปร้านเดิม เราก็เพิ่งจะเลือกได้ กินบาเก็ตหมือนลูกชายก็ได้ แต่เป็นไส้ไข่

ก่อนหน้าที่จะมา ก็อยากจะกินนักล่ะ หนมปังฝรั่งเศสของที่นี่น่ะ แต่ไม่ราดมายองเนสนะ เพราะไม่ชอบรสชาติอะไรแบบนั้นเลย ราดซอสพริก กะซอสมะเขือเทศยังพอทน แต่เจ้าลูกชายบอก แม่หิวจัด ขอเพิ่มแพนเค้กราดน้ำผึ้งด้วยนะ ไม่งั้นไม่อิ่ม ..โห ดูเถอะ บาเก็ตอันเบ้อเริ่ม ลูกยังบอกไม่อิ่ม เสียดายไม่ได้เอากล้องติดมา ไม่งั้นจะถ่ายรูปแพนเค้กแผ่นโต มาให้ให้ชมกัน ว่าสามารถจริงๆลูกฉัน น้องชายสั่งสปาเก็ตตี้ผัดเนื้อ อื้ม หน้าตาน่ากินมากอยู่ แต่เราแพ้เนื้อน่ะสิ นั่งๆกินอยู่ ฝนลงมาอีก เปาะแปะ เยอะนี่ ยกโต๊ะกันแทบไม่ทัน

ยิ่งค่ำมืด ร้านเริ่มคึกคักขึ้น ฝรั่งกลุ่มใหญ่เข้ามานั่ง ต้องเรียกว่ากลุ่มใหญ่ เพราะถึงขนาดต่อโต๊ะกันเลย บรรยากาศคล้ายๆพัทยา ที่มีรถโดยสารพาฝรั่งที่ไปเที่ยวล่องห่วงยางกลับมาจอดอยู่บนถนน ฝรั่งชาย-หญิง กรูกันลงมาเดินเพ่นพ่านอยู่บนถนน ด้วยสภาพที่เห็นชัดๆว่า แต่ละคนถ้าจับไปเป่าแอลกอฮอล์ คงอยู่ในระดับที่สูงมาก อาหารมื้อนี้ ผ่านไปอย่างอิ่มจัด กลับไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันอีกแล้ว



โปรดติดตามตอนต่อไป..ภาค3 สะบายดีหลวงพะบาง


Create Date : 02 กรกฎาคม 2552
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 22:41:57 น. 5 comments
Counter : 887 Pageviews.

 
ตอนนี้ 1 เป็นเงินกี่กีบแล้วคะเนี่ย อยากไปเที่ยวเหมือนกันไม่เคยไป


โดย: youi IP: 115.67.220.101 วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:45:20 น.  

 
จะตามอ่านตอนต่อไปนะครับ


โดย: In Love IP: 96.255.16.241 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:39:50 น.  

 
wow wow wow!
waiting for Luangprabang ja!!


โดย: love luangprabang IP: 202.137.151.2 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:28:50 น.  

 
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

และ โปรดติดตาม สะบายดี หลวงพะบาง ที่ตามมาติดๆ

สำหรับผู้ที่อยากรู้ค่าใช้จ่ายโดยรวม มีอยู่ในภาค3 ค่ะ

อย่าลืมตามไปอ่านกันนะคะ


โดย: Wisky_soda_cola วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:39:37 น.  

 
หนราคาแล้วตกใจ !
แต่ลืมนึกไปว่าหน่อยเปน กีบ.

บรรยายอยากไปอีกแล้วอะแม่ ๆ

TT
55555555555*


โดย: จอย ย* IP: 124.120.147.106 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:53:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Whiskythai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..ของคุณแม่..

มาจากเมืองหนาว แต่ขี้หนาว
ชอบสีเขียวสดใสของต้นไม้
มากกว่าสีสดสวยของดอกไม้
ชอบการเดินทาง ตามเรื่องราวที่ได้อ่านจากหนังสือ
แต่..ไม่เคยจำเส้นทางได้เลยสักครั้ง


..ของคุณลูก..

มาจากเมืองหนาว แต่ขี้หนาว
ชอบสีดำที่มืดหม่น แต่ชีวิตไม่เคยหม่น
ชอบการเดินทาง การผจญภัย และท้าทาย
ไม่เคยรู้ว่าคนรอบตัวชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
แต่... รู้แค่ว่าต้องรักและดูแลเขาให้ดีที่สุด
หลังไมค์ถึง wisky กดที่นี่
Friends' blogs
[Add Whiskythai's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.